เมื่อไม่กี่วันมานี้ ได้มีคลิปพิเศษของรีบอร์นได้ปล่อยออกมา ผมเองไม่ได้ทราบแน่ชัดว่าทำเนื่องในโอกาสอะไร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าคงทำอนิเมะภาคชิม่อนต่อ ประกอปกับบลีชเองก็พึ่งกลับมาฉายอนิเมะหลังจากทิ้งช่วงไป 3-4ปี ความเป็นไปได้ก็มีสูงขึ้นไปอีก สาวกวองโกเล่ก็รอดูกันต่อไปนะครับ! ย้อนกลับไปในช่วงที่โรสมีเดียนำรีบอร์นเข้ามาไทย เด็กประถม-มัธยม ณ เวลานั้นไม่มีใครไม่รู้จัก ถึงขนาดโหลดคลิปส่งให้กันทางบลูทูธกับเพื่อน ไหนจะเพลง op-ed ที่ปกติผมไม่ได้สนใจ แต่กับรีบอร์นมีในเครื่องแทบทุกเพลง!! เรียกว่าได้รับความนิยมอย่างล้นหลามยิ่งกว่าภายในประเทศญี่ปุ่นเองซะอีก ซึ่งปัจจัยส่งเสริมก็มีทั้ง ธีมมาเฟีย+พลังพิเศษ การเล่นเรื่องแหวนไฟธาตุต่างๆ ซึ่งเดี๋ยวผมจะมาเล่าเจาะที่หลัง
พลอตเรื่อง อย่างที่หลายๆคนรู้ว่า รีบอร์น ในระยะแรกถูกเขียนขึ้นมาเป็นการ์ตูนแก็ก จบเป็นตอนๆไปเหมือนเรื่องโดเรม่อน ชินจังอะไรทำนองนั้น ซึ่งความรู้สึกในวัยนั้นก็ไม่ได้ขำก๊ากเหมือนกินทามะ เนื้อเรื่องก็ไม่ได้น่าติดตามอะไร แค่พออ่านได้เพลินๆ ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เรตติ้งไม่ดีจนต้องเปลี่ยนเป็นการ์ตูนโชเน็น ซึ่งก็สนุกขึ้นจริงๆ ในช่วงศึกชิงแหวน(ที่เป็นภาคโปรดของใครหลายๆคนเหมือนกัน) และยิ่งล้ำหน้าไปอีกในช่วงศึกชิงโลกอนาคต(ชื่อนี้ไหมหว่า จำไม่ได้) เนื้อหา(เหมือนจะ)ซีเรียสขึ้น แต่สุดท้าย นอกจากวองโกเล่ที่แพ้ย่อยยับ ก็ไม่ได้เห็นว่ามันจะมีความสูญเสียอะไร บ้านเมืองก็ยังดูสงบสุข(ฮา) ทริคการมาโลกอนาคตด้วย บาซูก้าก็แปลกใหม่ดีในยุคนั้น เนื้อเรื่องน่าติดตามดี ในช่วงแรกๆอาจจะดูจำเจในการฝึกและตะลุยฐานศัตรู แต่พอถึงภาค choice ลากไปจนจบอันนี้ดูเจ๋งดี คล้ายๆเล่นหมากรุก ที่สำคัญภาพจัดอยู่ในเกณฑ์สวยใช้ได้ สำหรับอนิเมะในยุคนั้น ส่วนลายเส้นในมังงะไม่ต้องพูดถึง
เรื่องการดีไซน์ตัวละคร ก็ทำได้ดีน่าจดจำทุกคน ตั้งแต่ตัวหลักยันตัวประกอป อาจจะเพราะคนแต่งมักจะใส่นิสัยแปลกๆมามั้ง แต่ที่ชอบสุดคงเป็น คุณแรมโบ้ที่น่ารักน่าเอ็นดู พอโกรธก็กลายเป็นผู้ใหญ่เท่มากก ยิ่งตอนยิงบาซูก้า 20 ปีนะ ซัลซัส, โกคุเทระ ที่ดูเป็นคนหัวร้อนง่ายมักจะชอบทำอะไรเปิ่นๆตลอด ส่วนพระเอกของเรา สึนะ โยชิ ชอบดีไซน์ตอนเป็นไฮเปอร์โหมดนะ แต่ไม่ชอบร่างปกติ ดูอ่อนแอ โลเลไม่เด็ดขาด ขนาดตอนจบสู้มาขนาดนี้ยังตัดสินใจไม่ได้อีกว่าจะเป็นมาเฟียมั้ย(จบปลายเปิดสุดๆ) ส่วนนางเอกนางรอง อย่างฮารุกับเคียวโกะ ก็แทบดูไม่มีมิติ ไม่มีประโยชน์ในเรื่องเท่าไหร่ แถมตัวละครก็ไร้มิติ โดยเฉพา่ะภาคอนาคตที่ไม่ต้องเอามาก็ได้มั้ง(ฮา) ต่อมาคือพี่หนุ่มแว่นโชอิจิมือขวาเบียคุรัน(จำชื่อแม่นๆไม่ได้) เป็นตัวที่ไม่ได้มีสกิลการเท่โหดๆหรือแอร์ไทม์มากมายอะไร แต่เป็นตัวเปลี่ยนเกมส์ในช่วงก่อนจบเลย(เฉลยว่าเป็นสปาย ไม่ใช่พวกเบียคุรัน) คงเป็นความเซอร์ไพรซ์ที่คาดไม่ถึง บวกกับไอเดียที่หยิบจับตัวละครหนุ่มแว่นดวงซวยในสมัยเป็นการ์ตูนแก็ก กลายมาเป็น 1 ในตัวละครพลิกเกมส์ในเรื่อง ถ้าคนเขียนบอกวางแผนไว้แต่แรกก็คงโม้(ฮา) แต่ถือว่าประยุกต์และทำให้ตัวละครดูมีอะไรจริงๆ เรื่องการพัฒนาตัวละครแทบจะเป็น 0 โอเคว่าในด้านการต่อสู้มันก็เก่งขึเน สกิลเยอะขึ้นเป็นธรรมดา แต่ทางด้านความคิด ตัวละครส่วนใหญ่แทบจะไม่ต่างอะไรกับช่วงแรกๆเลย
เรื่องการต่อสู้และสกิลภายในเรื่อง ความน่าสนใจคือ กลไกพลังพิเศษพื้นฐานต่างๆในเรื่อง เช่น ธาตุไฟ ที่อ้างอิงตามปรากฏการณ์บนท้องฟ้า ทั้งอัสนี พิรุณ วายุ หมอก อรุณ นภา ไหนจะอาวุธแปลกๆในเรือง สัตว์กล่อง, แหวนจุดไฟ, กระสุนดับเครื่องชน + ถุงมือ ตอนนั้นอยากได้เซ็ทแหวนกับสัตว์กล่องมากก ชอบกลไกที่ต้องจุดไฟที่แหวนไปจ่อรูที่กล่อง ถึงสามารถใช้งานได้ ส่วนซีนต่อสู้ แอบนึกถึงเรื่องนารูโตะ ที่มีทริคการอ่านเกมส์ฝ่ายศัตรูเสมอๆ อาจจะไม่เทียบเท่าแต่ก็ทำได้ดีในระดับนึง ซีนที่ชอบหลายซีน แต่คงไม่พ้นศึกชิงแหวน เสียดายอย่างเดียว ท่า x-burner ที่เป็นท่าไม้ตายพระเอกดูธรรมดาไปหน่อย แต่โชคดีที่ได้มุมกล้อง+ลายเส้น+บรรยากาศช่วย มันเลยดูทรงพลังมากๆ
ความสมเหตุสมผล(plot hole) อาจจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้รีบอร์นไม่ได้ไปต่อ เริ่มจากที่พวกสึนะเอาชนะศึกโลกอนาคต ซึ่งแปลว่า กลุ่มตัวเอกในช่วงปัจจุบันเก่งกว่าตัวเองในอีก 10 ปีข้างหน้าไปแล้ว และเมื่อกลับมาเวลาปัจจุบันก็คงไม่น่ามีใครล้มพวกสึนะได้ (ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายๆคนคิด) แต่กลายเป็นว่า พวกสึนะก็ยังเจอศัตรูที่หืดขึ้นคออยู่เรื่อยๆและพัฒนาจนเก่งขึ้น(กว่าเดิมไปอีก!!) และหลังจบภาคอนาคตก็มีตัวละครใหม่ที่เก่งมากๆอีกหลายตัว แต่ก็ไม่ได้มีการอธิบายว่าในอีก10ปีข้างหน้า พวกเขาหายไปไหน... ว่ากันตามตรงแล้วในเรื่องสเกลพลัง ผมว่ามันแถได้อยู่นะ ถ้ามองว่าสึนะที่เติบโตไปเป็นวองโกเล่ในอีก 10 ปีและแพ้ให้กับเบียคุรันเป็นไทม์ไลน์ A ส่วนสึนะที่โดนเรียกตัวไปสู้กับเบียคุรันและเอาชนะได้ ให้นับว่าเป็นไทม์ไลน์ใหม่ B (ทฤษฏีเดียวกับมัลติเวิสของมาเวล จุดตัวของความเปลี่ยนแปลงทำใหม้เกิดอีกไทม์ไลน์) ซึ่งอาจจะเกิด butterfly effect ให้เกิดการปรากฏตัวของพวกชิม่อนแฟมมิลี่และตัวละครใหม่ๆหลังจากนั้นที่อาจจะไม่มีในไทม์ไลน์A เป็นต้น ซึ่งถ้าคิดตามนี้มันก็ดูสมเหตุสมผลนะ
[Reborn!] ชวนรำลึกความหลัง ไอ้หนุ่มมาเฟียหน้าผากติดไฟ + ทำไมไม่ได้ไปต่อ
พลอตเรื่อง อย่างที่หลายๆคนรู้ว่า รีบอร์น ในระยะแรกถูกเขียนขึ้นมาเป็นการ์ตูนแก็ก จบเป็นตอนๆไปเหมือนเรื่องโดเรม่อน ชินจังอะไรทำนองนั้น ซึ่งความรู้สึกในวัยนั้นก็ไม่ได้ขำก๊ากเหมือนกินทามะ เนื้อเรื่องก็ไม่ได้น่าติดตามอะไร แค่พออ่านได้เพลินๆ ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เรตติ้งไม่ดีจนต้องเปลี่ยนเป็นการ์ตูนโชเน็น ซึ่งก็สนุกขึ้นจริงๆ ในช่วงศึกชิงแหวน(ที่เป็นภาคโปรดของใครหลายๆคนเหมือนกัน) และยิ่งล้ำหน้าไปอีกในช่วงศึกชิงโลกอนาคต(ชื่อนี้ไหมหว่า จำไม่ได้) เนื้อหา(เหมือนจะ)ซีเรียสขึ้น แต่สุดท้าย นอกจากวองโกเล่ที่แพ้ย่อยยับ ก็ไม่ได้เห็นว่ามันจะมีความสูญเสียอะไร บ้านเมืองก็ยังดูสงบสุข(ฮา) ทริคการมาโลกอนาคตด้วย บาซูก้าก็แปลกใหม่ดีในยุคนั้น เนื้อเรื่องน่าติดตามดี ในช่วงแรกๆอาจจะดูจำเจในการฝึกและตะลุยฐานศัตรู แต่พอถึงภาค choice ลากไปจนจบอันนี้ดูเจ๋งดี คล้ายๆเล่นหมากรุก ที่สำคัญภาพจัดอยู่ในเกณฑ์สวยใช้ได้ สำหรับอนิเมะในยุคนั้น ส่วนลายเส้นในมังงะไม่ต้องพูดถึง
เรื่องการดีไซน์ตัวละคร ก็ทำได้ดีน่าจดจำทุกคน ตั้งแต่ตัวหลักยันตัวประกอป อาจจะเพราะคนแต่งมักจะใส่นิสัยแปลกๆมามั้ง แต่ที่ชอบสุดคงเป็น คุณแรมโบ้ที่น่ารักน่าเอ็นดู พอโกรธก็กลายเป็นผู้ใหญ่เท่มากก ยิ่งตอนยิงบาซูก้า 20 ปีนะ ซัลซัส, โกคุเทระ ที่ดูเป็นคนหัวร้อนง่ายมักจะชอบทำอะไรเปิ่นๆตลอด ส่วนพระเอกของเรา สึนะ โยชิ ชอบดีไซน์ตอนเป็นไฮเปอร์โหมดนะ แต่ไม่ชอบร่างปกติ ดูอ่อนแอ โลเลไม่เด็ดขาด ขนาดตอนจบสู้มาขนาดนี้ยังตัดสินใจไม่ได้อีกว่าจะเป็นมาเฟียมั้ย(จบปลายเปิดสุดๆ) ส่วนนางเอกนางรอง อย่างฮารุกับเคียวโกะ ก็แทบดูไม่มีมิติ ไม่มีประโยชน์ในเรื่องเท่าไหร่ แถมตัวละครก็ไร้มิติ โดยเฉพา่ะภาคอนาคตที่ไม่ต้องเอามาก็ได้มั้ง(ฮา) ต่อมาคือพี่หนุ่มแว่นโชอิจิมือขวาเบียคุรัน(จำชื่อแม่นๆไม่ได้) เป็นตัวที่ไม่ได้มีสกิลการเท่โหดๆหรือแอร์ไทม์มากมายอะไร แต่เป็นตัวเปลี่ยนเกมส์ในช่วงก่อนจบเลย(เฉลยว่าเป็นสปาย ไม่ใช่พวกเบียคุรัน) คงเป็นความเซอร์ไพรซ์ที่คาดไม่ถึง บวกกับไอเดียที่หยิบจับตัวละครหนุ่มแว่นดวงซวยในสมัยเป็นการ์ตูนแก็ก กลายมาเป็น 1 ในตัวละครพลิกเกมส์ในเรื่อง ถ้าคนเขียนบอกวางแผนไว้แต่แรกก็คงโม้(ฮา) แต่ถือว่าประยุกต์และทำให้ตัวละครดูมีอะไรจริงๆ เรื่องการพัฒนาตัวละครแทบจะเป็น 0 โอเคว่าในด้านการต่อสู้มันก็เก่งขึเน สกิลเยอะขึ้นเป็นธรรมดา แต่ทางด้านความคิด ตัวละครส่วนใหญ่แทบจะไม่ต่างอะไรกับช่วงแรกๆเลย
เรื่องการต่อสู้และสกิลภายในเรื่อง ความน่าสนใจคือ กลไกพลังพิเศษพื้นฐานต่างๆในเรื่อง เช่น ธาตุไฟ ที่อ้างอิงตามปรากฏการณ์บนท้องฟ้า ทั้งอัสนี พิรุณ วายุ หมอก อรุณ นภา ไหนจะอาวุธแปลกๆในเรือง สัตว์กล่อง, แหวนจุดไฟ, กระสุนดับเครื่องชน + ถุงมือ ตอนนั้นอยากได้เซ็ทแหวนกับสัตว์กล่องมากก ชอบกลไกที่ต้องจุดไฟที่แหวนไปจ่อรูที่กล่อง ถึงสามารถใช้งานได้ ส่วนซีนต่อสู้ แอบนึกถึงเรื่องนารูโตะ ที่มีทริคการอ่านเกมส์ฝ่ายศัตรูเสมอๆ อาจจะไม่เทียบเท่าแต่ก็ทำได้ดีในระดับนึง ซีนที่ชอบหลายซีน แต่คงไม่พ้นศึกชิงแหวน เสียดายอย่างเดียว ท่า x-burner ที่เป็นท่าไม้ตายพระเอกดูธรรมดาไปหน่อย แต่โชคดีที่ได้มุมกล้อง+ลายเส้น+บรรยากาศช่วย มันเลยดูทรงพลังมากๆ
ความสมเหตุสมผล(plot hole) อาจจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้รีบอร์นไม่ได้ไปต่อ เริ่มจากที่พวกสึนะเอาชนะศึกโลกอนาคต ซึ่งแปลว่า กลุ่มตัวเอกในช่วงปัจจุบันเก่งกว่าตัวเองในอีก 10 ปีข้างหน้าไปแล้ว และเมื่อกลับมาเวลาปัจจุบันก็คงไม่น่ามีใครล้มพวกสึนะได้ (ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายๆคนคิด) แต่กลายเป็นว่า พวกสึนะก็ยังเจอศัตรูที่หืดขึ้นคออยู่เรื่อยๆและพัฒนาจนเก่งขึ้น(กว่าเดิมไปอีก!!) และหลังจบภาคอนาคตก็มีตัวละครใหม่ที่เก่งมากๆอีกหลายตัว แต่ก็ไม่ได้มีการอธิบายว่าในอีก10ปีข้างหน้า พวกเขาหายไปไหน... ว่ากันตามตรงแล้วในเรื่องสเกลพลัง ผมว่ามันแถได้อยู่นะ ถ้ามองว่าสึนะที่เติบโตไปเป็นวองโกเล่ในอีก 10 ปีและแพ้ให้กับเบียคุรันเป็นไทม์ไลน์ A ส่วนสึนะที่โดนเรียกตัวไปสู้กับเบียคุรันและเอาชนะได้ ให้นับว่าเป็นไทม์ไลน์ใหม่ B (ทฤษฏีเดียวกับมัลติเวิสของมาเวล จุดตัวของความเปลี่ยนแปลงทำใหม้เกิดอีกไทม์ไลน์) ซึ่งอาจจะเกิด butterfly effect ให้เกิดการปรากฏตัวของพวกชิม่อนแฟมมิลี่และตัวละครใหม่ๆหลังจากนั้นที่อาจจะไม่มีในไทม์ไลน์A เป็นต้น ซึ่งถ้าคิดตามนี้มันก็ดูสมเหตุสมผลนะ