กาลเวลาของสองเรา

จุดเริ่มต้นระหว่างความรักของสองเราได้เกิดขึ้นในช่วงขึ้นมหาลัยปี 2 ซึ่งตอนนั้นได้ทำกิจกรรมของสาขาร่วมกัน จึงทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนว่าจะเข้ามาเติมเต็มความรักในช่วงที่เราขาดพอดี (ขอเล่าย้อนไปถึงอดีต เรามีครอบครัวที่อบอุ่นมาก เราจะสนิทกับพ่อมากกว่ากับแม่ พ่อคือทุก ๆ สิ่ง เป็นครู เป็นพี่ เป็นเพื่อนและเป็นพ่อในเวลาเดียวกัน ยังจำได้อยู่เลยว่า ม.ปลาย พ่ออยากให้เรียนสายวิทย์-คณิต เราก็เรียนให้ เป็นเด็กเรียนแถวหน้าเลย คุณครูสั่งงานประดิษฐ์การโคจรของดวงดาว พ่อเราประดิษฐ์ได้โดยใช้ลูกปิงปองมาเจาะรู แล้วเอาเหล็กมาเสียบทำให้มันหมุนได้ทุกลูกโดยที่ไม่ชนกัน ทำฐานแบบแน่นหนา มีครบทุกดวงดาวเลย ครูครูถามว่าใครทำให้ ตอบได้อย่างเต็มปากว่าพ่อหนูทำให้ค่ะ สิ่งที่ครูถามต่อคือ "พ่อเธอเป็นคุณครูหรอ" พ่อหนูเป็นชาวนาค่ะ แต่สามารถทำได้ทุกอย่างเลย พ่อหนูคือที่1ค่ะ) เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานพ่อได้เสียชีวิตกะทันหันเนื่องจากอุบัติเหตุจากเด็กขี่รถซิ่งคนหนึ่ง ซึ่งพ่อกำลังจะไปนาใกล้บ้านโดยที่ไม่ใส่หมวกกันน็อค หมอเปรียบให้ฟังว่าถ้าหัวสมองของพ่อเปรียบเป็นมะพร้าว มะพร้าวลูกนี้มีเนื้อด้านในที่เละมาก น้ำมะพร้าวก็ไม่มีแล้ว เปลือกได้หลุดกระจายออกเป็นซีก ๆ แล้ว วินาทีนี้คือใจสลายมาก ใช่เราได้เสียพ่ออย่างที่ไม่มีวันได้กลับคืนอีกเลย) พ่อจากไปตอนขึ้นปี 1 มันกลายเป็นฝันร้าย กลายเป็นบาดแผลที่ค้างอยู่ในใจมากมาย จนได้เจอผู้ชายคนหนึ่งที่มันไม่ใช่คำว่าบังเอิญ เพราะเกิดวันเดียว เดือนเดียวกับพ่อเรา นิสัยคล้ายพ่อมากที่สุด เขาสามารถเอาชนะใจเราด้วยความดีในหลาย ๆ อย่าง จึงทำให้ยอมเปิดใจคบหาด้วยกันตั้งแต่ปี 2 คอยช่วยกันมาตลอด พากันเรียนให้จบ เมื่อเรียนจบแล้วเราสอบบรรจุติดรอบแรกเลย ทำให้เราต้องอยู่ห่างกัน แต่ยิ่งห่างยิ่งทำให้เข้าใจกันมากขึ้น (รึเปล่า) ทั้งเราและเค้าไม่ใช่คนเจ้าชู้จึงไม่มีปัญหาเรื่องมือที่ 3 แน่นอนแต่ที่มีปัญหาคือเรื่องการเข้าสังคมซึ่งเราพยายามปรับความเข้าใจกันมาตลอด จนในที่สุดเมื่อเราพร้อม เค้าพร้อมเราก็แต่งงานกัน
เราเป็นซึมเศร้าระยะที่ 3 โดยไม่รู้ตัว เป็นแพนิคตั้งแต่ ป.3 มันเลยทำให้เรารู้สึกว่าเรามีเค้าเข้ามาแทนพ่อ เค้าคือทุกอย่างของเรา เราจะชอบเก็บตัว ไปไหนมาไหนคนเดียวได้สบายมาก ไม่ดื่ม ไม่สูบ ไม่ชอบสังสรรค์ แต่ความที่เค้าเป็นคนชอบเข้าสังคมไปไหนต้องมีเพื่อนฝูง ชอบกิน ชอบดื่ม จนกระเพาะทะลุ เราเป็นห่วงสุขภาพเค้า เราพยายามปรับตัวเข้าสังคมให้มากขึ้น ออกไปพบสังคมของเค้าบ้าง แต่สุดท้ายมันไม่ใช่เลย เรารู้สึกว่าทุกครั้งที่เราทำแบบนั้นมันขัดกับใจเราตลอด เราต้องฝืนใจทำ ฝืนใจมานั่งดูเค้าดื่มเหล้ากัน
*******จุดพีคที่กลายเป็นแผลหนักในเรื่องการเข้าสังคมคือ ไปงานแต่งเพื่อนด้วยกัน เราง่วงจึงไปนอนในบ้านงานก่อน เค้ากินเหล้า เบียร์ จนสติหลุด คุมตัวเองไม่ได้ เมื่อตอนใกล้กลับบ้านเพื่อนมาปลุกเรา เราเห็นสภาพนั้นคือรับไม่ได้เลย เราทะเลาะกันหนักมาก  ร้องไห้หนักมาก เพื่อนพามาถึงห้องได้เค้าก็ไม่รู้ตัวแล้ว เราโมโหเลยเดินกลับบ้านตอนตี2คนเดียว (เพื่อนเอากุญแจรถไป) ในใจตอนนั้นคือฉันจะกลับบ้านแล้ว ไม่อยากอยู่แล้ว ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เดินริมถนนคนเดียวทั้งๆที่เป็นผู้หญิง คืนนั้นมองดาวบนฟ้าโคตรคิดถึงพ่อเลย อยากไปอยู่กับพ่อนะ เมื่อคนที่บ้านรู้จึงออกมารับด้วยระยะทางเกือบ 60 โลได้ เรากลับมาบ้านด้วยความล้ากาย ล้าใจ มันคงเป็นเวรกรรมที่เราได้เลือกแล้ว เราต้องอยู่กับมันให้ได้ จนตอนนี้เรื่องสัมคมก็ยังเป็นปัญหาอยู่ ถ้าเราตัดสินใจเลิกกันมันคงจะจบปัญหานี้ได้ง่ายอยู่นะ แต่เรากำลังจะมีตัวน้อยด้วยกัน สิ่งที่ยังเป็นคำถามในใจคือ เราต้องรู้สึกยังไงเวลาเขาเข้าสังคม แล้วเราจะทนอยู่กับเขาแบบฝืนใจเราไปได้นานแค่ไหนกัน แล้วถ้าเป็นคุณจะตัดสินใจกับรักครั้งครั้งนี้อย่างไร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่