นะโยบายรัฐผิดพลาด เศรษฐกิจชาติทรุด ตลาดหุ้นตกต่ำที่สุด ในรอบหลายปี นักลงทุนรายย่อยไทยนับล้านคนเสียหาย ส่วนฝรั่งเล่นฟันกำไรขาลงช็อต
เมื่อแนวนะโยบายประชานิยม ที่ผ่านมาหลายปี กับกลุ่มราชการศักดินามาบริหารประเทศ เก่งเพิ่มเงินเดือนราชการ เก่งออกกฏหมายเก็บภาษีประชาชน แต่เศรษฐกิจไม่เก่ง ไม่เป็นมิตรกับบริษัทใหญ่ๆ เศรษฐกิจชาติ GDP ของชาติเลยแย่ลำบาก อย่างที่เห็นในปัจจุบัน
แถมปัจจุบัน ได้ รัฐมนตรีพลังงานหน้ามึน “ ไม่มีความเชี่ยวชาญเรื่องพลังงานเลย “ ไม่นานอาจจะพาเศรษฐกิจชาติล่มจม ทำนะโยบายผิดพลาดเหมือน ศรีลังกา เวเนซุเอลา “ ซึ่งมาแนวเดียวกันเลย ผู้นำอ้างเพื่อปากท้องประชาชน ประชานิยม น้ำมันถูก ไฟฟ้าถูก งมงามโฆษณาชวนเชื่อ แล้วสร้างกระแสเกลียดชังโทษผู้ประกอบการ ( ซึ่งจริงๆที่ปรากฏ บริษัทน้ำมันในไทย กำไรต่ำเกือบจะต่ำที่สุดในโลก จนบริษัทฝรั่ง เชล เอสโซ่ ทะยอยขายกิจการ ทั้งโรงกลั่นและปั้มน้ำมัน เพราะทำแล้วไม่คุ้ม ) การที่รัฐแทรกแทรงบิดเบือนกลไกลตลาด นอกจากจะผาญภาษีประชาชน ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ยังสร้างความอ่อนแอให้ภาคประชาชน ราคาไฟฟ้า-น้ำมันที่ราคาถูกเกินจริงจากเอาภาษีของคนทั้งชาติไปจ่ายแทน จะเกิดบริโภคที่พลังงานฟุ่มเฟือย ไม่มีการปรับตัว จะทำให้ชาติสูญเสียเงินตรานำเข้าพลังงานมากขึ้นๆเรื่อยๆ
(ที่มาปีๆ หนึ่งๆ ไทย นำเข้าน้ำมัน กว่า 1.2ล้านล้านบาท หรือ บริโภคเฉลี่ย ตกวันละ1.2ล้านบาร์เรล ) นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ช่วงที่ราคาพลังงานพุ่ง สงครามรัสเซีย-ยูเครนรัฐไปตรึงราคาค่าไฟ โดยการแปะโป้ง กฟฝ. จ่ายไปก่อน จนเป็นหนี้จำนวนมากนับกว่าแสนล้าน จน กฟฝ. ทวงถามหลายรอบละ จ่ายยังไม่รู้
แต่ที่รู้ ทำให้ กฟฝ.ขาดสภาพคล่อง จนอันดับเร็ตติ้งตก มีปัญหาตามมาหลายอย่าง
ส่วนรัฐก็จะขาดดุลงบหนัก เพราะรายจ่ายเยอะกว่า รายรับ และการที่รัฐมนตรีหน้ามึนบอก” ไม่สนทำธุรกิจ สนใจแต่ปากท้องประชาชน” นักเศรษฐศาสตร์รู้ดี ว่าแนวคิดแบบนี้ มันคือคำโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อหลอกหล่อเอาคะแนนเสียงหวังซื้อใจประชาชนที่ไม่มีความเรื่องระบบเศรษฐศาสตร์
ซึ่งผลร้ายจะตามมา เหมือนใน ศรีลังกา และ เวเนซุเอลา ที่เดินนะโยบายกระทรวงพลังงานที่ผิดพลาด
เมื่อรัฐ ทำให้ภาคเอกชน อ่อนแอ ไม่เป็นมิตรกับ บริษัทในตลาดหุ้นของประเทศ ตัวเองและ ตัวเองก็ถือหุ้นใหญ่ เป็นเจ้าของ ปตท กิจการพลังงาน ไฟฟ้า-น้ำ ผ่านการลงทุนทางตรง-ทางอ้อม กระทรวงการคลัง กองทุนวายุภักษ์ กองทุนหน่วยงานราชการๆกองทุนประกันสังคม และ รายย่อยประชาชนไทย อีกนับล้านชีวิต ทุกฝ่ายทั้งหมด ย่อมได้รับผลเสียหาย เป็นโดมิโน และ ท้ายสุด ก็กระทบไป ปากท้องประชาชนทุกคนในชาติ
และรัฐก็จะกู้หนักๆขึ้นๆ เป็นภาระพอกๆให้ต้องออกกฏหมายรีดภาษี
เมื่อรัฐทำธุรกิจหาเงินเองไม่เก่ง บริษัทในตลาดหุ้นแย่ลง กำไรทรุด เงินภาษีรัฐก็เก็บไม่เข้าเป้า ประเทศก็จะตกภาวะการคลังเสียวินัย เงินขาด รัฐมีค่าใช้จ่ายเงินเดือนและราชการสูง และต้องดอกเบี้ยหนี้ของรัฐที่กู้หนัดมาหลายปีที่ผ่าน มา ปัจจุบันอาจกว่า10ล้านล้าน
ดังนั้น อานาคต รัฐไทยอาจหารายได้เพิ่ม โดยการเพิ่มภาษีต่างๆ เช่น ภาษีสินค้ามูลค่าเพิ่ม Vat คนไทยทุกคนอาจต้องจ่ายแพงขึ้น 10%หรือ 12% หรือ 15% ขึ้นอยู่กับฝีมือรัฐบาล ( ประเทศไหน รัฐบาลดี หาเงินเองเก่ง ลงทุนเอง ทำธุรกิจเก่ง ระบบราชการดีไม่มีคอร์รัปชั่นสูง ก็จะเก็บภาษีแค่ 5% ภาษีกำไรบริษัทแค่ 5-15% ส่วนประชาชนธรรมดา ค้าขายเล็กๆน้อยๆ ไม่ต้องยื่นภาษี )
ดังนั้นการที่นักการเมือง หรือ ไครที่เข้ามีอำนาจ “ที่มักอ้างจะทำเพื่อปากท้องประชาชนแล้วด้อยค่าเรื่องการทำธุรกิจ ด้อยค่าตลาดทุน “ มันคือคำลวงที่ย้อนแย้งที่ไม่มีวันทำให้ประเทศชาติเข็มแข็งได้ มีแต่จะทำให้ ชาติๆ อ่อนแอๆ ดังตัวอย่างในเวเนซุเอลากับศรีลังกา
รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญเรื่องพลังงาน เอามาทำไม อาจส่งเสียต่อความมั่นคงพลังงานของชาติในระยะยาว ทั้งชีวิตเป็นแต่นักข้าราชการฝ่ายตุลาการเรียนกฏหมาย ( น่าจะไปอยู่กระทรวงตรงที่เรียนมา ไปพัฒนาตุลาไทยที่มีอันแย่ๆได้ทัดเทียมระบบยุติธรรมสากล ) ไม่มีความรู้ความเข้าใจ มีประสบการณ์ในธุรกิจพลังงานสู้ของ สหรัฐ-ยุโรป-ซาอุ-โอเปก ไม่ได้แน่นอน พวกนั้นเค้าใช้ผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ตรงจุดเฉพาะด้านสาขาต่างๆ มีเทคโนโลยีทันสมัย มีนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ พัฒนาต่อเนื่อง มีบุคลากรเก่ง นักบริหารบริษัท CEO ระดับเกรียติ์นิยม มีผลงานอันประจักษ์ จึงจะสามารถความชนะคู่แข่ง สร้างความมั่นคงทางพลังงานต่อชาติและ พัฒนาต่อเนื่องได้เป็นเวลา เกิน100ปีแล้ว สร้างGDP สร้างเม็ดเงินมั่นคง สร้างงาน สร้างกำไรมากกว่าปตท PTT บริษัทอันดับหนึ่งของรัฐไทย หลายสิบเท่าตัว
ดังนั้นการที่ไทยเอาคนไม่รู้เรื่อง มาทำงาน กลัวมันจะมั่ว ยุ่งวุ่นวาย สร้างความขัดแย้งในองค์กร เก่งแต่ปากดีโฆษณาชวนเชื่อ สร้างกระแส แต่ไม่ทำให้เกิดความมั่นคงและพัฒนาก้าวหน้าต่อความมั่นคงด้านพลังงานและเศรษฐกิจชาติ
และอาจส่งผลร้าย เหมือนเวเนซุเอลา แม้จะมีน้ำมันดิบสำรองใต้ดินตัวเองเยอะแต่การตกอยู่ในมือรัฐราชการบริหารพลังงานของชาติ ทำให้เกิดรั่วไหล ไร้ประสิทธิภาพ จนท้ายที่สุดเศรษฐกิจชาติเสียหายย่อยยับ ค่าเงินกลายเป็นแบงค์กงเต๊ก ประชาชนต้องอพยพหนีตาย รัฐถังแตก ใช้เงินประชานิยมจนหมด ไม่มีเงิน นำเข้า อาหาร และ ยาประเทศ ปัจจุบัน ขาดน้ำ ขาดไฟ ขาดน้ำมัน ไม่พอใช้…ขาดแคลนเกือบทุกอย่างจำเป็นต้อง ผลพวงจาก นะโยบายที่ผิดพลาดของผู้นำ
นโยบายรัฐผิดพลาดเศรษฐกิจชาติทรุดตลาดหุ้นตกต่ำที่สุดในรอบหลายปีนักลงทุนรายย่อยไทยนับล้านคนเสียหาย ส่วนฝรั่งเล่นฟันกำไรชอต
นะโยบายรัฐผิดพลาด เศรษฐกิจชาติทรุด ตลาดหุ้นตกต่ำที่สุด ในรอบหลายปี นักลงทุนรายย่อยไทยนับล้านคนเสียหาย ส่วนฝรั่งเล่นฟันกำไรขาลงช็อต
เมื่อแนวนะโยบายประชานิยม ที่ผ่านมาหลายปี กับกลุ่มราชการศักดินามาบริหารประเทศ เก่งเพิ่มเงินเดือนราชการ เก่งออกกฏหมายเก็บภาษีประชาชน แต่เศรษฐกิจไม่เก่ง ไม่เป็นมิตรกับบริษัทใหญ่ๆ เศรษฐกิจชาติ GDP ของชาติเลยแย่ลำบาก อย่างที่เห็นในปัจจุบัน
แถมปัจจุบัน ได้ รัฐมนตรีพลังงานหน้ามึน “ ไม่มีความเชี่ยวชาญเรื่องพลังงานเลย “ ไม่นานอาจจะพาเศรษฐกิจชาติล่มจม ทำนะโยบายผิดพลาดเหมือน ศรีลังกา เวเนซุเอลา “ ซึ่งมาแนวเดียวกันเลย ผู้นำอ้างเพื่อปากท้องประชาชน ประชานิยม น้ำมันถูก ไฟฟ้าถูก งมงามโฆษณาชวนเชื่อ แล้วสร้างกระแสเกลียดชังโทษผู้ประกอบการ ( ซึ่งจริงๆที่ปรากฏ บริษัทน้ำมันในไทย กำไรต่ำเกือบจะต่ำที่สุดในโลก จนบริษัทฝรั่ง เชล เอสโซ่ ทะยอยขายกิจการ ทั้งโรงกลั่นและปั้มน้ำมัน เพราะทำแล้วไม่คุ้ม ) การที่รัฐแทรกแทรงบิดเบือนกลไกลตลาด นอกจากจะผาญภาษีประชาชน ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ยังสร้างความอ่อนแอให้ภาคประชาชน ราคาไฟฟ้า-น้ำมันที่ราคาถูกเกินจริงจากเอาภาษีของคนทั้งชาติไปจ่ายแทน จะเกิดบริโภคที่พลังงานฟุ่มเฟือย ไม่มีการปรับตัว จะทำให้ชาติสูญเสียเงินตรานำเข้าพลังงานมากขึ้นๆเรื่อยๆ
(ที่มาปีๆ หนึ่งๆ ไทย นำเข้าน้ำมัน กว่า 1.2ล้านล้านบาท หรือ บริโภคเฉลี่ย ตกวันละ1.2ล้านบาร์เรล ) นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ช่วงที่ราคาพลังงานพุ่ง สงครามรัสเซีย-ยูเครนรัฐไปตรึงราคาค่าไฟ โดยการแปะโป้ง กฟฝ. จ่ายไปก่อน จนเป็นหนี้จำนวนมากนับกว่าแสนล้าน จน กฟฝ. ทวงถามหลายรอบละ จ่ายยังไม่รู้
แต่ที่รู้ ทำให้ กฟฝ.ขาดสภาพคล่อง จนอันดับเร็ตติ้งตก มีปัญหาตามมาหลายอย่าง
ส่วนรัฐก็จะขาดดุลงบหนัก เพราะรายจ่ายเยอะกว่า รายรับ และการที่รัฐมนตรีหน้ามึนบอก” ไม่สนทำธุรกิจ สนใจแต่ปากท้องประชาชน” นักเศรษฐศาสตร์รู้ดี ว่าแนวคิดแบบนี้ มันคือคำโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อหลอกหล่อเอาคะแนนเสียงหวังซื้อใจประชาชนที่ไม่มีความเรื่องระบบเศรษฐศาสตร์
ซึ่งผลร้ายจะตามมา เหมือนใน ศรีลังกา และ เวเนซุเอลา ที่เดินนะโยบายกระทรวงพลังงานที่ผิดพลาด
เมื่อรัฐ ทำให้ภาคเอกชน อ่อนแอ ไม่เป็นมิตรกับ บริษัทในตลาดหุ้นของประเทศ ตัวเองและ ตัวเองก็ถือหุ้นใหญ่ เป็นเจ้าของ ปตท กิจการพลังงาน ไฟฟ้า-น้ำ ผ่านการลงทุนทางตรง-ทางอ้อม กระทรวงการคลัง กองทุนวายุภักษ์ กองทุนหน่วยงานราชการๆกองทุนประกันสังคม และ รายย่อยประชาชนไทย อีกนับล้านชีวิต ทุกฝ่ายทั้งหมด ย่อมได้รับผลเสียหาย เป็นโดมิโน และ ท้ายสุด ก็กระทบไป ปากท้องประชาชนทุกคนในชาติ
และรัฐก็จะกู้หนักๆขึ้นๆ เป็นภาระพอกๆให้ต้องออกกฏหมายรีดภาษี
เมื่อรัฐทำธุรกิจหาเงินเองไม่เก่ง บริษัทในตลาดหุ้นแย่ลง กำไรทรุด เงินภาษีรัฐก็เก็บไม่เข้าเป้า ประเทศก็จะตกภาวะการคลังเสียวินัย เงินขาด รัฐมีค่าใช้จ่ายเงินเดือนและราชการสูง และต้องดอกเบี้ยหนี้ของรัฐที่กู้หนัดมาหลายปีที่ผ่าน มา ปัจจุบันอาจกว่า10ล้านล้าน
ดังนั้น อานาคต รัฐไทยอาจหารายได้เพิ่ม โดยการเพิ่มภาษีต่างๆ เช่น ภาษีสินค้ามูลค่าเพิ่ม Vat คนไทยทุกคนอาจต้องจ่ายแพงขึ้น 10%หรือ 12% หรือ 15% ขึ้นอยู่กับฝีมือรัฐบาล ( ประเทศไหน รัฐบาลดี หาเงินเองเก่ง ลงทุนเอง ทำธุรกิจเก่ง ระบบราชการดีไม่มีคอร์รัปชั่นสูง ก็จะเก็บภาษีแค่ 5% ภาษีกำไรบริษัทแค่ 5-15% ส่วนประชาชนธรรมดา ค้าขายเล็กๆน้อยๆ ไม่ต้องยื่นภาษี )
ดังนั้นการที่นักการเมือง หรือ ไครที่เข้ามีอำนาจ “ที่มักอ้างจะทำเพื่อปากท้องประชาชนแล้วด้อยค่าเรื่องการทำธุรกิจ ด้อยค่าตลาดทุน “ มันคือคำลวงที่ย้อนแย้งที่ไม่มีวันทำให้ประเทศชาติเข็มแข็งได้ มีแต่จะทำให้ ชาติๆ อ่อนแอๆ ดังตัวอย่างในเวเนซุเอลากับศรีลังกา
รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญเรื่องพลังงาน เอามาทำไม อาจส่งเสียต่อความมั่นคงพลังงานของชาติในระยะยาว ทั้งชีวิตเป็นแต่นักข้าราชการฝ่ายตุลาการเรียนกฏหมาย ( น่าจะไปอยู่กระทรวงตรงที่เรียนมา ไปพัฒนาตุลาไทยที่มีอันแย่ๆได้ทัดเทียมระบบยุติธรรมสากล ) ไม่มีความรู้ความเข้าใจ มีประสบการณ์ในธุรกิจพลังงานสู้ของ สหรัฐ-ยุโรป-ซาอุ-โอเปก ไม่ได้แน่นอน พวกนั้นเค้าใช้ผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ตรงจุดเฉพาะด้านสาขาต่างๆ มีเทคโนโลยีทันสมัย มีนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ พัฒนาต่อเนื่อง มีบุคลากรเก่ง นักบริหารบริษัท CEO ระดับเกรียติ์นิยม มีผลงานอันประจักษ์ จึงจะสามารถความชนะคู่แข่ง สร้างความมั่นคงทางพลังงานต่อชาติและ พัฒนาต่อเนื่องได้เป็นเวลา เกิน100ปีแล้ว สร้างGDP สร้างเม็ดเงินมั่นคง สร้างงาน สร้างกำไรมากกว่าปตท PTT บริษัทอันดับหนึ่งของรัฐไทย หลายสิบเท่าตัว
ดังนั้นการที่ไทยเอาคนไม่รู้เรื่อง มาทำงาน กลัวมันจะมั่ว ยุ่งวุ่นวาย สร้างความขัดแย้งในองค์กร เก่งแต่ปากดีโฆษณาชวนเชื่อ สร้างกระแส แต่ไม่ทำให้เกิดความมั่นคงและพัฒนาก้าวหน้าต่อความมั่นคงด้านพลังงานและเศรษฐกิจชาติ
และอาจส่งผลร้าย เหมือนเวเนซุเอลา แม้จะมีน้ำมันดิบสำรองใต้ดินตัวเองเยอะแต่การตกอยู่ในมือรัฐราชการบริหารพลังงานของชาติ ทำให้เกิดรั่วไหล ไร้ประสิทธิภาพ จนท้ายที่สุดเศรษฐกิจชาติเสียหายย่อยยับ ค่าเงินกลายเป็นแบงค์กงเต๊ก ประชาชนต้องอพยพหนีตาย รัฐถังแตก ใช้เงินประชานิยมจนหมด ไม่มีเงิน นำเข้า อาหาร และ ยาประเทศ ปัจจุบัน ขาดน้ำ ขาดไฟ ขาดน้ำมัน ไม่พอใช้…ขาดแคลนเกือบทุกอย่างจำเป็นต้อง ผลพวงจาก นะโยบายที่ผิดพลาดของผู้นำ