บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู i5 ใหม่ ยนตรกรรมไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นแรกจากตระกูลซีรีส์ 5

กระทู้ข่าว

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู i5 ใหม่ ยนตรกรรมไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นแรกจากตระกูลซีรีส์ 5 
ซีดานหรูพลังไฟฟ้ารุ่นล่าสุด ครบครันด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย สมรรถนะเหนือชั้น และความหรูหราระดับผู้บริหาร

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย นำโดย มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป
ประเทศไทย พร้อมคณะผู้บริหาร ร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว บีเอ็มดับเบิลยู i5 ใหม่ ณ โรงแรม พาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ

(จากซ้าย)
⦁ คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
⦁ มร. กัลดริค ดอนเนอซาน ผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย
⦁ มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย 
⦁ คุณจริยา คูนลินทิพย์ ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย
⦁ คุณปรีชา นินาทเกียรติกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย
⦁ มร. สเตฟาน สโลโบดา ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

กรุงเทพฯ. บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เผยโฉม บีเอ็มดับเบิลยู i5 รถยนต์ซีดานที่มาต่อยอดความสำเร็จของตระกูลซีรีส์ 5 ด้วยเทคโนโลยีระดับไฮคลาส ประสิทธิภาพการขับขี่ที่เหนือชั้น และรูปโฉมที่โฉบเฉี่ยวหรูหรา พร้อมมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมบนท้องถนนหลากหลายรูปแบบ ทั้งความคล่องแคล่วที่สัมผัสได้จากหลังพวงมาลัย และความสะดวกสบายระดับผู้บริหารจากเบาะหลังในทุกอิริยาบถ โดยบีเอ็มดับเบิลยู i5 ใหม่ จะเข้ามาพลิกโฉมวงการยานยนต์ไฟฟ้าระดับ

พรีเมียมด้วยทางเลือกสองรุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport ที่พร้อมนำเสนอประสบการณ์การขับขี่อันยืดหยุ่น รองรับทุกสถานการณ์ และบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive ที่อัดแน่นด้วยประสิทธิภาพการขับขี่ระดับแนวหน้า ผสานความแรงจากตระกูล M เข้ากับนวัตกรรมล้ำยุคจากตระกูล i เข้าด้วยกันอย่างลงตัว

มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 เป็นรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จอย่างเยี่ยมยอดมาตลอดเวลากว่าครึ่งศตวรรษ และการเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู i5 รุ่นใหม่ในวันนี้ก็นับเป็นก้าวแรกของซีรีส์ 5 บนเส้นทางใหม่กับการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% สะท้อนถึงตัวตนของผู้ขับขี่ที่เป็นผู้นำ เปี่ยมด้วยความกล้าที่จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เรารู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัว บีเอ็มดับเบิลยู i5 ใหม่ ให้นักขับชาวไทยได้สัมผัสกันเป็นครั้งแรกในวันนี้ ในฐานะรถซีดานไฟฟ้าระดับพรีเมียมสำหรับผู้บริหารที่จะเข้ามาเปิดฉากยุคใหม่ของตลาดในเซกเมนต์นี้ ตอบโจทย์ทั้งในด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความสนุกสนานในยามขับขี่ เราหวังว่าทั้งบีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive จะตอบโจทย์แฟน ๆ ชาวไทยที่กำลังมองหารถยนต์ที่มอบทั้งความสงบ นุ่มสบายในยามเดินทาง และความสนุกในการขับขี่ โดยไม่พลาดทุกการเชื่อมต่อกับโลกภายนอก”

“บีเอ็มดับเบิลยู i5 ใหม่ เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญภายใต้พันธกิจของบีเอ็มดับเบิลยูในการสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนกว่า 
ผ่านทั้งการลดมลภาวะขณะขับขี่และในกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าให้กับเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูด้วยบริการสุดพิเศษอย่าง Proactive Care ที่เสริมความอุ่นใจด้วยระบบการเชื่อมต่อกับยานพาหนะขั้นสูง ที่จะทำให้เราสามารถส่งมอบบริการการให้คำปรึกษาของเราจากทางไกล เพื่อวิเคราะห์ยานยนต์ได้จากระยะไกล หรือโทรหา Call Centre ทันทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด” มร. บารากา กล่าวเสริม

บีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport 
ราคาจำหน่าย: 4,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard 
นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)

บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive
ราคาจำหน่าย: 5,599,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard 
นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)  

บีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport
บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive


บีเอ็มดับเบิลยู i5 พร้อมนำรถซีดานหรูระดับตำนานจากตระกูลซีรีส์ 5 เดินหน้าสู่ยุคแห่งยานยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยที่ยังรักษาความลงตัวจากการผสมผสานสมรรถนะสุดสปอร์ตเข้ากับความหรูหราระดับผู้บริหาร ครบครันทุกด้านด้วยเทคโนโลยี BMW eDrive รุ่นที่ 5 นวัตกรรมดิจิทัลมากมาย พละกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าและความสะดวกสบายที่เหนือกว่า ภายใต้รูปลักษณ์ที่ดูโอ่อ่าและปราดเปรียวบนทุกเส้นทาง

บีเอ็มดับเบิลยู i5 ใหม่ มาพร้อมกับงานออกแบบส่วนหน้ารถที่เติมความสดใหม่ให้กับกระจังหน้าทรงไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู ด้วยรูปทรงที่ยื่นออกมาเด่นชัดมากขึ้นจากด้านหน้า ล้อมด้วยกรอบที่กว้างกว่าในรุ่นก่อน และตกแต่งด้วยระบบไฟ BMW Iconic Glow บริเวณกรอบ ส่วนไฟหน้าทั้งสองดวง มีหลอด LED จัดเรียงเป็นแถบในแนวตั้งเพื่อทำหน้าที่เป็นทั้งไฟเลี้ยวและไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่ในเวลากลางวัน ส่วนด้านข้างของตัวรถ ดูโฉบเฉี่ยวและทรงพลังด้วยแนวเส้นสายที่สูงเด่น เสริมรายละเอียดด้วยลูกเล่นอย่างสเกิร์ตข้างสีดำ มือจับประตูที่เรียบสนิทไปกับพื้นผิวของประตูรถ และเลข 5 ที่ประดับอยู่บนเสา C พร้อมด้วยหลังคากระจกแบบพาโนรามา ขณะที่ส่วนท้ายรถก็เตะตาไม่แพ้กันด้วยไฟท้ายดีไซน์เรียบหรู
บีเอ็มดับเบิลยู i5 ใหม่ ทั้งสองรุ่น มาพร้อมกับชุดแต่งสไตล์สปอร์ตที่เติมความเข้มในสไตล์ M แบบรอบคัน ไม่ว่าจะเป็นสปอยเลอร์หลังดีไซน์ M สีเดียวกับบอดี้ สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport และสปอยเลอร์สีดำเงาแบบ high-gloss สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive เบรกคาลิเปอร์ (สีน้ำเงินเข้ม dark blue metallic สำหรับรุ่น i5 eDrive40 M Sport และสีแดง red high-gloss สำหรับรุ่น i5 M60 xDrive) และพิเศษสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive กับชุดแต่งไฟหน้าสีดำ M Lights Shadow Line ส่วนล้อแม็กมาในสองขนาดและสองสไตล์ ได้แก่ล้ออัลลอย BMW Individual aerodynamic ขนาด 21 นิ้ว สีดำ Jet Black แบบสลับสี สำหรับรุ่น i5 M60 xDrive และล้ออัลลอย M aerodynamic ขนาด 20 นิ้ว สีเทาเข้ม Black Grey แบบสลับสี

บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive
ในด้านสมรรถนะ ตัวท็อปอย่างบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive พร้อมมอบความแรงถึงขีดสุดด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบพลังงานไฟฟ้า BMW xDrive Electric กับชุดมอเตอร์ที่ให้กำลังขับถึง 442 กิโลวัตต์ / 601 แรงม้า และแรงบิด 795 นิวตันเมตร หรือสูงสุดกว่า 820 นิวตันเมตร เมื่อเปิดใช้งานระบบ M Sport Boost หรือ M Launch Control ทั้งหมดนี้ ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive ทั้งเร็วและแรงเต็มพิกัดในสไตล์ M ด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพียง 3.8 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยพลังจากชุดแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูงที่ติดตั้งอยู่ใต้ตัวถังรถ ความจุพลังงานสุทธิ 81.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งทำให้บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive มีระยะการขับขี่ถึง 455-516 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP หรือ 466 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC

ส่วนในรุ่นบีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport ก็แรงไม่น้อยด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ให้พละกำลัง 250 กิโลวัตต์ / 340 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร และสามารถส่งแรงบิดได้สูงสุดถึง 430 นิวตันเมตรเมื่อเปิดใช้งานระบบ Sport Boost หรือ Launch Control และแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูงชุดเดียวกับรุ่น i5 M60 xDrive จึงมอบอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 6 วินาที และมีระยะการขับขี่อยู่ที่ 497-582 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP หรือ 501 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC

บีเอ็มดับเบิลยู i5 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีการชาร์จไฟฟ้าที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพสูงสุด ด้วยหัวชาร์จแบบ Combined Charging Unit (CCU) รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC กำลังไฟ 22 กิโลวัตต์ และการชาร์จแบบไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุดที่ 205 กิโลวัตต์ จะช่วยให้เจ้าของสามารถชาร์จไฟให้แก่แบตเตอรี่บีเอ็มดับเบิลยู i5 จาก 10% ถึง 80% ภายในเวลาเพียง 30 นาที  

ยานยนต์บีเอ็มดับเบิลยู i5 พลังงานไฟฟ้ายังคงรักษาสมดุลระหว่างความสปอร์ตสุดเร้าใจและความสะดวกสบายสำหรับทุกการเดินทางไว้ เช่นเดียวกับซีรีส์ 5 รุ่นก่อน ๆ ด้วยความกว้างของตัวรถที่มากขึ้น การกระจายน้ำหนักหน้า-หลังที่แทบจะสมบูรณ์แบบที่อัตราส่วน 50:50 และโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งในทุกส่วน ส่วนช่วงล่างของบีเอ็มดับเบิลยู i5 ทั้งสองรุ่น มาพร้อมกับระบบ Adaptive Suspension Professional ที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมด้วยระบบปรับองศาล้อหลังขณะเข้าโค้ง (Integral Active Steering) 

ความสปอร์ตในสไตล์ M ยังเห็นได้เด่นชัดในห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู i5 ใหม่ ด้วยพวงมาลัยหนังสไตล์ M ตกแต่งด้วย CraftedClarity ที่ทำจากแก้วคริสตัล และเบาะนั่งด้านหน้าแบบ Comfort พร้อมระบบปรับด้วยไฟฟ้า ขณะที่ระบบไฟส่องสว่างทั้งภายในและภายนอกห้องโดยสาร ม่านบังแดดสำหรับผู้โดยสารที่เบาะหลัง และชุดอุปกรณ์ Travel & Comfort ก็เสริมความหรูหราและสะดวกสบายให้ทุกการเดินทาง โดยห้องโดยสารด้านในของบีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport จะมาพร้อมกับสี Dark Silver M ประดับด้วยขอบ Aluminium Rhombicle ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive จะมาพร้อมสี Dark Silver M accent ที่ผสมผสานเข้ากับวัสดุ Carbon Fibre และขอบสีเงิน high-gloss silver นอกจากนี้ ทั้งคนขับ ผู้โดยสารด้านหน้า และผู้โดยสารที่เบาะหลังทั้ง 2 ด้าน ยังจะได้รับความสะดวกสบายอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยระบบการปรับอุณหภูมิ ความแรงลม และการระบายอากาศแบบแยกโซน รวมไปถึงระบบการตั้งโปรแกรมเครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 5 ระดับ เซ็นเซอร์แสงอาทิตย์ที่ด้านหลัง และระบบกรองฝุ่นละอองระดับนาโนพาร์ทิเคิล (nano particulate filters) พร้อมจะส่งมอบทั้งประสบการณ์การใช้งานอันแสนจะง่ายไปพร้อมกับสภาพอากาศที่บริสุทธิ์ตลอดระยะเวลาการเดินทาง
แก้ไขข้อความเมื่อ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่