ความโชคร้ายสุดๆของการเที่ยวญี่ปุ่นรอบล่าสุดของเราทั้งๆที่เราตั้งตารอคอยวันที่จะได้กลับไปญี่ปุ่นหลังยุคโควิด ด้วยความที่ลางานได้ช่วง Golden Week ของญี่ปุ่นพอดี ของทุกอย่างราคาขึ้น รวมถึงบัตร USJ แต่แพงแค่ไหนเราก็ยอม เพราะอยากกลับไปและได้เข้า Nintendo World ซึ่งเป็นเป้าหมายของเราครั้งนี้
ช่วงเวลานั้นคนญี่ปุ่นก็หยุดยาวกัน บัตรค่อนข้างเต็มมาก และด้วยความที่เรากลัวไม่ได้เข้า Nintendo World เลยกดบัตร Express Pass 7: Limted Pass & Variety ซึ่งแพงสุดๆในช่วงนั้น อยู่ที่ 23,800 เยน และยังมีค่าบัตรเข้าที่แยกต่างหากประมาณ 9,000 เยน ณ ช่วงเวลานั้น
จาก list เครื่องเล่นที่เราเข้าเล่นได้จากบัตร Express ซึ่ง Nintendo World อยู่อันแรกเลยคือช่วง 11 เช้า ถือว่ายังเป็นความโชคดีของเรานิดหน่อย ที่พาตัวเองเข้าไปเล่นได้
ก่อนวันที่เราจะมา USJ เราตะลอนร่อนเดินอย่างหนักมาแล้ว 2 วัน ซึ่งเป็นปกติที่เท้าจะระบมมากๆ ตอนแรกก็ไม่คิดอะไร เพราะคิดว่าเป็นอาการปกติที่เราเจอตลอดเวลาที่มาญี่ปุ่น แต่ที่ตั้งของ Nintendo World นี่คือเดินขาลากเข้าไปลึกเกือบจะสุดขอบ USJ แม้แต่ทางเข้าโซนเอง ก็ยังค่อนข้างไกลกว่าจะเดินเข้ามาเจอปากท่อมาริโอ้
ตอนนั้นอาการเราเริ่มไม่ดี แต่ก็คิดเข้าข้างตัวเอง คงเพราะปวดขามากและตากแดดรอตอนเข้าเกินครึ่งชั่วโมง ซึ่งพอเข้ามาถึงก็ยังมีแรง Selfie ตัวเอง และต่อคิวเล่นของเล่นในนั้นไปได้ 2 อย่างคือตรงปราสาท Browser เล่น Mario Kart และนั่ง Yoshi แต่แม้จะมีบัตร Express คุณก็ต้องไปเข้าคิวมหาโหดในนั้นต่ออยู่ดี กว่าจะวนเวียนเข้าไปได้เล่น เราระบมเท้าจนเหมือนจะเป็นลมแล้ว พอจบจาก Yoshi เราไม่มีแรงจะถ่ายรูปเล่นอะไรอีกแล้ว
ฝืนลากตัวเองเดินออกมาให้พ้นโซนนี้ อยากจะหาห้องพยาบาลในนั้นเพื่อขอเข้าไปนอนพัก ในใจคิดว่านอนถึงค่ำแล้วค่อยเข้ามาเล่น Harry Potter ช่วงนั้น อาจจะดีขึ้น เราถามเจ้าหน้าที่ระหว่างทางว่ามีห้องพยาบาลไหม ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าอยู่หน้าสุดเลย ตอนนั้นฟังแล้วท้อมาก เพราะ Nintendo ก็อยู่เกือบท้ายสุด
แน่นอนเราเดินต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ตอนนี้รู้สึกว่าเริ่มมีไข้ เรามาหยุดตรง Jaws ที่อยู่ถัดจาก Nintendo World และมีคาเฟ่อยู่ตรงนั้น แล้วเราบอกเจ้าหน้าที่ในร้านนั้นว่าขอนั่งพักตรงนี้ได้ไหม เพราะเราเดินต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่คือน่ารักมากๆ เชิญเราเข้าไปนั่งโต๊ะด้านในเลยเพราะคงสังเกตจากสีหน้าเราที่น่าจะซีดมากๆตอนนั้น
พร้อมกับเอาน้ำเย็นมาให้เรา แล้วบอกให้นอนพักไปจนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น ซึ่งเรามียาไทลินอลพกติดตัวอยู่แล้ว เลยกินยาไป 1 เม็ด แล้วนอนหมอบกับโต๊ะตรงนั้นไปครึ่งชั่วโมงได้
พอเริ่มเดินต่อไปไหว ก็ลุกขึ้นมาขอบคุณเจ้าหน้าที่ในร้าน Jaws แล้วพาตัวเองเดินไปทางหน้าประตูที่มีห้อง First Aid Room ไปถึงก็บอกเจ้าหน้าที่ว่าอยากนอนพัก ตอนนั้น feel แบบคิดว่าคงเหมือนห้องพยาบาลในโรงเรียนคือนอนพักได้ แต่ไม่ใช่แบบนั้น เจ้าหน้าที่มีพร้อม clipboard มาจดรายละเอียด ถามอาการ แล้ววัดไข้เรา ณ ตอนที่อยู่ USJ เราไข้ขึ้น 37.8 องศา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ไม่สามารถอนุญาตให้เราอยู่ใน USJ และเล่นเครื่องเล่นต่อไปได้ เพราะคุณมีไข้
เราเลยแจ้งไปว่าเราซื้อบัตร USJ พร้อมกับ Express Pass7 ซึ่งเราเล่นไปแค่ของใน Nintendo World เท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ขอหลักฐานบัตร แล้วเอาไปดำเนินเรื่องคืนเงินบางส่วนให้เรา ซึ่งได้กลับมาเป็นเงินสดประมาณ 6-7000 เยน
จากนั้นเจ้าหน้าที่เดินมาส่งเราออกหน้าประตู ส่งเรานั่งรถไฟกลับไปนอนที่โรงแรม พอมาถึงโรงแรม วัดไข้อีกที คราวนี้หนักกว่าขึ้นไปอีก ไข้ดีดมา 39.2 องศา
สรุปสุดท้ายเราเป็นโควิดระหว่างทริปญี่ปุ่น นอนตุยในโรงแรมไปเกินครึ่งทริปนั้น
จริงๆมีเรื่องราวต่อจากนั้นเพราะเราอาการค่อนข้างหนัก และมีความยากลำบากในการหาหมอหรือซื้อยาบ้านๆในญี่ปุ่น ถ้ามีเวลาจะแยกไปเล่าในกระทู้ใหม่นะคะ
แชร์ประสบการณ์ไข้ขึ้นที่ทำให้คุณไปต่อไม่ได้กับUniversal Studio Japan และ บัตร Express Pass 7 Limited & Varierty
ช่วงเวลานั้นคนญี่ปุ่นก็หยุดยาวกัน บัตรค่อนข้างเต็มมาก และด้วยความที่เรากลัวไม่ได้เข้า Nintendo World เลยกดบัตร Express Pass 7: Limted Pass & Variety ซึ่งแพงสุดๆในช่วงนั้น อยู่ที่ 23,800 เยน และยังมีค่าบัตรเข้าที่แยกต่างหากประมาณ 9,000 เยน ณ ช่วงเวลานั้น
จาก list เครื่องเล่นที่เราเข้าเล่นได้จากบัตร Express ซึ่ง Nintendo World อยู่อันแรกเลยคือช่วง 11 เช้า ถือว่ายังเป็นความโชคดีของเรานิดหน่อย ที่พาตัวเองเข้าไปเล่นได้
ก่อนวันที่เราจะมา USJ เราตะลอนร่อนเดินอย่างหนักมาแล้ว 2 วัน ซึ่งเป็นปกติที่เท้าจะระบมมากๆ ตอนแรกก็ไม่คิดอะไร เพราะคิดว่าเป็นอาการปกติที่เราเจอตลอดเวลาที่มาญี่ปุ่น แต่ที่ตั้งของ Nintendo World นี่คือเดินขาลากเข้าไปลึกเกือบจะสุดขอบ USJ แม้แต่ทางเข้าโซนเอง ก็ยังค่อนข้างไกลกว่าจะเดินเข้ามาเจอปากท่อมาริโอ้
ตอนนั้นอาการเราเริ่มไม่ดี แต่ก็คิดเข้าข้างตัวเอง คงเพราะปวดขามากและตากแดดรอตอนเข้าเกินครึ่งชั่วโมง ซึ่งพอเข้ามาถึงก็ยังมีแรง Selfie ตัวเอง และต่อคิวเล่นของเล่นในนั้นไปได้ 2 อย่างคือตรงปราสาท Browser เล่น Mario Kart และนั่ง Yoshi แต่แม้จะมีบัตร Express คุณก็ต้องไปเข้าคิวมหาโหดในนั้นต่ออยู่ดี กว่าจะวนเวียนเข้าไปได้เล่น เราระบมเท้าจนเหมือนจะเป็นลมแล้ว พอจบจาก Yoshi เราไม่มีแรงจะถ่ายรูปเล่นอะไรอีกแล้ว
ฝืนลากตัวเองเดินออกมาให้พ้นโซนนี้ อยากจะหาห้องพยาบาลในนั้นเพื่อขอเข้าไปนอนพัก ในใจคิดว่านอนถึงค่ำแล้วค่อยเข้ามาเล่น Harry Potter ช่วงนั้น อาจจะดีขึ้น เราถามเจ้าหน้าที่ระหว่างทางว่ามีห้องพยาบาลไหม ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าอยู่หน้าสุดเลย ตอนนั้นฟังแล้วท้อมาก เพราะ Nintendo ก็อยู่เกือบท้ายสุด
แน่นอนเราเดินต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ตอนนี้รู้สึกว่าเริ่มมีไข้ เรามาหยุดตรง Jaws ที่อยู่ถัดจาก Nintendo World และมีคาเฟ่อยู่ตรงนั้น แล้วเราบอกเจ้าหน้าที่ในร้านนั้นว่าขอนั่งพักตรงนี้ได้ไหม เพราะเราเดินต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่คือน่ารักมากๆ เชิญเราเข้าไปนั่งโต๊ะด้านในเลยเพราะคงสังเกตจากสีหน้าเราที่น่าจะซีดมากๆตอนนั้น
พร้อมกับเอาน้ำเย็นมาให้เรา แล้วบอกให้นอนพักไปจนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น ซึ่งเรามียาไทลินอลพกติดตัวอยู่แล้ว เลยกินยาไป 1 เม็ด แล้วนอนหมอบกับโต๊ะตรงนั้นไปครึ่งชั่วโมงได้
พอเริ่มเดินต่อไปไหว ก็ลุกขึ้นมาขอบคุณเจ้าหน้าที่ในร้าน Jaws แล้วพาตัวเองเดินไปทางหน้าประตูที่มีห้อง First Aid Room ไปถึงก็บอกเจ้าหน้าที่ว่าอยากนอนพัก ตอนนั้น feel แบบคิดว่าคงเหมือนห้องพยาบาลในโรงเรียนคือนอนพักได้ แต่ไม่ใช่แบบนั้น เจ้าหน้าที่มีพร้อม clipboard มาจดรายละเอียด ถามอาการ แล้ววัดไข้เรา ณ ตอนที่อยู่ USJ เราไข้ขึ้น 37.8 องศา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ไม่สามารถอนุญาตให้เราอยู่ใน USJ และเล่นเครื่องเล่นต่อไปได้ เพราะคุณมีไข้
เราเลยแจ้งไปว่าเราซื้อบัตร USJ พร้อมกับ Express Pass7 ซึ่งเราเล่นไปแค่ของใน Nintendo World เท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ขอหลักฐานบัตร แล้วเอาไปดำเนินเรื่องคืนเงินบางส่วนให้เรา ซึ่งได้กลับมาเป็นเงินสดประมาณ 6-7000 เยน
จากนั้นเจ้าหน้าที่เดินมาส่งเราออกหน้าประตู ส่งเรานั่งรถไฟกลับไปนอนที่โรงแรม พอมาถึงโรงแรม วัดไข้อีกที คราวนี้หนักกว่าขึ้นไปอีก ไข้ดีดมา 39.2 องศา
สรุปสุดท้ายเราเป็นโควิดระหว่างทริปญี่ปุ่น นอนตุยในโรงแรมไปเกินครึ่งทริปนั้น
จริงๆมีเรื่องราวต่อจากนั้นเพราะเราอาการค่อนข้างหนัก และมีความยากลำบากในการหาหมอหรือซื้อยาบ้านๆในญี่ปุ่น ถ้ามีเวลาจะแยกไปเล่าในกระทู้ใหม่นะคะ