คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
จบสายศิลป์เยอะกว่า เท่าที่เห็นไปเรียนต่างประเทศด้วยกันเป็นสายศิลป์เยอะ มีวิศวะ เศรษฐศาสตร์อยู่ประมาณร้อยละ 20
สาเหตุคือ พอจบสายวิทย์ เนี่ยเขาก็ไปต่อวิศวะ วิทยาศาสตร์ แพทย์หรือเศรษฐศาสตร์ แต่พวกสายศิลป์เนี่ยส่วนใหญ่ไปเรียนต่อปริญญาตรีบริหารธุรกิจ BBA ภาษาต่างประเทศ และนิเทศ พอตอนปริญญาโท พวกที่จบวิศวะหรือเศรษฐศาสตร์ ทำงานไปสักระยะก็จะเริ่มอยาก
เป็นผู้บริหาร ผู้จัดการหรือไม่อยากจะทำงานเดิมเพราะเหนื่อย พวกวิศวะไฟฟ้ากับอุตสาหการ ชอบมาเรียนการจัดการกับการเงิน
MBA (Finance, Management) เคยคุยกับเขา ทำไมไม่เรียนวิศวะต่อ เขาบอกเงินเยอะแต่เหนื่อย ไปเรียน MBA Finance ดีกว่า แล้ว
ไปทำพวกลงทุน พวกนี้พื้นฐานเลขดี แล้วเวลาเรียนจะมีเศรษฐศาสตร์ด้วย พวกนี้ก็ไปต่อได้ ส่วนพวกสายศิลป์จริง ๆ เขาจะไปเรียนการตลาด
การจัดการ อาจจะมีการเงินหรือเศรษฐศาสตร์บ้าง พวกสายศิลป์บางคนเขาก็เรียนบัญชี Master of Professional Accounting เพื่อเอาสัญชาติ
ถ้าไม่ได้เรียน ม.ยาก พวกสายศิลป์ก็เรียนบัญชีได้ มีสายศิลป์บางคนเรียนการเงินและเศรษฐศาสตร์บ้าง แต่ไม่เยอะ เพราะมันใช้เลขยาก
หลัง ๆ พวกวิศวะชอบมาเรียนการเงินกับเศรษฐศาสตร์ และผลการเรียนก็ดีกว่าสายศิลป์เยอะด้วย เพราะวิเคราะห์ดี แต่เอาจริง ๆ นะ ถ้าจะทำ
บริหารธุรกิจเก่ง ส่วนใหญ่เมืองไทยมันใช้ ความสัมพันธ์กับการตลาด ไม่ใช่แค่เรียนอย่างเดียว เราก็เลยเห็นพวกสายศิลป์ แม้แต่อักษรศาสตร์
ไปทำธุรกิจกันรวยมากมาย โดยเฉพาะธุรกิจอาหารและบริการ (คงไม่ทำธุรกิจพวกโลหะอุตสาหกรรมยานยนตร์หรือการแพทย์หรอก เพราะต้องใช้
ความรู้วิทยาศาสตร์วิศวกรรมเยอะ) ให้ผมเลือกเรียนอีกทีก็เรียนสายศิลป์ เน้นทางบริหารธุรกิจกับภาษาต่างประเทศ จีน-ญี่ปุ่น นี่แหล่ะ
มีความสุขดี สายวิทย์มันเรียนเยอะไป บางอย่างเราไม่ได้ใช้ สายศิลป์โดยเฉพาะบริหารธุรกิจกับภาษา มีประโยชน์มาก ๆ ใช้ได้ทุกวิชา ไม่เหนื่อยฟรี
สาเหตุคือ พอจบสายวิทย์ เนี่ยเขาก็ไปต่อวิศวะ วิทยาศาสตร์ แพทย์หรือเศรษฐศาสตร์ แต่พวกสายศิลป์เนี่ยส่วนใหญ่ไปเรียนต่อปริญญาตรีบริหารธุรกิจ BBA ภาษาต่างประเทศ และนิเทศ พอตอนปริญญาโท พวกที่จบวิศวะหรือเศรษฐศาสตร์ ทำงานไปสักระยะก็จะเริ่มอยาก
เป็นผู้บริหาร ผู้จัดการหรือไม่อยากจะทำงานเดิมเพราะเหนื่อย พวกวิศวะไฟฟ้ากับอุตสาหการ ชอบมาเรียนการจัดการกับการเงิน
MBA (Finance, Management) เคยคุยกับเขา ทำไมไม่เรียนวิศวะต่อ เขาบอกเงินเยอะแต่เหนื่อย ไปเรียน MBA Finance ดีกว่า แล้ว
ไปทำพวกลงทุน พวกนี้พื้นฐานเลขดี แล้วเวลาเรียนจะมีเศรษฐศาสตร์ด้วย พวกนี้ก็ไปต่อได้ ส่วนพวกสายศิลป์จริง ๆ เขาจะไปเรียนการตลาด
การจัดการ อาจจะมีการเงินหรือเศรษฐศาสตร์บ้าง พวกสายศิลป์บางคนเขาก็เรียนบัญชี Master of Professional Accounting เพื่อเอาสัญชาติ
ถ้าไม่ได้เรียน ม.ยาก พวกสายศิลป์ก็เรียนบัญชีได้ มีสายศิลป์บางคนเรียนการเงินและเศรษฐศาสตร์บ้าง แต่ไม่เยอะ เพราะมันใช้เลขยาก
หลัง ๆ พวกวิศวะชอบมาเรียนการเงินกับเศรษฐศาสตร์ และผลการเรียนก็ดีกว่าสายศิลป์เยอะด้วย เพราะวิเคราะห์ดี แต่เอาจริง ๆ นะ ถ้าจะทำ
บริหารธุรกิจเก่ง ส่วนใหญ่เมืองไทยมันใช้ ความสัมพันธ์กับการตลาด ไม่ใช่แค่เรียนอย่างเดียว เราก็เลยเห็นพวกสายศิลป์ แม้แต่อักษรศาสตร์
ไปทำธุรกิจกันรวยมากมาย โดยเฉพาะธุรกิจอาหารและบริการ (คงไม่ทำธุรกิจพวกโลหะอุตสาหกรรมยานยนตร์หรือการแพทย์หรอก เพราะต้องใช้
ความรู้วิทยาศาสตร์วิศวกรรมเยอะ) ให้ผมเลือกเรียนอีกทีก็เรียนสายศิลป์ เน้นทางบริหารธุรกิจกับภาษาต่างประเทศ จีน-ญี่ปุ่น นี่แหล่ะ
มีความสุขดี สายวิทย์มันเรียนเยอะไป บางอย่างเราไม่ได้ใช้ สายศิลป์โดยเฉพาะบริหารธุรกิจกับภาษา มีประโยชน์มาก ๆ ใช้ได้ทุกวิชา ไม่เหนื่อยฟรี
แสดงความคิดเห็น
เด็กบริหารส่วนใหญ่มาจากสายวิทย์หรือสายศิลป์ครับ?
ผมเคยอ่าน เขาบอกว่า นักวิเคราะห์หุ้นส่วนใหญ๋จบวิศวะ และทางด้านบริหารต้องใช้ตัวเลขเยอะครับ โดยเฉพาะเศรษฐศาสตร์ การเงิน และบัญชี
สรุปเด็นบริหารส่วนใหญ่สายไหนครับ?