เงินดิจิตอล 10,000 บาทคุณคิดว่ามันจะช่วยชาวบ้านได้จริงหรือเปล่า ถามว่าได้มาแล้วจะเอาไปใช้ที่ไหน บอกได้เลยว่าร้านค้าทั่วไปแทบจะไม่มีใครรับแน่นอน เพราะเงินดิจิตอลที่ได้มามันไม่สามารถแปลงเป็นเงินสดได้ ต้องออกไปใช้ซื้อของเพียงอย่างเดียวนอกจากร้านค้าที่มีระบบภาษีที่ถูกต้องถึงจะได้เงิน นโยบายที่ออกมาพูดผมฟังมาหลายครั้ง รัฐบาลจะบอกว่าให้เรานำเงินไปซื้อเช่นก๋วยเตี๋ยว พ่อแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวได้เงินก็เอาไปซื้อลูกชิ้นหรือเส้นก๋วยเตี๋ยว โรงงานเส้นก๋วยเตี๋ยวก็เอาไปซื้อแป้งประมาณนี้ เงินมันก็จะมีการหมุนวนหลายทอดภาษีก็จะได้กลับมาหลายรอบ นั่นคือรัฐบาลมองเขาอยู่สูงเกินไปไม่ได้มองในภาพความเป็นจริง
โลกแห่งความจริงร้านขายส่งแทบจะทุกที่ไม่รับสแกนรับแต่เงินสด ถามว่าถ้าผมเป็นพ่อค้ามีคนมาสแกนเงินดิจิตอลวันนี้สัก 3,000 บาท รวมกับเงินดิจิตอลที่ผมมี 10,000 บาทกลายเป็น 13,000 บาท ผมก็ต้องออกไปซื้อของมาลงทุนขายวันพรุ่งนี้ เนื่องจากผมเป็นร้านค้าขนาดเล็กทั่วๆไปเงินทุนไม่มีมากนัก พอเราไปซื้อที่ร้านขายส่งเขาไม่รับสแกนเขาต้องการเงินสดทีนี้ผมก็จะขาดสภาพคล่องทันที และเงินดิจิตอลอีก 3,000 บาทที่ผมได้มาจากการขายผมต้องเอาไปซื้อของที่ไหนแทนที่จะเอามาลงทุนเอามาค้าขายในวันต่อไปก็ไม่มี
สุดท้ายชาวบ้านได้เงินดิจิตอลชาวบ้านต้องเอาไปซื้อของในห้างหรือร้านสะดวกซื้อที่อยู่ในระบบภาษีที่ถูกต้องเขาก็จะได้เงินสดทันที ต่างจากลูกค้ารายย่อยที่เวลารับจะขาดสภาพคล่องทำให้รับไม่ได้ ไม่เหมือนโครงการคนละครึ่งที่เวลารับจะได้เงินสดในวันถัดไปทันที แม้จะใช้เวลาหน่อยแต่เงินทุนก็ยังพอหยิบยืมมาได้เพราะค้าขายมันดีขึ้น แล้วเงินคนละครึ่งห้ามใช้กับร้านที่เป็นรูปแบบนิติบุคคล ทำให้เงินไม่เข้าไปถึงนายทุนเร็วเกินไป
แต่ครั้งนี้เงินดิจิตอลเหมือนเอื้อให้นายทุนโดยเฉพาะ ระบุชัดเจนว่าเงินจะจบที่ร้านที่มีรูปแบบภาษีที่ถูกต้องนั่นก็คือนายทุนทั้งนั้น เพราะฉะนั้นครั้งนี้พอทุกคนได้เงินมาก็เอาไปซื้อของกับนายทุนได้อย่างเดียวก็เหมือนโครงการนี้เอาเงินให้ชาวบ้านเอาไปซื้อของนายทุนแต่พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
ถ้าคนจะแย้งว่าก็ทำไมพ่อค้าแม่ค้าไม่รับก็อย่างที่ผมบอกครับร้านขายส่งเขามันไม่รับสแกน ใจพ่อค้าแม่ค้าอยากรับใจจะขาด เพราะรับมาแล้วเราสามารถเอาไปซื้อร้านส่งได้เราก็เอามาขายต่อยอดได้ แต่พอร้านส่งไม่รับแล้วพ่อค้าแม่ค้าจะเอาทุนที่ไหนล่ะครับ 6 เดือนนะครับแถมไม่ใช่จะได้เงินนะครับต้องเอาเงินไปใช้ซื้อต่อ
ผมพูดในมุมมองของพ่อค้าแม่ค้านะไม่ได้อยากจะยุ่งเกี่ยวการเมืองแต่พูดในมุมนโยบายที่จะเกิดขึ้นค่อนข้างมีผลเสียมากกว่าผลดี และการค้าขายของพ่อค้าแม่ค้าก็จะลำบากมากขึ้น เช่นร้านขายเสื้อผ้าหรือรองเท้าตามตลาดนัด ถ้าคนมีเงิน 10,000 บาทเขาซื้อกับร้านพวกนี้ไม่ได้เขาก็ไปซื้อในห้างไม่ต้องใช้เงินตัวเองซื้อ พ่อค้าแม่ค้าตามตลาดก็จะค้าขายลำบากเพราะคนส่วนใหญ่ก็เอาเงินไปซื้อของในห้าง การค้าขายก็จะซบเซาลง แต่ห้างในทุนจะคึกคัก
เราอยู่ในโลกความจริงไม่ใช่นักวิชาการไม่ใช่นั่งข้างบนแล้วเอาแต่คิดแต่เราอยู่บนพื้นดินที่เห็นภาพความจริงมันเป็นแบบนี้สิ่งที่คิดกับสิ่งที่เป็นมันไม่เหมือนกันครับ
เงินดิจิตอล 10,000 คนอยากได้กันเยอะสุดท้ายช่วยชาวบ้านหรือนายทุน???
โลกแห่งความจริงร้านขายส่งแทบจะทุกที่ไม่รับสแกนรับแต่เงินสด ถามว่าถ้าผมเป็นพ่อค้ามีคนมาสแกนเงินดิจิตอลวันนี้สัก 3,000 บาท รวมกับเงินดิจิตอลที่ผมมี 10,000 บาทกลายเป็น 13,000 บาท ผมก็ต้องออกไปซื้อของมาลงทุนขายวันพรุ่งนี้ เนื่องจากผมเป็นร้านค้าขนาดเล็กทั่วๆไปเงินทุนไม่มีมากนัก พอเราไปซื้อที่ร้านขายส่งเขาไม่รับสแกนเขาต้องการเงินสดทีนี้ผมก็จะขาดสภาพคล่องทันที และเงินดิจิตอลอีก 3,000 บาทที่ผมได้มาจากการขายผมต้องเอาไปซื้อของที่ไหนแทนที่จะเอามาลงทุนเอามาค้าขายในวันต่อไปก็ไม่มี
สุดท้ายชาวบ้านได้เงินดิจิตอลชาวบ้านต้องเอาไปซื้อของในห้างหรือร้านสะดวกซื้อที่อยู่ในระบบภาษีที่ถูกต้องเขาก็จะได้เงินสดทันที ต่างจากลูกค้ารายย่อยที่เวลารับจะขาดสภาพคล่องทำให้รับไม่ได้ ไม่เหมือนโครงการคนละครึ่งที่เวลารับจะได้เงินสดในวันถัดไปทันที แม้จะใช้เวลาหน่อยแต่เงินทุนก็ยังพอหยิบยืมมาได้เพราะค้าขายมันดีขึ้น แล้วเงินคนละครึ่งห้ามใช้กับร้านที่เป็นรูปแบบนิติบุคคล ทำให้เงินไม่เข้าไปถึงนายทุนเร็วเกินไป
แต่ครั้งนี้เงินดิจิตอลเหมือนเอื้อให้นายทุนโดยเฉพาะ ระบุชัดเจนว่าเงินจะจบที่ร้านที่มีรูปแบบภาษีที่ถูกต้องนั่นก็คือนายทุนทั้งนั้น เพราะฉะนั้นครั้งนี้พอทุกคนได้เงินมาก็เอาไปซื้อของกับนายทุนได้อย่างเดียวก็เหมือนโครงการนี้เอาเงินให้ชาวบ้านเอาไปซื้อของนายทุนแต่พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
ถ้าคนจะแย้งว่าก็ทำไมพ่อค้าแม่ค้าไม่รับก็อย่างที่ผมบอกครับร้านขายส่งเขามันไม่รับสแกน ใจพ่อค้าแม่ค้าอยากรับใจจะขาด เพราะรับมาแล้วเราสามารถเอาไปซื้อร้านส่งได้เราก็เอามาขายต่อยอดได้ แต่พอร้านส่งไม่รับแล้วพ่อค้าแม่ค้าจะเอาทุนที่ไหนล่ะครับ 6 เดือนนะครับแถมไม่ใช่จะได้เงินนะครับต้องเอาเงินไปใช้ซื้อต่อ
ผมพูดในมุมมองของพ่อค้าแม่ค้านะไม่ได้อยากจะยุ่งเกี่ยวการเมืองแต่พูดในมุมนโยบายที่จะเกิดขึ้นค่อนข้างมีผลเสียมากกว่าผลดี และการค้าขายของพ่อค้าแม่ค้าก็จะลำบากมากขึ้น เช่นร้านขายเสื้อผ้าหรือรองเท้าตามตลาดนัด ถ้าคนมีเงิน 10,000 บาทเขาซื้อกับร้านพวกนี้ไม่ได้เขาก็ไปซื้อในห้างไม่ต้องใช้เงินตัวเองซื้อ พ่อค้าแม่ค้าตามตลาดก็จะค้าขายลำบากเพราะคนส่วนใหญ่ก็เอาเงินไปซื้อของในห้าง การค้าขายก็จะซบเซาลง แต่ห้างในทุนจะคึกคัก
เราอยู่ในโลกความจริงไม่ใช่นักวิชาการไม่ใช่นั่งข้างบนแล้วเอาแต่คิดแต่เราอยู่บนพื้นดินที่เห็นภาพความจริงมันเป็นแบบนี้สิ่งที่คิดกับสิ่งที่เป็นมันไม่เหมือนกันครับ