การหาขนาดแผงโซล่าเซลล์เราต้องติดตั้งจริง ที่เหมาะสม โดยดูจากการใช้ไฟฟ้า โดย คำนึงว่าช่วงกลางวัน ที่มีแสงแดด เราใช้ไฟฟ้าปริมาณมากน้อยเพียงใด ซึ่งมีวิธีการเบื้องต้น 3 วิธี ดังนี้
วิธีที่ 1 วัดกระแสใช้งานจริง (แนะนำช่วงเวลา 12.00 น.)
วิธีนี้เราต้องมีอุปกรณ์ด้วยนะ คือ Clamp วัดกระแสไฟฟ้า หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า คลิปแอมป์
- นำคลิปแอมป์ ไปวัดกระกระแส โดยเอาไปคล้องที่ สายไฟด้านออกของมิเตอร์ (ตอนที่เราใช้ไฟฟ้าตามปกติของวัน)
- ยกตัวอย่างมิเตอร์ 1 เฟส ที่ใช้กันทั่วๆไป ขนาด 15(45) หรือ มิเตอร์อิเลคทรอนิกส์ 5(100) วัดค่ากระแสไฟฟ้าได้ 13.5 A
จะได้ค่าจากสูตร P=IV ซึ่ง 0.23 คือ 230 v
โหลดการใช้ไฟฟ้า คือ 13.5 x 0.23 = 3.105 kW
*
ดังนั้น ต้องติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ ขนาดรวม 3.105 / 0.8 = 3.88kW ; 0.8 = 80% ประสิทธิภาพของแผงโซล่าเซลล์
วิธีที่ 2 อ่านหน่วยจากมิเตอร์ไฟฟ้า ตามช่วงเวลาช่วงกลางวัน
เราจะกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ ช่วงเวลาที่เราจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ด้วยคือ ต้องเป็นช่วงเวลาที่มีแดดออก ดังนั้น ช่วงเวลาที่แนะนำให้อ่านหน่วยคือ 09.00-15.00 น.
- เวลา 09.00 น. ไปยืนดูหน่วยที่มิเตอร์ของเรา แล้วจดค่าไว้ ยกตัวอย่างเช่น ได้ค่า 2452 kWh
- เวลา 15.00 น. ไปยืนดูหน่วยที่มิเตอร์ของเรา แล้วจดค่าไว้ ยกตัวอย่างเช่น ได้ค่า 2467 kWh
- หาค่าโดย นำค่า 15.00 น. ไปลบค่า 09.00 น.
จะได้ 2467-2452 = 15 kWh
นำ 15 kWh ไปหารจำนวนชั่วโมงที่ผ่านไป กรณีนี้คือ 6 ชั่วโมง (09.00-15.00 น.)
จะได้ 15/6 = 2.5 kW
*
ดังนั้น ต้องติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ ขนาดรวม 2.5 / 0.8 = 3.125 kW ; 0.8 = 80% ประสิทธิภาพของแผงโซล่าเซลล์
วิธีที่ 3 การดูหน่วยการใช้ไฟฟ้าจากบิลค่าไฟฟ้า
ในบิลค่าไฟฟ้าจะมีหน่วยการใช้ไฟฟ้ารวมทั้งเดือน ให้เราทราบ แต่ในกรณีนี้เราต้องรู้ว่า ปกติเราใช้ไฟฟ้ามากตอนช่วงเวลาไหน เพื่อสามารถแบ่งสัดส่วนได้อย่างถูกต้องเพื่อความแม่นยำ
- ดูในบิลค่าไฟฟ้า จะมีช่อง จำนวนหน่วยที่ใช้ทั้งเดือน ให้นำมาหารจำนวนวันของบิลเดือนนั้นๆ
เช่น เดือน เมษายน ใช้ไฟฟ้าไปจำนวน 1500 kWh ซึ่งเดือนเมษายน มี 30 วัน
จะได้ 1500 / 30 = 50 kWh
- ให้คิดถึงการใช้ไฟฟ้าจริงของเราว่า เราใช้ไฟฟ้าช่วงกลางวันกี่ส่วน ยกตัวอย่าง กลางวันใช้ไฟฟ้า 40% (มีคนอยู่บ้าน เปิดแอร์ หรือใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วน)
จะได้ว่า 50 x 0.4 = 20 kWh
นำ 20 kWh ไปหารจำนวนชั่วโมงที่น่าจะใช้ไฟ กรณีนี้คือ 6 ชั่วโมง (09.00-15.00 น.)
จะได้ 20/6 = 3.33 kW
*ดังนั้น ต้องติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ ขนาดรวม 3.33 / 0.8 = 4.16 kW ; 0.8 = 80% ประสิทธิภาพของแผงโซล่าเซลล์
เมื่อเรามองถึงวิธีการคำนวณโซล่าเซลล์คร่าวๆ ทั้ง 3 วิธี จะพบว่า แต่ละวิธีการ มีความแตกต่างกัน ดังนั้น เราจึงควรเลือกวิธีที่เราคิดว่าจะสามารถสะท้อนถึงการใช้ไฟฟ้าเราได้ตรงที่สุดมาใช้ หรือจะใช้ทั้ง 3 วิธี หากมีค่าใกล้เคียงกัน เหมือนตัวอย่าง ก็ถือได้ว่า สามารถนำไปใช้เลือกขนาดติดตั้งที่เหมาะสมกับเราได้นั่นเอง จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่าย และถูกต้องแม่นยำมากขึ้น เพื่อให้เหมาะสมและคุ้มค่า เพิ่มความสุขทุกครั้งที่เราใช้ไฟฟ้าที่มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยที่เงินในกระเป๋าเหลือเพิ่มขึ้นในทุกๆเดือน และยังเป็นส่วนหนึ่งในช่วยส่งเสริมพลังงานทดแทน ให้โลกใบนี้ของเราทุกคนน่าอยู่ และสะอาดปลอดภัยต่อทุกๆคน ตั้งแต่วันนี้ไปจนชั่วลูกหลานอีกด้วยครับ
และยังมีอีกหลายอย่างที่เราจะต้องรู้เกี่ยวกับการคำนวณโซล่าเซลล์ นั่นคือ พื้นที่ติดตั้ง / ค่าไฟฟ้าที่ลดได้ และระยะเวลาคืนทุน ถ้าท่านสนใจเรื่องราวอื่นๆ ของระบบโซล่าเซลล์ ติดตามต่อได้ที่
GRID Solar - เครือข่ายความรู้และบริการด้านพลังงานแสงอาทิตย์
ผมจะหาสิ่งที่น่าสนใจมาให้ได้ทราบกันเพิ่มมากขึ้นครับ ขอบพระคุณมากครับ
ตีแผ่! วิธีคำนวณโซล่าเซลล์ – ขนาดแผงโซล่าเซลล์ที่เหมาะสม กับการใช้ไฟฟ้าของคุณ
วิธีที่ 1 วัดกระแสใช้งานจริง (แนะนำช่วงเวลา 12.00 น.)
วิธีนี้เราต้องมีอุปกรณ์ด้วยนะ คือ Clamp วัดกระแสไฟฟ้า หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า คลิปแอมป์
- นำคลิปแอมป์ ไปวัดกระกระแส โดยเอาไปคล้องที่ สายไฟด้านออกของมิเตอร์ (ตอนที่เราใช้ไฟฟ้าตามปกติของวัน)
- ยกตัวอย่างมิเตอร์ 1 เฟส ที่ใช้กันทั่วๆไป ขนาด 15(45) หรือ มิเตอร์อิเลคทรอนิกส์ 5(100) วัดค่ากระแสไฟฟ้าได้ 13.5 A
จะได้ค่าจากสูตร P=IV ซึ่ง 0.23 คือ 230 v
โหลดการใช้ไฟฟ้า คือ 13.5 x 0.23 = 3.105 kW
*ดังนั้น ต้องติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ ขนาดรวม 3.105 / 0.8 = 3.88kW ; 0.8 = 80% ประสิทธิภาพของแผงโซล่าเซลล์
วิธีที่ 2 อ่านหน่วยจากมิเตอร์ไฟฟ้า ตามช่วงเวลาช่วงกลางวัน
เราจะกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ ช่วงเวลาที่เราจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ด้วยคือ ต้องเป็นช่วงเวลาที่มีแดดออก ดังนั้น ช่วงเวลาที่แนะนำให้อ่านหน่วยคือ 09.00-15.00 น.
- เวลา 09.00 น. ไปยืนดูหน่วยที่มิเตอร์ของเรา แล้วจดค่าไว้ ยกตัวอย่างเช่น ได้ค่า 2452 kWh
- เวลา 15.00 น. ไปยืนดูหน่วยที่มิเตอร์ของเรา แล้วจดค่าไว้ ยกตัวอย่างเช่น ได้ค่า 2467 kWh
- หาค่าโดย นำค่า 15.00 น. ไปลบค่า 09.00 น.
จะได้ 2467-2452 = 15 kWh
นำ 15 kWh ไปหารจำนวนชั่วโมงที่ผ่านไป กรณีนี้คือ 6 ชั่วโมง (09.00-15.00 น.)
จะได้ 15/6 = 2.5 kW
*ดังนั้น ต้องติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ ขนาดรวม 2.5 / 0.8 = 3.125 kW ; 0.8 = 80% ประสิทธิภาพของแผงโซล่าเซลล์
วิธีที่ 3 การดูหน่วยการใช้ไฟฟ้าจากบิลค่าไฟฟ้า
ในบิลค่าไฟฟ้าจะมีหน่วยการใช้ไฟฟ้ารวมทั้งเดือน ให้เราทราบ แต่ในกรณีนี้เราต้องรู้ว่า ปกติเราใช้ไฟฟ้ามากตอนช่วงเวลาไหน เพื่อสามารถแบ่งสัดส่วนได้อย่างถูกต้องเพื่อความแม่นยำ
- ดูในบิลค่าไฟฟ้า จะมีช่อง จำนวนหน่วยที่ใช้ทั้งเดือน ให้นำมาหารจำนวนวันของบิลเดือนนั้นๆ
เช่น เดือน เมษายน ใช้ไฟฟ้าไปจำนวน 1500 kWh ซึ่งเดือนเมษายน มี 30 วัน
จะได้ 1500 / 30 = 50 kWh
- ให้คิดถึงการใช้ไฟฟ้าจริงของเราว่า เราใช้ไฟฟ้าช่วงกลางวันกี่ส่วน ยกตัวอย่าง กลางวันใช้ไฟฟ้า 40% (มีคนอยู่บ้าน เปิดแอร์ หรือใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วน)
จะได้ว่า 50 x 0.4 = 20 kWh
นำ 20 kWh ไปหารจำนวนชั่วโมงที่น่าจะใช้ไฟ กรณีนี้คือ 6 ชั่วโมง (09.00-15.00 น.)
จะได้ 20/6 = 3.33 kW
*ดังนั้น ต้องติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ ขนาดรวม 3.33 / 0.8 = 4.16 kW ; 0.8 = 80% ประสิทธิภาพของแผงโซล่าเซลล์
เมื่อเรามองถึงวิธีการคำนวณโซล่าเซลล์คร่าวๆ ทั้ง 3 วิธี จะพบว่า แต่ละวิธีการ มีความแตกต่างกัน ดังนั้น เราจึงควรเลือกวิธีที่เราคิดว่าจะสามารถสะท้อนถึงการใช้ไฟฟ้าเราได้ตรงที่สุดมาใช้ หรือจะใช้ทั้ง 3 วิธี หากมีค่าใกล้เคียงกัน เหมือนตัวอย่าง ก็ถือได้ว่า สามารถนำไปใช้เลือกขนาดติดตั้งที่เหมาะสมกับเราได้นั่นเอง จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่าย และถูกต้องแม่นยำมากขึ้น เพื่อให้เหมาะสมและคุ้มค่า เพิ่มความสุขทุกครั้งที่เราใช้ไฟฟ้าที่มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยที่เงินในกระเป๋าเหลือเพิ่มขึ้นในทุกๆเดือน และยังเป็นส่วนหนึ่งในช่วยส่งเสริมพลังงานทดแทน ให้โลกใบนี้ของเราทุกคนน่าอยู่ และสะอาดปลอดภัยต่อทุกๆคน ตั้งแต่วันนี้ไปจนชั่วลูกหลานอีกด้วยครับ
และยังมีอีกหลายอย่างที่เราจะต้องรู้เกี่ยวกับการคำนวณโซล่าเซลล์ นั่นคือ พื้นที่ติดตั้ง / ค่าไฟฟ้าที่ลดได้ และระยะเวลาคืนทุน ถ้าท่านสนใจเรื่องราวอื่นๆ ของระบบโซล่าเซลล์ ติดตามต่อได้ที่ GRID Solar - เครือข่ายความรู้และบริการด้านพลังงานแสงอาทิตย์
ผมจะหาสิ่งที่น่าสนใจมาให้ได้ทราบกันเพิ่มมากขึ้นครับ ขอบพระคุณมากครับ