หลังจากที่ดูทีเซอร์ นางฟ้าไร้นาม ละครจากช่อง ThaiPBS จบ ก็รู้สึกว่าเป็นละครที่น่าดูและน่าติดตาม ช่องนี้เขาทำละครคุณภาพออกมาอีกแล้ว และใช่ เพราะทีเซอร์เลยทำให้เราไปค้นว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ยิ่งพออ่านไปเรื่อยๆ ก็เข้าใจเลยว่าทำไมถึงตั้งชื่อว่า นางฟ้าไร้นาม เพราะเราไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อนเลย แม้แต่ในประวัติศาสตร์ที่เราเรียนยังไม่เคยได้ยิน ฉะนั้นกระทู้นี้เราจะพาทุกคนมารู้จักกับนางฟ้าแสนใจดีคนนี้กัน
ประวัติคุณหมอเพียร
ท่านเกิดในปี 2441 ในครอบครัวที่มีฐานะดีอย่าง ครอบครัวฮุนตระกูล ท่านจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียน เซนโยเซฟคอนแวนต์ พอจบม.หกก็ไปสมัครเรียนแพทย์ ที่โรงเรียนราชแพทยาลัย (วิทยาลัยแพทย์แห่งแรก) แต่ว่าในตอนนั้นโรงเรียนไม่มีการรับผู้หญิงเข้าเรียน แต่ท่านอยากเรียนแพทย์ จึงได้ตามเสด็จพระชายาของกรมพระยากำแพงเพชร ไปที่ปารีส ด้วยความที่ท่านเก่งภาษาฝรั่งเศส จึงได้ทุนไปเรียนที่นั่น
ในขณะที่ศึกษาอยู่ที่ปารีส ทุนการศึกษาหมด ทำให้ท่านต้องออกไปหางานทำเพื่อหาเงินมาส่งเสียตัวเองเรียนจนจบแพทยศาสตร์บัณฑิตและประกาศนียบัตรวิชาแพทย์ชั้นสูง ในปี2476 เป็นผู้หญิงคนที่สามของประเทศที่จบแพทย์ นอกจากแพทย์แล้วท่านยังได้เรียนปริญญาตรีด้านสังคมวิทยาอีกด้วย ทำให้ท่านเก่งทั้งเรื่องแพทย์และปัญหาในสังคม
การทำงานของคุณหมอ
เมื่อกลับมายังประเทศไทย ท่านได้เข้ารับราชการในปี 2480 ในกรมสาธารณะสุข สังกัดกระทรงมหาดไทย และนั่นทำให้หมอเพียร กลายเป็นแพทย์สตรีคนแรกๆ ที่ทำงานด้านกามโรค และเป็นแพทย์ที่เข้าใจถึงเรื่องปัญหาสังคมอย่างลึกซึ้ง ในช่วงเวลาเดียวกันที่หมอเพียรได้รับราชการ ปัญหากามโรคได้ระบาดอย่างหนักในกลุ่มผู้หญิงที่ทำอาชีพโสเภณีและกลุ่มผู้ชายที่ชอบเที่ยวกลางคืน
ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระ อดีตอธิการบดีควบคุมโรคติดต่อ ผู้เคยทำงานกับหมอเพียรได้บอกว่า
“กามโรคเป็นหนึ่งในหกโรคติดต่อรุนแรง ที่สร้างปัญหาในสังคมไทยเวลานั้น จนต้องมีการตั้งกองกามโรค ปัญหาในสมัยนั้นอาชีพโสเภณีเป็นอาชีพที่ผิดกฎหมาย เมื่อมีการเจ็บป่วยด้วยกามโรคก็มีน้อยคนนักที่จะเข้าถึงการรักษาอีกทั้งยังกลัวถูกตำรวจจับ หรือโดนสังคมรังเกียจ ทำให้ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อยู่แบบนั้น”
วีรกรรมของคุณหมอ
ด้วยการถูกรังเกียจทำให้ไม่ค่อยมีคนไปรักษา ท่านก็เลยก็คือการปลอมตัวเข้าไปในซ่องเพื่อไปรักษาผู้ที่เจ็บป่วย เข้าไปเพื่อรักษา แนะนำ และฉีดยาป้องกันให้ บางทีก็ปลอมตัวเป็นแม่เล้าจนถูกจับโยนออกมา แล้วในตอนนั้นมันยังไม่มียาเม็ดที่รักษาต้องใช้ยาฉีด แล้วแต่ก่อนก็ยังไม่มีถุงยาง ท่านก็เข้าไปสอนเรื่องของการล้างช่องคลอดด้วยน้ำยาหลังจากร่วมเพศอย่างไรถึงจะปลอดภัย สอนให้ผู้หญิงรู้จักป้องกันตัวเอง
แม่ศรีเอ๋ย
แม่ศรี ซิฟิลิส
มาให้หมอเพียรพิชิต
ก่อนจะรับแขกเอย
(บทกลอนที่แต่งขึ้นเพื่อเป็นการรณรงค์ในการป้องกันกามโรค)
พลักดันจนเกิดสถานีอนามัยรักษากามโรค
ด้วยแรงพลักดันของท่าน ทำให้ตึกเก่าสามคูหาริมถนนจักรพรรดิพงษ์ ย่านนางเลิ้ง กลายมาเป็น 'สถานีอนามัยรักษากามโรค' สถานที่ที่ในอดีตเป็นที่รู้จักกันดีของนักเที่ยวยามราตรีและหญิงขายบริการ เพราะที่นี่มีแพทย์ที่รักษาโรคนี้โดยตรง และหากใครที่ไม่มีเงินก็สามารถไปรักษาได้เช่นกัน
ดูแลและให้โอกาสเหล่าโสเภณี
นอกจากนี้หมอเพียรยังได้แก้ปัญหาเรื่องของโสเภณีควบคู่กันไป เมื่อภาครัฐมีการปราบปรามโสเภณี ท่านจึงได้มีการหาที่พักพึงให้กับโสเภณที่เจ็บป่วย ให้มีการฝึกอาชีพใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกในชีวิต นั่นก็คือ บ้านเกร็ดตระการ ภายใต้การดูแลของกรมประชาสงเคราะห์ในเวลานั้น ส่วนตัวท่านเองก็จะเข้ามาช่วยดูและ บำบัดรักษา จนหายจากโรคที่เป็น รวมไปถึงดูแลสุขภาพจิต ให้มีความมั่นใจ พร้อมที่จะกลับไปใช้ชีวิตที่ดีในสังคม
หมอเพียร ผู้หญิงธรรมดาผู้เป็นแม่พระของเหล่าโสเภณีและเด็กอีกกว่า 4,000 คน
ท่านเกิดในปี 2441 ในครอบครัวที่มีฐานะดีอย่าง ครอบครัวฮุนตระกูล ท่านจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียน เซนโยเซฟคอนแวนต์ พอจบม.หกก็ไปสมัครเรียนแพทย์ ที่โรงเรียนราชแพทยาลัย (วิทยาลัยแพทย์แห่งแรก) แต่ว่าในตอนนั้นโรงเรียนไม่มีการรับผู้หญิงเข้าเรียน แต่ท่านอยากเรียนแพทย์ จึงได้ตามเสด็จพระชายาของกรมพระยากำแพงเพชร ไปที่ปารีส ด้วยความที่ท่านเก่งภาษาฝรั่งเศส จึงได้ทุนไปเรียนที่นั่น
ในขณะที่ศึกษาอยู่ที่ปารีส ทุนการศึกษาหมด ทำให้ท่านต้องออกไปหางานทำเพื่อหาเงินมาส่งเสียตัวเองเรียนจนจบแพทยศาสตร์บัณฑิตและประกาศนียบัตรวิชาแพทย์ชั้นสูง ในปี2476 เป็นผู้หญิงคนที่สามของประเทศที่จบแพทย์ นอกจากแพทย์แล้วท่านยังได้เรียนปริญญาตรีด้านสังคมวิทยาอีกด้วย ทำให้ท่านเก่งทั้งเรื่องแพทย์และปัญหาในสังคม
เมื่อกลับมายังประเทศไทย ท่านได้เข้ารับราชการในปี 2480 ในกรมสาธารณะสุข สังกัดกระทรงมหาดไทย และนั่นทำให้หมอเพียร กลายเป็นแพทย์สตรีคนแรกๆ ที่ทำงานด้านกามโรค และเป็นแพทย์ที่เข้าใจถึงเรื่องปัญหาสังคมอย่างลึกซึ้ง ในช่วงเวลาเดียวกันที่หมอเพียรได้รับราชการ ปัญหากามโรคได้ระบาดอย่างหนักในกลุ่มผู้หญิงที่ทำอาชีพโสเภณีและกลุ่มผู้ชายที่ชอบเที่ยวกลางคืน
ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระ อดีตอธิการบดีควบคุมโรคติดต่อ ผู้เคยทำงานกับหมอเพียรได้บอกว่า
“กามโรคเป็นหนึ่งในหกโรคติดต่อรุนแรง ที่สร้างปัญหาในสังคมไทยเวลานั้น จนต้องมีการตั้งกองกามโรค ปัญหาในสมัยนั้นอาชีพโสเภณีเป็นอาชีพที่ผิดกฎหมาย เมื่อมีการเจ็บป่วยด้วยกามโรคก็มีน้อยคนนักที่จะเข้าถึงการรักษาอีกทั้งยังกลัวถูกตำรวจจับ หรือโดนสังคมรังเกียจ ทำให้ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อยู่แบบนั้น”
ด้วยการถูกรังเกียจทำให้ไม่ค่อยมีคนไปรักษา ท่านก็เลยก็คือการปลอมตัวเข้าไปในซ่องเพื่อไปรักษาผู้ที่เจ็บป่วย เข้าไปเพื่อรักษา แนะนำ และฉีดยาป้องกันให้ บางทีก็ปลอมตัวเป็นแม่เล้าจนถูกจับโยนออกมา แล้วในตอนนั้นมันยังไม่มียาเม็ดที่รักษาต้องใช้ยาฉีด แล้วแต่ก่อนก็ยังไม่มีถุงยาง ท่านก็เข้าไปสอนเรื่องของการล้างช่องคลอดด้วยน้ำยาหลังจากร่วมเพศอย่างไรถึงจะปลอดภัย สอนให้ผู้หญิงรู้จักป้องกันตัวเอง
ด้วยแรงพลักดันของท่าน ทำให้ตึกเก่าสามคูหาริมถนนจักรพรรดิพงษ์ ย่านนางเลิ้ง กลายมาเป็น 'สถานีอนามัยรักษากามโรค' สถานที่ที่ในอดีตเป็นที่รู้จักกันดีของนักเที่ยวยามราตรีและหญิงขายบริการ เพราะที่นี่มีแพทย์ที่รักษาโรคนี้โดยตรง และหากใครที่ไม่มีเงินก็สามารถไปรักษาได้เช่นกัน
ดูแลและให้โอกาสเหล่าโสเภณี
นอกจากนี้หมอเพียรยังได้แก้ปัญหาเรื่องของโสเภณีควบคู่กันไป เมื่อภาครัฐมีการปราบปรามโสเภณี ท่านจึงได้มีการหาที่พักพึงให้กับโสเภณที่เจ็บป่วย ให้มีการฝึกอาชีพใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกในชีวิต นั่นก็คือ บ้านเกร็ดตระการ ภายใต้การดูแลของกรมประชาสงเคราะห์ในเวลานั้น ส่วนตัวท่านเองก็จะเข้ามาช่วยดูและ บำบัดรักษา จนหายจากโรคที่เป็น รวมไปถึงดูแลสุขภาพจิต ให้มีความมั่นใจ พร้อมที่จะกลับไปใช้ชีวิตที่ดีในสังคม