แรงงานไทยในอิสราเอลพื้นที่เสี่ยง “ถึงรู้แต่ก็ไป” ทำไมกัน? ส่วนหนึ่งอยากกลับแต่ทำไม่ได้เพราะหนี้มันค้ำคอ เสียงสะท้อนแรงงานไทย โดนเอาเปรียบแต่ก็ต้องทำไม่งั้นไม่มีอะไรกิน
“เสี่ยง” แต่ก็ต้องไป
จากการที่กลุ่มฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลทำให้รู้ว่ามีคนไทยเข้าไปใช้แรงงานในอิสราเอลถึง 25,962 คน และมีแรงงานไทยเสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้และถูกจับเป็นตัวประกันอีกจำนวนไม่น้อย
แต่คำถามที่น่าสนใจคือ ทำไมแรงงานไทยถึงอยากเข้าไปทำงานในอิสราเอล ทั้งที่รู้ว่าประเทศนี้มีสงครามเกิดขึ้นตลอดและการไปทำงานที่นั่นก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงเอาการอยู่ทีเดียว
จากข้อมูลกรมจัดหางานโครงการความร่วมมือไทย - อิสราเอลเพื่อจัดหางานระบุว่า ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานที่อิสราเอลคิดเป็นเงินประมาณ70,000 บาทขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน ณ ตอนนั้น
ค่าใช้จ่ายก่อนเดินทางจะมีค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่นค่าการตรวจประวัติอาชญากรรม, ค่าหนังสือเดินทาง, ค่าตรวจสุขภาพ, ตั๋วเครื่องบิน, ค่าสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ
เมื่อเดินทางถึงอิสราเอลแล้วก็ต้องจ่ายเงินให้บริษัทจัดหางานในรัฐอิสราเอลและค่าธรรมเนียมตามโครงการความร่วมมือไทย-อิสราเอลซึ่งตามกฎหมายอิสราเอลที่แรงงานต้องเป็นคนจ่ายเองเมื่อไปถึง
ข้อมูลจากกระทรวงแรงงานไทยระบุชัดว่ารายได้โดยเฉลี่ยของแรงงานไทยที่อยู่ที่นั่นอยู่ที่ราวๆ เดือนละ 55,000 บาทเป็นระบบการจ้างงานแบบรัฐต่อรัฐ แรงงานจะเดินทางไปทำงานได้เพียงครั้งเดียวแต่มีระยะเวลา 5 ปี
“อันนี้พูดกันง่ายๆ เลยนะครับ มันเป็นเรื่องของรายได้ครับ ต้องยอมรับว่าการทำงานในไทยเอง แรงงานจำนวนหนึ่งไม่เห็นอนาคตที่จะข้ามผ่านความยากจนหรือสร้างฐานะให้ตัวเองได้”
คือคำตอบจาก “เนม” สหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี เขต 7 พรรคก้าวไกล กรรมาธิการแรงงาน (กมธ.แรงงาน) เมื่อทีมข่าวถามว่า ทั้งที่รู้ว่าเสี่ยงแต่ทำไมคนไทยจึงยังอยากไปทำงานที่อิสราเอล
เหตุผลหลักๆ คือการไปทำงานที่นั่นคือทางเลือกหนึ่งที่มีรายได้ดีกว่าบ้านเกิดอย่างน้อยก็ยังมีเงินส่งกลับบ้าน 20,000-30,000 บาท/เดือน แม้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานจะสูงแต่หลังหักรายจ่ายแล้ว สำหรับแรงงานก็เป็นทางเลือกทำให้เขาได้เงินก้อนกลับมา
“เมื่อคิดกับรายได้ต่อเดือนแล้วมันเป็นสัญญาที่เวลา 5 ปี ถ้าสมมติได้ส่งกลับมาได้เดือนละ 20,000 ปีหนึ่งก็ 240,000 ใช่ไหมครับ 5 ปีก็เงินเป็นล้านนะครับ”
เรื่องคุณภาพชีวิตก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ดึงดูด เมื่อเทียบค่าครองชีพในระยะ 10 ปีที่ผ่านมาในไทยแล้วคือ รายได้ต่ำ ค่าครองชีพสูงทำให้แรงงานไทย ไม่มีทางเลยครับที่จะมีเงินเหลือเก็บกัน
กลับไปจะใช้หนี้ยังไง?
แม้ตอนนี้ทุกคนเป็นห่วงแรกงานไทยในอิสราเอลและรัฐบาลก็พยายามเร่งมือเพื่อพาคนไทยกลับบ้านแต่ก็มีแรงงานจำนวนมากยังลังเลในการกลับมาประเทศไทย มันเกิดอะไรขึ้น? และนี่คำตอบจากกูรูรายเดิม
“จากการพูดคุยกับแรงงานที่นั่นหลังจากการปะทะ มันก็มีคนจำนวนมากที่ยังไม่อยากกลับ ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากออกจากพื้นที่นะ หมายถึงขอไปในพื้นปลอดภัยก่อนเพราะกลัวว่ากลับมาไทยแล้วจะไม่ได้ไปทำงานอีก”
อีกข้อที่ทำให้แรงงานไทยลังเลในการกลับบ้านคือถ้าจะกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกรอบจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางใหม่หรือเปล่าและสุดท้ายหนี้สินที่ยืมมาเพื่อทำงาน ถ้ากลับไทยจะใช้หนี้ยังไง
“ก็เลยเสี่ยง อยู่ที่นู่นดีกว่า อันนี้เป็นเรื่องที่เราได้เสียงสะท้อนมาจากแรงงานที่อิสราเอลโดยตรงนะครับ”
กลายเป็นประเด็นที่ต้องคุยกันว่า แรงงานไทยกังวลเรื่องศักยภาพในการใช้หนี้ของตัวเองมาก ดังนั้นจะเป็นไปได้ไหมที่ทางการไทยควรมีอะไรที่ช่วยผ่อนผัน ลดดอกเบี้ยหรือชะลอหนี้ของพวกเขา “เพื่อสร้างหลักประกันให้เขาอยากกลับมามากขึ้น”
“มันมีประเด็นเรื่องแรงงานไทยที่เข้าไปโดยผิดกฎหมายด้วย ตรงนี้ผมคิดว่าควรจะพักไว้ก่อนว่า เขาลักลอบเข้าเมืองไหม ทำงานถูกต้องตามกฎหมายไหมแต่ว่าที่เราต้องโฟกัสเร่งด่วนคือ การพาคนไทยกลับบ้าน”
ในวิกฤตยังมี “(ฉวย)โอกาส”
ไม่ใช่แค่เรื่องกลัวไม่มีเงินใช้หนี้ หรือกลัวไม่ได้กลับมาทำงานอีกแต่เสียงสะท้อนแรงงงานไทยในอิสราเอล ยังมีเรื่อง “การถูกเอาเปรียบและฉวยโอกาส จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น” โดยหลังจากเกิดเหตุปะทะก็มีการพาแรงงานไทยอพยพออกจากพื้นที่ อ้างว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัย แต่กลับถูกพาไปทำงานที่ต่ออย่างไม่สมัครใจไม่ก็ “ฉวยโอกาส”จากภาวะสงคราม “เบี้ยวค่าแรง”
“แรงงานเราไม่เคยผ่านวิกฤตสงครามแบบนี้มา ตอนนี้สภาพจิตใจแย่มากแล้วก็ไม่ได้พร้อมทำงานแต่กลับถูกบอกให้ทำงานต่อ ตรงนี้แรงงานสะท้อนมาหนักมากแต่ว่าเขาก็บ่นว่า ถ้าเขาไม่ทำงานจะเอาที่ไหนกิน”
ยังมีเรื่องความเป็นอยู่และการดูแลคุ้มครองแรงงานที่ร้องเรียนมากันเยอะมาก ถึง 90% ของแรงงานไทยที่ไปอิสราเอลซึ่งไปโดยกรมจัดหางานของกระทรวงแรงงาน
“นอกจากว่ากระบวนการส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศ ซึ่งปีๆ หนึ่งทำเงินให้ประเทศไม่ต่ำว่า 2 แสนล้านเนี่ย มันควรมีการติดตาม คุ้มครองให้คนไทยได้รับสิทธิคุ้มครองแรงงานอย่างที่ควรจะเป็น”
เราอ่อนเรื่องการติดตามและคุ้มครองแรงงาน แม้แรงงานจะไปทำงานในประเทศที่เจริญแล้วอย่างสวีเดน ฟินแลนด์ สุดท้ายแรงงานไทยก็โดนเอาเปรียบ จากการที่กฎหมายของประเทศปลายทางไม่ได้ถูกบังคับใช้
“ผมคิดว่าไม่มีใครอยากไปอยู่ไกลบ้าน ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องรายได้ แรงงานไทยในต่างประเทศเป็นแบบนี้หมด ไปต่างประเทศลำบากมากแต่ก็ต้องหาเงินมาจุนเจือครอบครัว”
Credit:
https://mgronline.com/live/detail/9660000093325
“เงินก้อนที่ไม่มีวันได้ในไทย” เหตุผลที่ “แรงงานไทย” ยอมเสี่ยงอยู่ต่อในอิสราเอล
“เสี่ยง” แต่ก็ต้องไป
จากการที่กลุ่มฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลทำให้รู้ว่ามีคนไทยเข้าไปใช้แรงงานในอิสราเอลถึง 25,962 คน และมีแรงงานไทยเสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้และถูกจับเป็นตัวประกันอีกจำนวนไม่น้อย
แต่คำถามที่น่าสนใจคือ ทำไมแรงงานไทยถึงอยากเข้าไปทำงานในอิสราเอล ทั้งที่รู้ว่าประเทศนี้มีสงครามเกิดขึ้นตลอดและการไปทำงานที่นั่นก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงเอาการอยู่ทีเดียว
จากข้อมูลกรมจัดหางานโครงการความร่วมมือไทย - อิสราเอลเพื่อจัดหางานระบุว่า ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานที่อิสราเอลคิดเป็นเงินประมาณ70,000 บาทขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน ณ ตอนนั้น
ค่าใช้จ่ายก่อนเดินทางจะมีค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่นค่าการตรวจประวัติอาชญากรรม, ค่าหนังสือเดินทาง, ค่าตรวจสุขภาพ, ตั๋วเครื่องบิน, ค่าสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ
เมื่อเดินทางถึงอิสราเอลแล้วก็ต้องจ่ายเงินให้บริษัทจัดหางานในรัฐอิสราเอลและค่าธรรมเนียมตามโครงการความร่วมมือไทย-อิสราเอลซึ่งตามกฎหมายอิสราเอลที่แรงงานต้องเป็นคนจ่ายเองเมื่อไปถึง
ข้อมูลจากกระทรวงแรงงานไทยระบุชัดว่ารายได้โดยเฉลี่ยของแรงงานไทยที่อยู่ที่นั่นอยู่ที่ราวๆ เดือนละ 55,000 บาทเป็นระบบการจ้างงานแบบรัฐต่อรัฐ แรงงานจะเดินทางไปทำงานได้เพียงครั้งเดียวแต่มีระยะเวลา 5 ปี
“อันนี้พูดกันง่ายๆ เลยนะครับ มันเป็นเรื่องของรายได้ครับ ต้องยอมรับว่าการทำงานในไทยเอง แรงงานจำนวนหนึ่งไม่เห็นอนาคตที่จะข้ามผ่านความยากจนหรือสร้างฐานะให้ตัวเองได้”
คือคำตอบจาก “เนม” สหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี เขต 7 พรรคก้าวไกล กรรมาธิการแรงงาน (กมธ.แรงงาน) เมื่อทีมข่าวถามว่า ทั้งที่รู้ว่าเสี่ยงแต่ทำไมคนไทยจึงยังอยากไปทำงานที่อิสราเอล
เหตุผลหลักๆ คือการไปทำงานที่นั่นคือทางเลือกหนึ่งที่มีรายได้ดีกว่าบ้านเกิดอย่างน้อยก็ยังมีเงินส่งกลับบ้าน 20,000-30,000 บาท/เดือน แม้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานจะสูงแต่หลังหักรายจ่ายแล้ว สำหรับแรงงานก็เป็นทางเลือกทำให้เขาได้เงินก้อนกลับมา
“เมื่อคิดกับรายได้ต่อเดือนแล้วมันเป็นสัญญาที่เวลา 5 ปี ถ้าสมมติได้ส่งกลับมาได้เดือนละ 20,000 ปีหนึ่งก็ 240,000 ใช่ไหมครับ 5 ปีก็เงินเป็นล้านนะครับ”
เรื่องคุณภาพชีวิตก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ดึงดูด เมื่อเทียบค่าครองชีพในระยะ 10 ปีที่ผ่านมาในไทยแล้วคือ รายได้ต่ำ ค่าครองชีพสูงทำให้แรงงานไทย ไม่มีทางเลยครับที่จะมีเงินเหลือเก็บกัน
กลับไปจะใช้หนี้ยังไง?
แม้ตอนนี้ทุกคนเป็นห่วงแรกงานไทยในอิสราเอลและรัฐบาลก็พยายามเร่งมือเพื่อพาคนไทยกลับบ้านแต่ก็มีแรงงานจำนวนมากยังลังเลในการกลับมาประเทศไทย มันเกิดอะไรขึ้น? และนี่คำตอบจากกูรูรายเดิม
“จากการพูดคุยกับแรงงานที่นั่นหลังจากการปะทะ มันก็มีคนจำนวนมากที่ยังไม่อยากกลับ ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากออกจากพื้นที่นะ หมายถึงขอไปในพื้นปลอดภัยก่อนเพราะกลัวว่ากลับมาไทยแล้วจะไม่ได้ไปทำงานอีก”
อีกข้อที่ทำให้แรงงานไทยลังเลในการกลับบ้านคือถ้าจะกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกรอบจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางใหม่หรือเปล่าและสุดท้ายหนี้สินที่ยืมมาเพื่อทำงาน ถ้ากลับไทยจะใช้หนี้ยังไง
“ก็เลยเสี่ยง อยู่ที่นู่นดีกว่า อันนี้เป็นเรื่องที่เราได้เสียงสะท้อนมาจากแรงงานที่อิสราเอลโดยตรงนะครับ”
กลายเป็นประเด็นที่ต้องคุยกันว่า แรงงานไทยกังวลเรื่องศักยภาพในการใช้หนี้ของตัวเองมาก ดังนั้นจะเป็นไปได้ไหมที่ทางการไทยควรมีอะไรที่ช่วยผ่อนผัน ลดดอกเบี้ยหรือชะลอหนี้ของพวกเขา “เพื่อสร้างหลักประกันให้เขาอยากกลับมามากขึ้น”
“มันมีประเด็นเรื่องแรงงานไทยที่เข้าไปโดยผิดกฎหมายด้วย ตรงนี้ผมคิดว่าควรจะพักไว้ก่อนว่า เขาลักลอบเข้าเมืองไหม ทำงานถูกต้องตามกฎหมายไหมแต่ว่าที่เราต้องโฟกัสเร่งด่วนคือ การพาคนไทยกลับบ้าน”
ในวิกฤตยังมี “(ฉวย)โอกาส”
ไม่ใช่แค่เรื่องกลัวไม่มีเงินใช้หนี้ หรือกลัวไม่ได้กลับมาทำงานอีกแต่เสียงสะท้อนแรงงงานไทยในอิสราเอล ยังมีเรื่อง “การถูกเอาเปรียบและฉวยโอกาส จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น” โดยหลังจากเกิดเหตุปะทะก็มีการพาแรงงานไทยอพยพออกจากพื้นที่ อ้างว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัย แต่กลับถูกพาไปทำงานที่ต่ออย่างไม่สมัครใจไม่ก็ “ฉวยโอกาส”จากภาวะสงคราม “เบี้ยวค่าแรง”
“แรงงานเราไม่เคยผ่านวิกฤตสงครามแบบนี้มา ตอนนี้สภาพจิตใจแย่มากแล้วก็ไม่ได้พร้อมทำงานแต่กลับถูกบอกให้ทำงานต่อ ตรงนี้แรงงานสะท้อนมาหนักมากแต่ว่าเขาก็บ่นว่า ถ้าเขาไม่ทำงานจะเอาที่ไหนกิน”
ยังมีเรื่องความเป็นอยู่และการดูแลคุ้มครองแรงงานที่ร้องเรียนมากันเยอะมาก ถึง 90% ของแรงงานไทยที่ไปอิสราเอลซึ่งไปโดยกรมจัดหางานของกระทรวงแรงงาน
“นอกจากว่ากระบวนการส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศ ซึ่งปีๆ หนึ่งทำเงินให้ประเทศไม่ต่ำว่า 2 แสนล้านเนี่ย มันควรมีการติดตาม คุ้มครองให้คนไทยได้รับสิทธิคุ้มครองแรงงานอย่างที่ควรจะเป็น”
เราอ่อนเรื่องการติดตามและคุ้มครองแรงงาน แม้แรงงานจะไปทำงานในประเทศที่เจริญแล้วอย่างสวีเดน ฟินแลนด์ สุดท้ายแรงงานไทยก็โดนเอาเปรียบ จากการที่กฎหมายของประเทศปลายทางไม่ได้ถูกบังคับใช้
“ผมคิดว่าไม่มีใครอยากไปอยู่ไกลบ้าน ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องรายได้ แรงงานไทยในต่างประเทศเป็นแบบนี้หมด ไปต่างประเทศลำบากมากแต่ก็ต้องหาเงินมาจุนเจือครอบครัว”
Credit: https://mgronline.com/live/detail/9660000093325