รีวิว การผ่าฟันคุด ที่ชีวิตไม่ถึงกับคุด แต่ก็อาจจบไม่สุข ถ้าคุณมาทำช้าเหมือนเรา !! แต่ถ้าคุณเลือกตอนจบ HAPPY ในแบบคุณได้นะคะ
ก่อนอื่นอันนี้เป็นประสบการณ์ตรงแบบตรงๆ จริงๆ เสียเงินเอง เลือกหมอเอง ไม่มีค่านายหน้าหรืออะไร แต่อยากเอามาแชร์เป็นประโยชน์ถึงคนที่เครียดและไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงกับการผ่าฟันคุด และตัวเราคิดไว้ว่าถ้าทำเสร็จจะมารีวิวให้คุณหมอและโรงพยาบาลเพื่อเป็นการขอบคุณ และใช่กระทู้นี้จะยาวโคตรๆ ไม่รู้ใครจะเข้ามาอ่านจนจบไหม
แต่ก่อนอื่น เราขอขอบคุณกระทู้คุณ
https://ppantip.com/topic/41893225 ที่ทำให้เราเจอคุณอาจารย์หมอท่านนี้
ใช่ค่ะเราผ่าอาจารย์หมอคเดียวกันก็คือ ศ.เกียรติคุณ ทพ.ณัฐเมศร์ วงศ์สิริฉัตร [
https://dt.mahidol.ac.th/menu-personnel/natthamet-vongsirichat/]
ในเบื้องต้นทางเราได้มีการแจ้งคุณหมอแล้วว่าจะมีการขอมาเขียนรีวิวในพท.และจะโพสชื่อคุณรหมอเพื่อเป็นการขอบคุณคุณหมอและทีมพยาบาลของคุณหมอ โรงพยาบาลทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
เคสของเราต้องท้าวความก่อนเลยของเราจริงๆ เรารู้ว่าเรามีฟันคุดนอนตั้งแต่ 4 ปีก่อนแล้วก็เอื่อยเฉือยๆ +กลัว และก็คิดว่าเออๆ ปล่อยไว้เหอะมันก็ไม่เจ็บไม่อะไรนี่หว่า ?? ตอนนั้นหมอที่คลีนิคบอกเลยว่าเคสเรายากมากแบบยากมากเขาไม่สามารถผ่าให้เราได้ต้องเชิญอาจารย์หมอของเขา แต่นั่นแหละเราก็เฉยชาช่างมันปล่อยมัน
จนปีนี้ครบรอบประกันสังคมตอนแรกจะไปแค่อุด…แต่หมอที่คลีนิคบอกคุณค่ะ ข้างซ้ายคุณต้องรีบผ่าฟันคุดแล้วนะน้องเอียงมากเลยค่ะ ถ้าปล่อยไว้คุณอาจจะต้องเสียฟันทั้ง 2 ซี่เอาล่ะแค่ฟังก็ใจไม่ดีแล้ว แล้วก็คิดว่าเอาไงนะ และเรื่องเมื่อ 4 ปีก่อนก็แว่บเข้ามาในหัวจ้า TToTT ตอนแรกหมอที่คลีนิคจะให้นัดหมอผ่า เราก็นัดเลยวีคหนึ่งแล้วหลังจากคิดไปคิดมา นั่งหาข้อมูลจนไปเจอกระทู้ของคุณ 1376852 แล้วก็เอาฟ่ะ ถ้าจะผ่าก็ต้องผ่ากับอาจารย์หมอนี่ล่ะ
ก็คือจะเป็น
ใครอยากรู้ขั้นตอนตั้งแต่วิธีการไป /เรื่องการทำประวัติ / การนัดคุณหมอ อ่านพาร์ทนี้ แต่ถ้าไม่อยากอ่านก็ข้ามไปย่อน้าถัดไปข้างล่างรูปครับ
สุดท้ายก็ไปทำประวัติจ้า ตึกทันตกรรม มหิดลชั้น 3 โดยเดินทางจาก BTS อนุเสาวรีย์ ทางออก 1 เราเดินเอาอ่ะแต่ถ้าใครขี้เกียจก็ต่อมอไซต์ หรือถ้าใครมาจากแอร์ลิ้งพญาไทก็สามารถนั่ง MuvMi ได้ค่ะ แต่ว่ารอนานหน่อยนะ แต่ก็คุ้มสุดค่ะถ้าถามเราเพราะไม่ต้องต่อ BTS แถมนั่งชิลล์ๆ ใครยังไม่เคยมีประวัติยังไงก็ต้องไปทำประวัติก่อนนะคะ ไปทำกรอกฟอร์มชั้น 1 แล้วเขาจะค่อยให้ขึ้น ชั้น 3 พอขึ้นไปชั้น 3 ถ้าอยากทำกับอาจารย์หมอเดียวกับเราขั้นต่ำต้องรออย่างน้อง 3-4 สัปดาห์ คุณหมอปัจจุบันจะเข้าเฉพาะ เย็นวันจันทร์ และ เย็นวันศุกร์ 2 วันเท่านั้นจ้า ก็จะรอนานหน่อย เราก็รอเกือบเดือน สำหรับใครที่ไม่เคยหาโรงพยาบาลรัฐเลยเหมือนเราเลยเพราะทำฟันแต่คลีนิคอย่างเดียวก็คือไม่ต้องช็อคเหมือนเรานะ ของเราสมมตินัด 11 สิงหาคมก็คือ…ใช่ค่ะคุณหมอจะให้ไปเอ็กซเรย์วันนั้นเลยและใช่ค่ะผ่าเลยไม่ต้องรีรอใดใด คือไม่มีการนัดมาดูฟิล์มก่อนนะคะ ถ่ายปุ๊บผ่าปั๊บจ้า !!!
ข้ามมาอ่านรีวิววันผ่า 1st Date
พอถึงวันผ่าเราก็ไปตามนัดโดยนัดครั้งแรกควรไปก่อนเวลาสัก 45 นาทีนะคะ พอไปถึงชั้น 3 ต้องกรอกข้อมูลเรื่องประวัติว่าเราเสี่ยงโควิดไหมก่อนด้านหน้าเลย พอกรอกเสร็จก็ค่อยเอาใบนี้และใบนัดไปยื่นให้เคาเตอร์พวกพี่ๆ เขาก็จะแจ้งว่าให้มาอีกทีกี่โมง วันแรกเราตื่นเต้นมากแบบมากๆ พอใกล้ๆ เวลานัดสำหรับคนที่มาครั้งแรกเลยเขาจะให้เราถ่ายฟิล์มเอซเรย์นะคะ อันนี้ไม่แน่ใจว่าถ้ามีฟิล์มมาเองคุณหมอจะให้ถ่ายใหม่รึเปล่า แต่เราไม่มีฟิล์มมาก็เลยต้องถ่ายค่าฟิล์มประมาณ 500 บาทค่ะ คือถ่ายแบบกล้องหมุนรอบๆ เราเหมมือนอยู่ในหนัง พอถ่ายเสร็จก็กลับไปรอคุณหมอ พอถึงคิวเราพี่สาวเราเข้าไปด้วย คือพาญาติเข้าไปด้วยได้นะคะแต่ไม่ควรเยอะสักคนพอค่ะ
และเมื่อคุณหมออ่านฟิล์ม TT_____TT คุณหมอก็หันมาคุยกับเราแบบซีเรียสเลยว่าของเราผ่ายากนะ และใช่เขาพูดเหมือนหมอคลีนิคที่ 4 ปีก่อน ข้างปัญหาของเราเลยคือข้างล่างด้านขวา (ถ้ามองจากฟิล์มมันจะคือด้านซ้ายนนะคะ ด้านที่น้องเอียงจนจะชนเพื่ออนอ่ะคะ) ที่น้องนอนแบบนอนเขาบอกมันใกล้เส้นประสาทมากๆ แบบเสี่ยงมากๆ ส่วนด้านซ้ายก็ยากพอกัน ด้านบนขวาเราก็ใกล้เส้นไซนัสใช่ค่ะ ผลมันแย่กว่า 4 ปีก่อนมากๆ ตอนนั้นคุณหมอเป็นห่วงแค่ซี่ขวาล่าง แต่ตอนนี้งานยากถึง 3 ซี่ คุณหมอถามเราเลยว่าใครแนะนำคุณมาผมเหรอ คลีนิคไม่รับทำรึเปล่า ? เราก็บอกไม่ใช่ค่ะ คือเราอ่านรีวิวมาจาก Pantip แล้วเขาบอกคุณหมอเก่งเราเลยตัดใจอยากผ่ากับคุณหมอ
คุณหมอบอกเราว่าผมกล้าการันตีว่าไม่มีหมอคลีนิคเกิน 10% ทั่วประเทศไทยกล้าผ่าให้คุณนะ เรากับพี่สาวคือช็อคไปแล้วค่ะช็อคแบบช็อค เราเลยถามไปเสียงสั่นๆ เลยว่าของเรายากประมาณไหนคะ คุณหมอบอกว่าถ้าความยากเต็ม 10 คุณเอาไป 11 เลยนะ พี่สาวเราเลยถามต่อว่างั้นไม่ผ่าได้ไหมคะ หมอบอกว่าอย่าเก็บไว้เลยอันตรายคุณมาหาตอนยังไม่เจ็บไม่ปวดและทำตอนนี้ดีกว่านะ เราก็คิดตามว่าเออแล้วถ้าวันหนึ่งมันเกิดผุล่ะแล้วเราต้องผ่าแล้วต้องผ่ากับหมอคนไหนไม่รู้ขนาดอาจารย์หมอยังบอกว่ายากแล้วใครจะกล้าผ่าให้เรา ตอนนั้นหน้าเราคงเสียมากๆๆ หมอเลยบอกผมไม่ได้บังคับนะ คุณกลับไปคิดก่อนก็ได้เพราะของคุณอันตรายมาก คุณอาจเกิดอาการชาหลังผ่าตัดบางคนเป็น 7 วัน บางคนเป็น 1 เดือน บางคนเป็นปี บางคนเป็นตลอดไปมันเสี่ยงและผมก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นหรือไม่เป็น
แต่วินาทีนั้นเราคิดว่ามันจะต้องจบเลยบอกไม่ค่ะหนูจะผ่า หมอถามเลยว่าจะผ่าด้านไหนก่อน ซ้ายหรือขวาหมอบอกมันยากพอกันนะ ให้คุณเลือกเองเราเลยเลือกผ่าขวาเพราะเรารู้สึกว่ามันน่าจะยากกว่า พอตกลงปลงใจ…ขึ้นเตียงสิ่งอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นไม่ถึง 10 นาทีหมอเย็บแผลซี่แรกเราแบบห่ะเสร็จแล้ว ?? แต่พอมาซี่ล่างที่เป็นปัญหารู้เลยว่าหมอทำนานขึ้นและขณะที่ทำหมอก็บอกเลยว่ายาก ยากมากๆ แต่หลังจากนั้น 20 นาทีก็เสร็จสรุป 2 ซี่เราผ่าไป 30 นาทีค่ะ ก็กลับมาบ้านทำตามใบที่เขาแจ้งและที่สำคัญต้องทานยาให้ครบ และเขาจะให้เรากัดผ้าก๊อซค่ะ ประมาณ 2 ชั่วโมงและโรงพยาบาลจะให้แผ่นน้ำแข็งประคบเย็นมาด้วยค่ะ ซึ่งพอถึงบ้านเราก็เอาผ้าก๊อซออกค่ะ โอ้โห้เลือดหยุดไหลแล้วค่ะ คุณหมอมืออาชีพจริงๆและใช่ค่ะพยาบาลบอกเราว่ายาชาจะหมดภายใน 6 ชั่วโมงนะคะ
ในคืนนั้นเราตื่นมาตอนตี 2 เพราะปวดแผลแต่อาการชาหนักมากๆ สรุปให้เลยว่าเรามีอาการชาหลังผ่าตัดค่ะ จนวันนี้ข้างขวาก็ยังมีอาการชาอยู่ ผ่ามาเกือบ 2 เดือนแล้วก็ยังชาค่ะแต่มันก็เป็นน้อยลงนะคะ แต่ช่วงหลังก็ทรงๆ ค่ะ
เคสเรายากคุณหมอจะใช้เป็นไหมไม่ละลายนะคะ คุณหมอก็จะนัดมาหนึ่งสัปดาห์ให้มาตัดไหมจ้าก็ทำ
หลังวันผ่าตัดย้ำเลยนะคะ ถ้าใครผ่าแบบเคสยากเหมือนเราหมอจะห้ามให้คุณใช้หลอดคุณต้องดื่มน้ำจากแก้วเท่านั้นเลยค่ะ และต้องคอยบ้วนปากดูแลสุขภาพปากอย่างดีเลยนะคะ หาอะไรกินอ่อนๆ ก่อน เคสเราจริงๆ กว่าจะกลับมากินปกติไม่ต่ำว่า 3-4 วีคค่ะมันมีความกลัวในการจะเคี้ยวด้วยและเกิดอาการอ้าปากกว้างไม่ได้เท่าเดิมก็คือยากนิดหนึ่งงงง
พาร์ทอาการชา และอยากให้กำลังใจคนที่เป็นเหมือนเรา (อ่านข้ามได้)
ตอนที่เราตื่นมาในอีกวันรุ่งขึ้นเราก็รู้แล้วค่ะว่าเราชาเพราะมันชาหนักมากพยายามปลอบตัวเองว่าเออเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นแกต้องผ่านไปได้ ตอนนั้นเหมือนเข้มแข็งนะคะ แต่จริงๆ ใจเราไม่ได้เข้มแข็งแบบนั้นหรอกค่ะ คนที่เมื่อก่อนเป็นปกติแล้วมามีอาการชามันจะเหมือนเดิมยังไง เราพยายามไม่เศร้าพยายามร่าเริงแต่เวลามันชาหนักโดยเฉพาะวีคแรกมันแบบเศร้านะคะ แต่พอผ่านไปวีคหนึ่งและหันกลับมาดูคนรอบตัวเราก็จะพบว่า มันก็แค่ชาล่ะว่ะ ดีกว่าคนอื่นที่เป็นมะเร็ง ดีกว่าคนอื่นที่เขาต้องเจอเรื่องแย่กว่าเรา ถามว่าอาการชามันก่อให้เกิผลเสียยังไงมันทำให้รำคาญมากกว่าเพราะคุณจะรู้สึกว่ามันหนักๆ อยากบอกว่าถ้าคุณกำลังเพิ่งเป็นหรือว่ากำลังคิดว่าจะกลัวว่าเป็นแบบเราก็คืออยากบอกว่าเรากอดนะคะ อาการชาอย่างน้อยที่สุดก็แค่ทำให้เรารำคาญกับทำให้เราไม่รู้สึกว่ากินแล้วมีอะไรเลอะที่ปาก พี่สาวเราก็ต้องคอยบอกเรื่อยๆ ช่วงหลังมานี้เลยติดนิสัยชอบเช็ดปากไปเลย อยากบอกว่าตัวเราก็ยังเชื่อมั่นว่าวันหนึ่งเราจะกลับมาเนบบเดิม ที่เราเล่าพาร์ทนี้ไม่ได้เล่าเพราะอยากให้กลัวหรืออะไรนะคะ แต่อยากให้ทุกคนรู้ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเช่นกัน และขอส่งใจให้ทุกคนค่ะเราวันนี้ HAPPY และไม่นอยส์แล้ว เราผ่านจุดที่เราคิดว่ายากมาได้แล้วค่ะ >,,< เราผ่านมาได้คุณก็ต้องผ่านได้เช่นกันนะคะ ของเรายากระดับ 11 เลยนะจาก 10 ถ้าคุณไม่ยากเท่าเราอาการชาไม่น่ามีค่ะ
(ต่อคอมเม้นด้านล่างนะคะ ตัวอักษรไม่พอ)
[รีวิวแบบจัดเต็มครบยันเรื่องมู] ผ่าฟันคุดที่ โรงพยาบาลทันตกรรมของมหาวิทยาลัยมหิดล
ก่อนอื่นอันนี้เป็นประสบการณ์ตรงแบบตรงๆ จริงๆ เสียเงินเอง เลือกหมอเอง ไม่มีค่านายหน้าหรืออะไร แต่อยากเอามาแชร์เป็นประโยชน์ถึงคนที่เครียดและไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงกับการผ่าฟันคุด และตัวเราคิดไว้ว่าถ้าทำเสร็จจะมารีวิวให้คุณหมอและโรงพยาบาลเพื่อเป็นการขอบคุณ และใช่กระทู้นี้จะยาวโคตรๆ ไม่รู้ใครจะเข้ามาอ่านจนจบไหม
แต่ก่อนอื่น เราขอขอบคุณกระทู้คุณ https://ppantip.com/topic/41893225 ที่ทำให้เราเจอคุณอาจารย์หมอท่านนี้
ใช่ค่ะเราผ่าอาจารย์หมอคเดียวกันก็คือ ศ.เกียรติคุณ ทพ.ณัฐเมศร์ วงศ์สิริฉัตร [https://dt.mahidol.ac.th/menu-personnel/natthamet-vongsirichat/]
ในเบื้องต้นทางเราได้มีการแจ้งคุณหมอแล้วว่าจะมีการขอมาเขียนรีวิวในพท.และจะโพสชื่อคุณรหมอเพื่อเป็นการขอบคุณคุณหมอและทีมพยาบาลของคุณหมอ โรงพยาบาลทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
เคสของเราต้องท้าวความก่อนเลยของเราจริงๆ เรารู้ว่าเรามีฟันคุดนอนตั้งแต่ 4 ปีก่อนแล้วก็เอื่อยเฉือยๆ +กลัว และก็คิดว่าเออๆ ปล่อยไว้เหอะมันก็ไม่เจ็บไม่อะไรนี่หว่า ?? ตอนนั้นหมอที่คลีนิคบอกเลยว่าเคสเรายากมากแบบยากมากเขาไม่สามารถผ่าให้เราได้ต้องเชิญอาจารย์หมอของเขา แต่นั่นแหละเราก็เฉยชาช่างมันปล่อยมัน
จนปีนี้ครบรอบประกันสังคมตอนแรกจะไปแค่อุด…แต่หมอที่คลีนิคบอกคุณค่ะ ข้างซ้ายคุณต้องรีบผ่าฟันคุดแล้วนะน้องเอียงมากเลยค่ะ ถ้าปล่อยไว้คุณอาจจะต้องเสียฟันทั้ง 2 ซี่เอาล่ะแค่ฟังก็ใจไม่ดีแล้ว แล้วก็คิดว่าเอาไงนะ และเรื่องเมื่อ 4 ปีก่อนก็แว่บเข้ามาในหัวจ้า TToTT ตอนแรกหมอที่คลีนิคจะให้นัดหมอผ่า เราก็นัดเลยวีคหนึ่งแล้วหลังจากคิดไปคิดมา นั่งหาข้อมูลจนไปเจอกระทู้ของคุณ 1376852 แล้วก็เอาฟ่ะ ถ้าจะผ่าก็ต้องผ่ากับอาจารย์หมอนี่ล่ะ
ก็คือจะเป็น
สุดท้ายก็ไปทำประวัติจ้า ตึกทันตกรรม มหิดลชั้น 3 โดยเดินทางจาก BTS อนุเสาวรีย์ ทางออก 1 เราเดินเอาอ่ะแต่ถ้าใครขี้เกียจก็ต่อมอไซต์ หรือถ้าใครมาจากแอร์ลิ้งพญาไทก็สามารถนั่ง MuvMi ได้ค่ะ แต่ว่ารอนานหน่อยนะ แต่ก็คุ้มสุดค่ะถ้าถามเราเพราะไม่ต้องต่อ BTS แถมนั่งชิลล์ๆ ใครยังไม่เคยมีประวัติยังไงก็ต้องไปทำประวัติก่อนนะคะ ไปทำกรอกฟอร์มชั้น 1 แล้วเขาจะค่อยให้ขึ้น ชั้น 3 พอขึ้นไปชั้น 3 ถ้าอยากทำกับอาจารย์หมอเดียวกับเราขั้นต่ำต้องรออย่างน้อง 3-4 สัปดาห์ คุณหมอปัจจุบันจะเข้าเฉพาะ เย็นวันจันทร์ และ เย็นวันศุกร์ 2 วันเท่านั้นจ้า ก็จะรอนานหน่อย เราก็รอเกือบเดือน สำหรับใครที่ไม่เคยหาโรงพยาบาลรัฐเลยเหมือนเราเลยเพราะทำฟันแต่คลีนิคอย่างเดียวก็คือไม่ต้องช็อคเหมือนเรานะ ของเราสมมตินัด 11 สิงหาคมก็คือ…ใช่ค่ะคุณหมอจะให้ไปเอ็กซเรย์วันนั้นเลยและใช่ค่ะผ่าเลยไม่ต้องรีรอใดใด คือไม่มีการนัดมาดูฟิล์มก่อนนะคะ ถ่ายปุ๊บผ่าปั๊บจ้า !!!
พอถึงวันผ่าเราก็ไปตามนัดโดยนัดครั้งแรกควรไปก่อนเวลาสัก 45 นาทีนะคะ พอไปถึงชั้น 3 ต้องกรอกข้อมูลเรื่องประวัติว่าเราเสี่ยงโควิดไหมก่อนด้านหน้าเลย พอกรอกเสร็จก็ค่อยเอาใบนี้และใบนัดไปยื่นให้เคาเตอร์พวกพี่ๆ เขาก็จะแจ้งว่าให้มาอีกทีกี่โมง วันแรกเราตื่นเต้นมากแบบมากๆ พอใกล้ๆ เวลานัดสำหรับคนที่มาครั้งแรกเลยเขาจะให้เราถ่ายฟิล์มเอซเรย์นะคะ อันนี้ไม่แน่ใจว่าถ้ามีฟิล์มมาเองคุณหมอจะให้ถ่ายใหม่รึเปล่า แต่เราไม่มีฟิล์มมาก็เลยต้องถ่ายค่าฟิล์มประมาณ 500 บาทค่ะ คือถ่ายแบบกล้องหมุนรอบๆ เราเหมมือนอยู่ในหนัง พอถ่ายเสร็จก็กลับไปรอคุณหมอ พอถึงคิวเราพี่สาวเราเข้าไปด้วย คือพาญาติเข้าไปด้วยได้นะคะแต่ไม่ควรเยอะสักคนพอค่ะ
และเมื่อคุณหมออ่านฟิล์ม TT_____TT คุณหมอก็หันมาคุยกับเราแบบซีเรียสเลยว่าของเราผ่ายากนะ และใช่เขาพูดเหมือนหมอคลีนิคที่ 4 ปีก่อน ข้างปัญหาของเราเลยคือข้างล่างด้านขวา (ถ้ามองจากฟิล์มมันจะคือด้านซ้ายนนะคะ ด้านที่น้องเอียงจนจะชนเพื่ออนอ่ะคะ) ที่น้องนอนแบบนอนเขาบอกมันใกล้เส้นประสาทมากๆ แบบเสี่ยงมากๆ ส่วนด้านซ้ายก็ยากพอกัน ด้านบนขวาเราก็ใกล้เส้นไซนัสใช่ค่ะ ผลมันแย่กว่า 4 ปีก่อนมากๆ ตอนนั้นคุณหมอเป็นห่วงแค่ซี่ขวาล่าง แต่ตอนนี้งานยากถึง 3 ซี่ คุณหมอถามเราเลยว่าใครแนะนำคุณมาผมเหรอ คลีนิคไม่รับทำรึเปล่า ? เราก็บอกไม่ใช่ค่ะ คือเราอ่านรีวิวมาจาก Pantip แล้วเขาบอกคุณหมอเก่งเราเลยตัดใจอยากผ่ากับคุณหมอ
คุณหมอบอกเราว่าผมกล้าการันตีว่าไม่มีหมอคลีนิคเกิน 10% ทั่วประเทศไทยกล้าผ่าให้คุณนะ เรากับพี่สาวคือช็อคไปแล้วค่ะช็อคแบบช็อค เราเลยถามไปเสียงสั่นๆ เลยว่าของเรายากประมาณไหนคะ คุณหมอบอกว่าถ้าความยากเต็ม 10 คุณเอาไป 11 เลยนะ พี่สาวเราเลยถามต่อว่างั้นไม่ผ่าได้ไหมคะ หมอบอกว่าอย่าเก็บไว้เลยอันตรายคุณมาหาตอนยังไม่เจ็บไม่ปวดและทำตอนนี้ดีกว่านะ เราก็คิดตามว่าเออแล้วถ้าวันหนึ่งมันเกิดผุล่ะแล้วเราต้องผ่าแล้วต้องผ่ากับหมอคนไหนไม่รู้ขนาดอาจารย์หมอยังบอกว่ายากแล้วใครจะกล้าผ่าให้เรา ตอนนั้นหน้าเราคงเสียมากๆๆ หมอเลยบอกผมไม่ได้บังคับนะ คุณกลับไปคิดก่อนก็ได้เพราะของคุณอันตรายมาก คุณอาจเกิดอาการชาหลังผ่าตัดบางคนเป็น 7 วัน บางคนเป็น 1 เดือน บางคนเป็นปี บางคนเป็นตลอดไปมันเสี่ยงและผมก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นหรือไม่เป็น
แต่วินาทีนั้นเราคิดว่ามันจะต้องจบเลยบอกไม่ค่ะหนูจะผ่า หมอถามเลยว่าจะผ่าด้านไหนก่อน ซ้ายหรือขวาหมอบอกมันยากพอกันนะ ให้คุณเลือกเองเราเลยเลือกผ่าขวาเพราะเรารู้สึกว่ามันน่าจะยากกว่า พอตกลงปลงใจ…ขึ้นเตียงสิ่งอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นไม่ถึง 10 นาทีหมอเย็บแผลซี่แรกเราแบบห่ะเสร็จแล้ว ?? แต่พอมาซี่ล่างที่เป็นปัญหารู้เลยว่าหมอทำนานขึ้นและขณะที่ทำหมอก็บอกเลยว่ายาก ยากมากๆ แต่หลังจากนั้น 20 นาทีก็เสร็จสรุป 2 ซี่เราผ่าไป 30 นาทีค่ะ ก็กลับมาบ้านทำตามใบที่เขาแจ้งและที่สำคัญต้องทานยาให้ครบ และเขาจะให้เรากัดผ้าก๊อซค่ะ ประมาณ 2 ชั่วโมงและโรงพยาบาลจะให้แผ่นน้ำแข็งประคบเย็นมาด้วยค่ะ ซึ่งพอถึงบ้านเราก็เอาผ้าก๊อซออกค่ะ โอ้โห้เลือดหยุดไหลแล้วค่ะ คุณหมอมืออาชีพจริงๆและใช่ค่ะพยาบาลบอกเราว่ายาชาจะหมดภายใน 6 ชั่วโมงนะคะ
ในคืนนั้นเราตื่นมาตอนตี 2 เพราะปวดแผลแต่อาการชาหนักมากๆ สรุปให้เลยว่าเรามีอาการชาหลังผ่าตัดค่ะ จนวันนี้ข้างขวาก็ยังมีอาการชาอยู่ ผ่ามาเกือบ 2 เดือนแล้วก็ยังชาค่ะแต่มันก็เป็นน้อยลงนะคะ แต่ช่วงหลังก็ทรงๆ ค่ะ
เคสเรายากคุณหมอจะใช้เป็นไหมไม่ละลายนะคะ คุณหมอก็จะนัดมาหนึ่งสัปดาห์ให้มาตัดไหมจ้าก็ทำ
หลังวันผ่าตัดย้ำเลยนะคะ ถ้าใครผ่าแบบเคสยากเหมือนเราหมอจะห้ามให้คุณใช้หลอดคุณต้องดื่มน้ำจากแก้วเท่านั้นเลยค่ะ และต้องคอยบ้วนปากดูแลสุขภาพปากอย่างดีเลยนะคะ หาอะไรกินอ่อนๆ ก่อน เคสเราจริงๆ กว่าจะกลับมากินปกติไม่ต่ำว่า 3-4 วีคค่ะมันมีความกลัวในการจะเคี้ยวด้วยและเกิดอาการอ้าปากกว้างไม่ได้เท่าเดิมก็คือยากนิดหนึ่งงงง
พาร์ทอาการชา และอยากให้กำลังใจคนที่เป็นเหมือนเรา (อ่านข้ามได้)
ตอนที่เราตื่นมาในอีกวันรุ่งขึ้นเราก็รู้แล้วค่ะว่าเราชาเพราะมันชาหนักมากพยายามปลอบตัวเองว่าเออเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นแกต้องผ่านไปได้ ตอนนั้นเหมือนเข้มแข็งนะคะ แต่จริงๆ ใจเราไม่ได้เข้มแข็งแบบนั้นหรอกค่ะ คนที่เมื่อก่อนเป็นปกติแล้วมามีอาการชามันจะเหมือนเดิมยังไง เราพยายามไม่เศร้าพยายามร่าเริงแต่เวลามันชาหนักโดยเฉพาะวีคแรกมันแบบเศร้านะคะ แต่พอผ่านไปวีคหนึ่งและหันกลับมาดูคนรอบตัวเราก็จะพบว่า มันก็แค่ชาล่ะว่ะ ดีกว่าคนอื่นที่เป็นมะเร็ง ดีกว่าคนอื่นที่เขาต้องเจอเรื่องแย่กว่าเรา ถามว่าอาการชามันก่อให้เกิผลเสียยังไงมันทำให้รำคาญมากกว่าเพราะคุณจะรู้สึกว่ามันหนักๆ อยากบอกว่าถ้าคุณกำลังเพิ่งเป็นหรือว่ากำลังคิดว่าจะกลัวว่าเป็นแบบเราก็คืออยากบอกว่าเรากอดนะคะ อาการชาอย่างน้อยที่สุดก็แค่ทำให้เรารำคาญกับทำให้เราไม่รู้สึกว่ากินแล้วมีอะไรเลอะที่ปาก พี่สาวเราก็ต้องคอยบอกเรื่อยๆ ช่วงหลังมานี้เลยติดนิสัยชอบเช็ดปากไปเลย อยากบอกว่าตัวเราก็ยังเชื่อมั่นว่าวันหนึ่งเราจะกลับมาเนบบเดิม ที่เราเล่าพาร์ทนี้ไม่ได้เล่าเพราะอยากให้กลัวหรืออะไรนะคะ แต่อยากให้ทุกคนรู้ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเช่นกัน และขอส่งใจให้ทุกคนค่ะเราวันนี้ HAPPY และไม่นอยส์แล้ว เราผ่านจุดที่เราคิดว่ายากมาได้แล้วค่ะ >,,< เราผ่านมาได้คุณก็ต้องผ่านได้เช่นกันนะคะ ของเรายากระดับ 11 เลยนะจาก 10 ถ้าคุณไม่ยากเท่าเราอาการชาไม่น่ามีค่ะ
(ต่อคอมเม้นด้านล่างนะคะ ตัวอักษรไม่พอ)