"มหาดไทย" ออก 8 มาตรการระยะสั้น คุมอาวุธปืน

กระทู้สนทนา
จาก มาตรการระยะสั้น ควบคุม อาวุธปืน 

1. ให้นายทะเบียนอาวุธปืนทั่ประเทศ (นายอำเภอในต่างจังหวัด และอธิบดีกรมการปกครองใน กทม.) งดการออกใบอนุญาตให้สั่ง นำเข้า หรือค้า ซึ่งสิ่งเทียมอาวุธปืนทุกชนิด (สำหรับผู้รับใบอนุญาตรายเดิมที่จะสั่งนำเข้าเพิ่มเติม) และไม่อนุญาตให้รายใหม่ขออนุญาตเป็นผู้ค้า สั่งนำเข้าสิ่งเทียมอาวุธปืนเพิ่มอีก

ข้อนี้ไม่มีปัญหา ดีและถูกต้อง สิ่งนี้ ปัจจุบันสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่า ต้องควบคุม การป้องกันการนำไปดัดแปลงเป็นอาวุธปืน 

2. ให้ผู้ครอบครองแบลงค์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืน ที่อาจจะดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ นำแบลงค์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนที่ครอบครองอยู่ ไปแสดงและทำบันทึกต่อนายทะเบียนอาวุธปืนตามภูมิลำเนาซึ่งตนมีทะเบียนบ้านอยู่

ดูดี ถ้าทำได้ แต่คำถามคือ จะให้เอาไปแจ้งครอบครอง ไปแสดงและทำบันทึกตามทะเบียนบ้าน ในทางปฏิบัติจะทำได้เหรอ? เสียเวลา เสียเงินค่าใช้จ่ายเดินทางไป แม้จะฟรีไม่เก็บค่าธรรมเนียมใดๆ ก็เถอะ ก็เฉยๆ ไป เพราะ การครอบครองยังไม่มีการกำหนดโทษใดๆ ตามกฎหมาย โทษจะเกิดขึ้นคือการดัดแปลงเป็นอาวุธแล้ว 

3. ให้กรมศุลกากรตรวจสอบการนำเข้าสิ่งเทียมอาวุธปืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แบลงค์กัน และบีบีกัน ที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้อย่างเข้มงวด

ข้อนี้ เป็นเรื่องของรัฐ จัดการกันเองระหว่างหน่วยงาน  แต่มีการนำเข้ามาแล้วก่อนประกาศฉบับนี้ แล้วจะไม่ตรวจปล่อย ความเสียหายที่เกิดขึ้น รัฐจะรับผิดชอบ? แต่หลังประกาศฉบับนี้คือไม่มีปัญหา  แต่ ราคาอาจแพงขึ้น เพราะอ้างห้ามนำเข้าแล้ว แม้จะระยะสั้นก็ตาม

4. ให้การกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งกำกับดูแลสนามยิงปืนที่ได้จดทะเบียนเป็นสมาคมกีฬาทั่วประเทศให้มีการกวดขัน ตรวจสอบทั่วประเทศ
– ห้ามผู้มีอายุไม่เกิน 20 ปี เข้าสนามยิงปืน ยกเว้น ได้รับการอนุญาตตามระเบียบการกีฬาแห่งประเทศไทย เช่น นักกีฬายิงปืนทีมชาติ
– อาวุธปืนที่ใช้ในสนามยิงปืนต้องมีทะเบียนถูกต้อง และตรงตัวกับผู้มาใช้บริการ
– ห้ามนำกระสุนปืนออกภายนอกเขตสนามยิงปืนเด็ดขาด
– กวดขันตรวจสอบสนามยิงปืน ในการกำกับดูแลของส่วนราชการ ให้ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการและข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกัน 

ข้อ 4 ก็เป็นมาตรการทั่วไปอยู่แล้ว เด็กปกติก็ไม่ค่อยเข้าสนามปืน อย่างสนามที่ไปซ้อมยิง ก็ต้องกรอกใบยินยอม ถ่ายสำเนาบัตรแสดง ถ้าเป็นสมาชิกก็ต้องลงทะเบียนพร้อม ป. 4 เก็บไว้ทำทะเบียนสมาชิก 

ปืนถ้านำมาเอง ก็แสดง ป. 4 ให้ครบถ้วน ในการซื้อเป้าและกระสุน  เท่านั้น ถ้าไม่มีก็ห้ามนำมายิง 

การห้ามนำกระสุนออกก็ช่วยได้ส่วนนึง ปกติ ซื้อกระสุน ก็แสดง ป.4

การยิงไม่หมด มีหลายเหตุผล เช่น ยิงไม่เข้าเป้า สมาธิไม่ดี ฝนฟ้าไม่เป็นใจ กลับบ้านดีกว่า ปืนมีปัญหา ประหยัดไว้ยิงครั้งต่อไป อีก 1-2 ครั้ง ซื้อเฉพาะเป้า ท่านควรเห็นใจ เพราะส่วนใหญ่บังคับซื้อยกกล่อง 50 นัด 100 นัด หรือ 25 นัด ลูกซอง ใจคอจะให้ยิงให้หมดครั้งเดียว โดยเฉพาะลูกซอง  25 นัด ? ฝากก็เป็นภาระทุกฝ่าย ไม่งั้นค่าใช้จ่ายต่อสนามต่อครั้ง เพื่อซ้อมฝึกสำหรับบุคคลธรรมดา ตก ครั้งละ 1500 ขึ้นไป 

ต่อให้เหลือ ก็เอาไปป้องกันชีวิตและทรัพย์สินที่บ้าน คนไม่ก่อเหตุก็ไม่ก่อเหตุอยู่ดี ไม่เกี่ยวกับ เอากระสุนกลับบ้าน สุจริตชน เขาดูแลอย่างดี 

กระสุนมีมาตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบันเป็นหลายล้านนัด ที่ยังไม่ได้ใช้ ต่อให้ท่านคุมกระสุนจากสนามได้ ก็คุมกระสุนที่มีมาแต่อดีตไม่ได้ คุมการใช้กระสุนที่ซื้ออย่างถูกต้องตามร้านไม่ได้ เพราะแม้กระทั่งทำหล่นหาย ถูกขโมย 

ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องไปซื้อกระสุนก่อเหตุจากสนาม ส่วนใหญ่คนซื้อที่สนาม เขาก็เป็นสุจริตชน ไปแสดงตัวอยู่แล้ว ว่าเป็นใคร ถ่ายบัตร ปชช สมัครสมาชิกสนาม ตรวจสอบได้ ถ้าโจรจะก่อเหตุ ตรวจสอบขนาดนี้ก็ไม่มาสนาม ไปหาที่ซ้อมมือที่อื่นก็จบ

5. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ งดออกใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว

ปกติ ขอ ใบ ป. 12 ก็ยากอยู่แล้ว ไม่พูดก็แทบไม่ออกให้อยู่แล้ว โจรนี่ต้องรอใบอนุญาตพกปืน? ฆาตกรคนนั้น มีใบอนุญาตพก? 

6. อนุญาตโครงการอาวุธปืนสวัสดิการ สำหรับข้าราชการคนละ 1 กระบอกเท่านั้น และห้ามนำไปจำหน่ายหรือโอนต่อให้กับประชาชนหรือผู้อื่น

ข้อนี้ เห็นด้วยอย่างยิ่ง ปืนสวัสดิการ ก็ควรเป็นสวัสดิการ ต้องจำกัดจำนวนสิทธิ เช่น 1-2 กระบอกที่ใช้สิทธิ  ไม่ใช่ไม่จำกัดจำนวนในการซื้อปืนสวัสดิการ ถือเป็นการเอาเปรียบประชาชน และ 1-2 กระบอกนี้ ก็ต้องห้ามจำหน่าย เว้นแต่โอนให้ทายาท ที่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย เพราะ ซื้อถูกอยู่แล้ว อยากมีมากกว่านั้น ต้องจ่ายเท่าบุคคลธรรมดา  ต้องแยกแยะด้วย ว่า ข้าราชการที่ซื้อปืนสวัสดิการนั้นคือใคร ถ้าเป็น ตำรวจ ไม่มีปัญหา 2-3 กระบอก เอาไปเลย ประชาชนทั่วไปเขายอมรับได้ 

แต่ถ้าเป็น ขรก. พลเรือน ที่ไม่ได้เป็น Law Enforcement ต้องไปยิงต่อสู้ ป้องกันชีวิตประชาชน จะใช้สิทธิสวัสดิการ ซื้อจำนวนมาก ไปทำไม? 

ถ้าท่านต้องการให้อาวุธปืนถูกลง โดยไม่ต้องใช้สิทธิสวัสดิการ  ท่านควรพิจารณายกเลิกระบบโควต้าร้าน หรือ ขยายโควต้าร้านให้สามารถนำเข้ามาขายได้เพียงพอที่จะมีรายได้ในการทำธุรกิจและครอบคลุมจ่ายต่างๆ ของการทำธุรกิจโดยปกติ 

7. ให้นายทะเบียนงดการออกใบอนุญาต สั่งนำเข้าอาวุธปืนของร้านค้าอาวุธปืน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป 

ข้อนี้ไม่เห็นด้วย คราวนี้ อาวุธปืนที่เข้ามาแล้ว ก็จะแพงขึ้น เพราะไม่มีของใหม่เข้ามาในตลาด จนกว่าคำสั่งจะเปลี่ยนแปลง เมื่อปืนถูกกฎหมายแพง ปืนผิดกฎหมายก็แพงตาม อาชญากรแค่เปลี่ยนช่องทางจำหน่ายปืนผิดกฎหมายไม่ให้จับได้ ขายที ก็คุ้มพร้อมเสี่ยง 

8. ขอความร่วมมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ปราบปรามและปิดเว็บไซต์ เพจออนไลน์ซื้อขายอาวุธปืนเถื่อน และสิ่งเทียมอาวุธปืนดัดแปลงเป็นอาวุธปืน ให้รายงานผลการปฏิบัติให้กระทรวงมหาดไทย ทราบทุก 15 วัน

ข้อนี้เห็นด้วย ต้องปราบปรามช่องทางการโฆษณาขาย เชิญชวนซื้อ จำหน่าย อย่างเด็ดขาด เข้มงวด 

มาตรการระยะยาว แก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490
1. ต้องมีเอกสารใบรับรองแพทย์ที่รับรองเรื่องสุขภาพจิต ภาวะทางจิตใจ ที่ผู้ขออนุญาตซื้ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนต้องใช้ประกอบในการยื่นคำขอ

จะทำก็ได้ แต่ การก่อเหตุ หลายกรณีไม่จำเป็นต้องมีภาวะจิตใจ สุขภาพจิตที่เสื่อมทรามไม่สมประกอบ ขออนุญาตวันนี้ได้ อีกไม่กี่วันก็บ้าได้ สติแตกได้ สะเทือนใจควบคุมไม่ได้ก็ได้ ส่วนใหญ่ที่บ้าก็มักไม่ใช่ประชาชน เป็นคนกลุ่มไหน ท่านก็น่าจะรู้ดี คนพวกนั้นโดยหน้าที่การงาน มีโอกาสเกิดง่ายกว่าประชาชนทั่วไปอีก อย่าคิดว่า เป็นสีเดียวกับท่านแล้ว เป็นคนปกติไปทั้งหมด 

ถ้าเจอคนบ้าเห็นได้โดยสภาพอยู่แล้ว  คนขาย ร้าน เขาก็ไม่กล้าขายให้อยู่แล้วมั้งครับท่าน  ยิ่งถ้ายื่นขอ ป. 3 ด้วยตัวเอง จนท. จะไม่มีวิจารณญาณ ดูไม่ออก?

2. ความหมาย บทนิยาม ของคำว่า “สิ่งเทียมอาวุธปืน” ไม่ให้หมายความรวมถึง แบลงค์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนอื่นที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ง่าย

ข้อนี้จะแก้ก็แก้ ไม่ได้มีปัญหาอะไร แก้ก็เท่านั้น ไม่แก้ก็เท่านั้น แก้ อัพเดท พรบ. อาวุธปืน ให้ทันสมัยก่อนเถอะ แต่ต้องไม่จำกัด เสรีภาพและสิทธิในการครอบครอง มีไว้ใช้ป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของสุจริตชน 

3. กำหนดให้ผู้ที่จะซื้อสิ่งเทียมอาวุธปืนที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ ต้องยื่นคำขอต่อนายทะเบียนอาวุธปืน

สิ่งเทียมอาวุธปืนก็ต้องเป็นสิ่งเทียม ถ้านำไปดัดแปลงแล้วก็กลายเป็นอาวุธปืน ซึ่งผิดกฎหมายอาวุธปืนมีโทษรุนแรงทันทีอยู่แล้ว ต้องแยกประเภทให้ชัด พูดไปพูดมาเหมือนวนหาจุดสรุปไม่ได้

การครอบครองสิ่งเทียมอาวุธปืนจะให้มีการยื่นขออนุญาตก็ไม่คัดอะไร (กลับไปที่มาตรการระยะสั้น) 

4. ผู้ครอบครองอาวุธปืนทั่วประเทศ ทั้งรายเดิมที่มีอยู่แล้ว และรายใหม่ที่อาจจะมีเพิ่มขึ้น จะต้องนำอาวุธปืน มายิงทดสอบเก็บข้อมูลหัวกระสุนทุกกระบอกทุกราย ให้ใบอนุญาตมีอาวุธปืนภายในวงเล็บ (ป.4) มีอายุของใบอนุญาต ซึ่งผู้ที่ได้รับใบอนุญาตไปแล้ว จะต้องนำอาวุธปืนมารายงานตัวกับนายทะเบียน ในทุก 5-10 ปี เพื่อพิจารณาต่ออายุใบอนุญาต เช่นเดียวกับ ใบขับขี่รถยนต์

สมมุติว่า อาวุธปืนที่ออก ป. 4 ไป มี 5 ล้านกระบอก ใช้เวลามาแสดง ยิงทดสอบ เก็บข้อมูลหัวกระสุน ใช้เวลานานแค่ไหน? เห็นถ้าเป็นประชาชนทั่วไปที่ก่อเหตุ ก็จับได้ทุกที ตามแป๊บเดียวก็จับตัวได้ แทบไม่ต้องพิสูจน์ข้อมูลหัวกระสุนด้วยซ้ำ  เป็นแค่ หลักฐานประกอบสำนวนยืนยันให้มั่นในหลักฐานการกระทำผิด ทุกวันนี้ กล้องวงจรปิด ก็ยุบยับ เต็มไปหมด ไม่ต้องเก็บ เจ้าหน้าที่ก็สืบจากพยานหลักฐานแวดล้อมอื่นประกอบได้อยู่ดี 

ทุกวันนี้ ท่านว่า เงิน 5,000 บาท 7,000 บาท, หรือ 10,000++ นี่ คือเงินอะไร? 

แล้วอนาคต ท่านให้หลักประกันอะไรอีก ว่า การต่ออายุ ดุลพินิจของนายทะเบียนนั้น จะเป็นอย่างไร ถ้าเกิด ใช้ดุลพินิจ อ้างความไม่เหมาะสมในการครอบครองขึ้นมา และขอยึดคืน ผลที่ตามมาคืออะไร "ทุจริต เรียกรับผลประโยชน์ จากอำนาจตามกฎหมาย" หรือไม่????? 

การต่อใบอนุญาตทุกๆ 5-10 ปี ก็สร้างภาระให้ประชาชน ปืนที่มีการออกใบอนุญาตและเก็บข้อมูลทะเบียนตามยุคสมัยใหม่ น่าจะมีข้อมูลทะเบียนย้อนหลังได้ อย่างน้อยก็ตั้งแต่ มหาดไทย มีคอมพิวเตอร์ใช้แล้ว ซึ่งน่าจะมีมามากกว่า 30-40 ปี ที่สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด จะให้เอามาแสดงทำไม  เวลาเปลี่ยนมือ โอนมรดก ก็ต้องมาออกใบใหม่ ปืนในอดีต ก็ถูกอัพเดทข้อมูลไปแล้ว 

ถ้าบอกว่าอยากให้เจ้าของมาแสดงตน ตรวจสอบ ดูสภาพจิต ก็ย้อนกลับไปข้อ 1 (ส่วนที่ 2)

ท่านมีอำนาจตามกฎหมาย แต่ ควรคำนึงถึงผลกระทบที่ตามมาด้วย ว่าท่านได้สร้างภาระให้ประชาชนผู้สุจริต อีกแล้ว โดยแค่สั่งๆ ตามอำนาจทางกฎหมาย ซื้อพวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุอะไรเลย

คนก่อเหตุส่วนใหญ่ก็มักจะจับได้ และ สถิติย้อนหลัง เป็น 10 ปี ก็บ่งชี้ชัดเจนอยู่แล้ว เกี่ยวกับ สัดส่วนการก่อเหตุโดยปืนผิดกฏหมายนั้นมากกว่าปืนถูกกฎหมายกว่า 5 เท่า  

นอกจากนี้รบกวนท่านช่วยบอกด้วย ว่าเป็นปืนถูกกฎหมายที่ใช้ก่อเหตุนั้น มีที่มาจากการครอบครองของบุคคลประเภทใด ประชาชนคนธรรมดาหรือ?? ถ้าไม่อยากบอก ก็ไม่ควรเหมารวม

------------------------------------

จาก ประชาชน คนธรรมดา ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญใดๆ อยากสื่อสารหาท่านผู้มีอำนาจ

อยากให้ท่านซึ่งดูเหมือนพึ่งเข้ามารู้จักงานควบคุมอาวุธปืน อย่าหลงตามกระแสสังคมมากเกินไป ไม่ใช่ มีข่าวที ก็วนเวียนพูดซ้ำไปมา ให้สัมภาษณ์เอาอกเอาใจนักขยี้ข่าว ที่ทำข่าวตามกระแส โดยเฉพาะมาตรการระยะยาวหลายข้อ สะท้อนทัศนคติที่ไม่เข้าใจและดูขาดความรอบครอบของผู้เสนอเป็นอย่างมาก ไม่คำนึงถึงทางปฏิบัติและผลที่ตามมา 

รวมถึงพวกไม่รู้ไม่ศึกษาอะไร ไม่เคยต้องรับผิดชอบอะไร เพียงแค่มีปากก็พูดไปมีนิ้วก็พิมพ์ไปเรื่อย มีมากในสังคมนี้ 

ขอให้ จนท. รัฐ และ กระทรวง หนักแน่น อย่าหวั่นไหว ปฏิบัติไปตามปกติตามหน้าที่

กฎหมายมีหลักปฏิบัติที่เป็นธรรม เหมาะสมกับเหตุผลพอสมควรอยู่แล้ว แม้อาจไม่ทันสมัยในบางอย่างแต่ไม่ได้แย่ 

การออกคำสั่งใดๆ ต้องคำนึงถึงผลกระทบ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่