ก่อนอื่นเลย งานที่เราทำเป็นงานผู้ช่วยคลินิคแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง คือเรื่องมันมีอยู่ว่าเราทำงานที่นี่โดยไม่ได้มีประสบการณ์ด้านนี้เลยซึ่งที่นี่ก็เปิดโอกาสรับคนไม่มีประสบการณ์มาทำนะ โดยเราได้ไปฝึกงานกับน้องอีกคนที่ต่างสาขาจนถึงวันที่ส่งกลับมาที่สาขาที่ลงสมัครมาวันแรกเราก็พบว่าคนเก่าออกยกชุด ซี่งเราก็รู้แล้วว่าต้องมีอะไร ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านงานมาเยอะแต่แค่อยากเปลี่ยนงานใหม่ๆดู เราก็คุยกับน้องว่ามันต้องมีอะไรที่ทำให้คนเก่าอยู่ไม่ได้ พอถึงเวลาเข้างานถึงกับบางอ้อว่าทำไมถึงคนออก เพราะแบบนี้เอง ความสะดวกในการทำงานติดลบ อุปกรณ์ของไม่พอใช้หน้างาน ต้องแก้ไขเฉพาะหน้าไป
ตลอดวันนั้น ซึ่งเหตุการณ์มันก็เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆเจอทั้งความกดดันหน้างาน คำพูดของเจ้าของคลินิคสายตาที่แบ่งชนชั้นการเข้าถึงที่มันดูยากดูแบบ..(อธิบายไม่ถูก)ซึ่งก็เข้าใจว่าเขาคือเจ้านายกับพนักงานไม่ได้หวังว่าต้องเฟรนลี่ใจดีมากมายอะไร แค่คำทักทายถามไถ่สักนิด รอยยิ้มนิดๆก็พอ แต่บุคคลิกท่าทางมันไม่ได้จริงๆเพราะทำงานมาก็หลายที่ไม่เคยเจอเจ้านายแบบนี้เลยเล่าไปก็เข้าใจยากต้องเห็นกับตาที่จะเก็ท. นั่นเป็นสาเหตุต้นๆที่ทำให้เราเลือกออกจากงานนี้ งานหนักเหนื่อยไม่ว่าแต่ทำงานที่ๆมันtoxicไม่โอเค ทั้งเจ้านายทั้งคนที่ออฟฟิต ตลอดการทำงานที่นี้ไม่ว่าจะรับพนักงานมาเพิ่มก็ไม่เคยมีใครอยู่ได้นานเพราะอะไร?? เพราะไม่ทนงาน?? หรือเพราะองค์กรมันป่วยกันแน่?? ยอมรับว่าเพื่อนร่วมงานบางคน สถานที่ทำงาน ดีนะแต่ระบบงานห่วย ทำงานให้ผ่านไปวันๆเราก็ทำได้นะ แต่สงสารคนที่มาใช้บริการมากอะ ทั้งความสะอาดคุณภาพอุปกรณ์เก่าๆ ที่พังแล้วซ่อมๆๆๆๆๆไปจนไม่รู้ว่ามันจะต้องซ่อมอีกนานแค่ไหน🫢 เสียดายฝีมือหมอที่นี่ดีมากนะ นิสัยดี น่ารัก เก่ง แต่อยู่ภายใต้องค์กรตลกๆบ้าๆนี้ อีกเรื่องทำงานมาไม่เคยโดนหักค่าใช้จ่ายระหว่างทำงานเลย มาทำที่นี่คือโดนหักเยอะมากเก็บทุกบาททำที่อื่นเงินเดือนมีเก็บทำนี่แทบจะเป็นหนี้ ซึ่งน้องที่ฝึกมาด้วยกันออกก่อนหน้าเรา1เดือนก็มีคนมาแทน ธรรมเนียมที่คลินิคนี้คนออกก็จะมานับของว่ามีอะไรหายบ้างแล้วเตรียมหักเงิน ก็มีเรื่องราวที่ไฟว้เรื่องของหายของไม่ครบเพื่อที่จะหักเงินจนเครียเรื่องนี้ไปก็เป็นจำนวนเงินที่สูงหลักพันอยู่นะ เราก็ได้ขอรายละเอียดราคาที่หักว่าตัวละเท่าไหร่ซึ่งขอไปนานมากก็เงียบไปบอกจะทำให้ ทีตอนหักอะไว เดี๋ยวมาต่อ....
มีใครเคยทำคลินิคนี้บ้างไหนมาเล่าสู่กันฟังหน่อย ย่านรามคำแหง 2566
ตลอดวันนั้น ซึ่งเหตุการณ์มันก็เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆเจอทั้งความกดดันหน้างาน คำพูดของเจ้าของคลินิคสายตาที่แบ่งชนชั้นการเข้าถึงที่มันดูยากดูแบบ..(อธิบายไม่ถูก)ซึ่งก็เข้าใจว่าเขาคือเจ้านายกับพนักงานไม่ได้หวังว่าต้องเฟรนลี่ใจดีมากมายอะไร แค่คำทักทายถามไถ่สักนิด รอยยิ้มนิดๆก็พอ แต่บุคคลิกท่าทางมันไม่ได้จริงๆเพราะทำงานมาก็หลายที่ไม่เคยเจอเจ้านายแบบนี้เลยเล่าไปก็เข้าใจยากต้องเห็นกับตาที่จะเก็ท. นั่นเป็นสาเหตุต้นๆที่ทำให้เราเลือกออกจากงานนี้ งานหนักเหนื่อยไม่ว่าแต่ทำงานที่ๆมันtoxicไม่โอเค ทั้งเจ้านายทั้งคนที่ออฟฟิต ตลอดการทำงานที่นี้ไม่ว่าจะรับพนักงานมาเพิ่มก็ไม่เคยมีใครอยู่ได้นานเพราะอะไร?? เพราะไม่ทนงาน?? หรือเพราะองค์กรมันป่วยกันแน่?? ยอมรับว่าเพื่อนร่วมงานบางคน สถานที่ทำงาน ดีนะแต่ระบบงานห่วย ทำงานให้ผ่านไปวันๆเราก็ทำได้นะ แต่สงสารคนที่มาใช้บริการมากอะ ทั้งความสะอาดคุณภาพอุปกรณ์เก่าๆ ที่พังแล้วซ่อมๆๆๆๆๆไปจนไม่รู้ว่ามันจะต้องซ่อมอีกนานแค่ไหน🫢 เสียดายฝีมือหมอที่นี่ดีมากนะ นิสัยดี น่ารัก เก่ง แต่อยู่ภายใต้องค์กรตลกๆบ้าๆนี้ อีกเรื่องทำงานมาไม่เคยโดนหักค่าใช้จ่ายระหว่างทำงานเลย มาทำที่นี่คือโดนหักเยอะมากเก็บทุกบาททำที่อื่นเงินเดือนมีเก็บทำนี่แทบจะเป็นหนี้ ซึ่งน้องที่ฝึกมาด้วยกันออกก่อนหน้าเรา1เดือนก็มีคนมาแทน ธรรมเนียมที่คลินิคนี้คนออกก็จะมานับของว่ามีอะไรหายบ้างแล้วเตรียมหักเงิน ก็มีเรื่องราวที่ไฟว้เรื่องของหายของไม่ครบเพื่อที่จะหักเงินจนเครียเรื่องนี้ไปก็เป็นจำนวนเงินที่สูงหลักพันอยู่นะ เราก็ได้ขอรายละเอียดราคาที่หักว่าตัวละเท่าไหร่ซึ่งขอไปนานมากก็เงียบไปบอกจะทำให้ ทีตอนหักอะไว เดี๋ยวมาต่อ....