“ดร.สุรชาติ เตือนกองทัพเรือ หยุดเพ้อเจ้อ ซื้อเรือดำน้ำจีนได้แล้ว ความท้าทายใหม่รัฐบาล
https://www.matichon.co.th/clips/news_4214143
สัมภาษณ์พิเศษ ศ.กิตติคุณ ดร.
สุรชาติ บำรุงสุข คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กองทัพเรือ ต้องหยุดเพ้อเจ้อ ซื้อเรือดำน้ำจีน ได้แล้ว เตือนรัฐบาล
เศรษฐา ความท้าทายใหม่ ติดตามชมรายละเอียดทั้งหมดจากคลิปด้านล่างนี้
เจาะใจ “ลูกเกด” ก้าวไกล สิทธิการประกันตัว เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ยืนหยัดต่อสู้แก้ไข
https://www.matichon.co.th/clips/news_4214106
“ลูกเกด ชลธิชา แจ้งเร็ว” สส.พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นเรื่อง สิทธิการประกันตัว ว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน พร้อมกับบอกว่าจะใช้ความพยายามผลักดันแก้ปัญหากฎหมายในเรื่องนี้ ติดตามชมรายละเอียดทั้งหมดจากคลิปด้านล่างนี้
ผู้เลี้ยงหมูรายย่อยโอด ราคาหมูใต้ร่วง กก.ละ 50-56 บาท ขาดทุน 30-35 บาท/กก.
https://www.thairath.co.th/agriculture/agricultural-product-prices/2730324
ผู้เลี้ยงหมูรายย่อยเผยหมูใต้หน้าฟาร์มราคาต่ำสุด 50-56 บาท/กก. โดยต้นทุน กก.ละ 80-85 บาท/กก. ขาดทุนต่อตัว 30-35 บาท/กก. วอนรัฐบาลหนุนตัดตอนลดแม่พันธุ์และลูกหมู ไม่เช่นนั้นรายย่อยแย่แน่ เพราะแบกต้นทุนอาหารไม่ไหว
นาย
ภักดี ชูขาว เจ้าของฟาร์มเลี้ยงสุกรรายย่อยของจังหวัดพัทลุง เผยว่า สมัชชาผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยภาคใต้ จะมีวาระการประชุมการแก้ไขปัญหาสุกรราคาตกต่ำ เพื่อนำเสนอต่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมาเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาทิ เรื่องการเจรจาในการเลี้ยงสุกรของเกษตรสุกรรายย่อยภาคใต้กับผู้ประกอบการเลี้ยงสุกรรายใหญ่ทั้งบริษัทขนาดใหญ่ และบริษัทมหาชน เพื่อจัดสรรพื้นที่การเลี้ยงสุกร เรื่องการเลี้ยงสุกรโดยตัดตอนลดแม่พันธุ์สุกร ลดลูกสุกรขุน โดยให้รัฐบาลสนับสนุนในการลดสุกรขุน โดยนำมาชำแหละแปรรูปเป็น เช่น หมูย่าง ฯลฯ ซึ่งตนมั่นใจว่าถ้าไม่มีการตัดตอนวงจรการเลี้ยงสุกร ในปี 2567 เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยก็จะไม่มีโอกาสดีขึ้น และต้องล้มเลิกไปในที่สุด” นายภักดี กล่าว
นาย
ภักดี กล่าวอีกว่า ขณะนี้ การเลี้ยงสุกรเกษตรกรรายย่อยต่างประสบภาวะขาดทุนที่หนักมาก ในส่วนของการซื้อขายสุกรนั้น ขณะนี้ราคาประกาศของสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ ราคา 66 บาท/กก. ส่วนราคาซื้อขายของเกษตรกรรายย่อยหน้าฟาร์มโบรกเกอร์จะมาซื้อขายราคาประมาณ 50 -56 บาท/กก. แต่ต้นทุนการเลี้ยงประมาณ 80-85 บาท/กก. ทำให้ต้องขาดทุนตัวละ 30-35 บาท/กก. เกษตรกรจำยอมต้องขาย เพราะลากการเลี้ยงเอาไว้จะแบกรับกับราคาค่าอาหารไว้ไม่ได้จะขาดทุนเพิ่มอีก.
ส.ท่องเที่ยว คาดกราดยิงห้างดัง ทำนักท่องเที่ยวจีนหาย 1 ล้านคน สูญรายได้ 5 หมื่นล. แนะปล่อยฟรีวีซ่าอินเดีย
https://www.matichon.co.th/economy/news_4214354
ส.ท่องเที่ยว คาดกราดยิงห้างดัง ทำนักท่องเที่ยวจีนหาย 1 ล้านคน สูญรายได้ 5 หมื่นล. แนะปล่อยฟรีวีซ่าอินเดีย
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม นาย
กิตติ พรศิวะกิจ นายกสมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทย หรือ ATTM เปิดเผยถึงผลกระทบจากเหตุการณ์กราดยิงในศูนย์การค้าสยามพารากอนและมีชาวจีนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา นั้น จากการประเมินเบื้องต้นในกลุ่มผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว จะมีผลกระทบทางจิตวิทยาที่กังวลต่อเนื่องความปลอดภัยในไทย อาจกระทบยอดนักท่องเที่ยวชาวจีนมาไทยหายไปประมาณ 50% ในเดือนตุลาคมนี้ หรือ จากคาดไว้ 7 แสนคน เหลือ 3 แสนคน และกระทบใน 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ ยอดนักท่องเที่ยวชาวจีนมาไทยหายไป 30% ต่อเดือน เท่ากับ 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้นักท่องเที่ยวชาวจีนมาไทยจะหายไปประมาณ 7.7 แสนคน และหากรวมกับนักท่องเที่ยวชาติอื่น ที่มีเชื้อสายจีน ชาวคนในมาเลเซีย หรือ เกาหลีใต้ อาจหายไปบางส่วน ดังนั้นมีโอกาสที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยหายไปประมาณ 1 ล้านคน ภายใน 3 เดือนนี้ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านบาท และน่าจะฟื้นตัวอีกครั้งในต้นปีหน้า
“ตอนเริ่มวีซ่าฟรีให้กับชาวจีน ช่วง 2-3 วันแรก จำนวนชาวจีนมาไทยเพิ่มทันที 60-70% หรือ 1.6-1.7 หมื่นคนต่อวัน พอหลังวันที่ 3 ตุลาคม จำนวนเริ่มลดลงเหลือ 1.3 หมื่นคนต่อวัน ปัจจัยจากจำนวนเที่ยวบินรองรับไม่พอ อีกทั้งติดเรื่องทำพาสปอร์ตในจีน ใช้เวลานานกว่าจะได้ ทราบว่ารอกันเป็นเดือน แม้ได้วีซ่าฟรีแต่ไม่มีสมุดพาสปอร์ตก็เดินทางมาไม่ได้ ซึ่งหากไม่มีเหตุการณ์ยิงในไทย เชื่อว่าชาวจีนจะทะลักเข้าไทยอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน แม้จะมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจในประเทศถดถอย แต่คนจีนที่มีรายได้ยังต้องการเดินทางมาเที่ยวก็ยังมีมาก”
นาย
กิตติกล่าวว่า ผู้ประกอบการทั้งในไทยและในจีน ก็มีการตั้งกลุ่มติดตามสถานการณ์และความเห็นในประเทศจีน ก็พบว่า ข่าวที่ออกไปสร้างความวิตก ถึงกับมาการทำโพลของประชาชนด้วยกันให้แสดงความเห็นการมาเที่ยวไทย พบว่า พูดถึงการครอบครองอาวุธปืนในไทยมีมากมั้ย และถามความเห็นว่าจะมาเที่ยวไทยในช่วงนี้หรือช่วงใด จากที่ตรวจดูพบว่า 30-40% ระบุว่าเหตุยิง มีผลต่อการตัดสินใจมาเที่ยวไทย และในสัดส่วนใกล้เคียงกัน แสดงความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยขณะมาเที่ยวไทย ซึ่งบางส่วนยกเหตุการณ์บึมศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ ที่มีการเสียชีวิต 20 ราย ปี 2558 หรือเรือนำเที่ยวไทยล่มกลางทะเล ปี 2561 ซึ่งแต่ละครั้งสร้างความเสียหายต่อท่องเที่ยวไทยหลายเดือน และสูญเงินจากนักท่องเที่ยวจีนกว่า 6 หมื่นล้านบาท ดังนั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งสร้างความมั่นใจมากขึ้นว่าเที่ยวเมืองไทยปลอดภัย ไปพร้อมกับออกแคมเปญจูงใจต่างชาติมาเที่ยวไทย เหมือนอย่างแคมเปญเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งเราเคยทำเป็นส่วนลดให้คนไทยเที่ยวไทย 40% แต่กับต่างชาติให้ 20% ก็พอที่จะดึงดูดคนมาเที่ยวไทยได้มากขึ้น โดยเฉพาะอินเดีย จะมีเทศกาลดีวารี เป็นเทศกาลจัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี และเพิ่มวีซ่าฟรีให้กับคนอินเดีย น่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยได้เป็นแสนคนในช่วงนี้ ทดแทนคนจีนที่หายในช่วงเดียวกันนี้
โซเชียลจีนแชร์ต่อ 40 ล้านคน
นาย
กิตติ กล่าวเสริมอีกว่า ล่าสุด จากการมอนิเตอร์ในโลกโซเชียลของคนจีน พบว่า คนจีนส่วนใหญ่มีความกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวอย่างรุนแรง ในช่วงแรกที่เกิดเหตุมีกระแสโซเชียลต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในไทย มีการส่งต่อข้อความกว่า 40 ล้านคน อย่างไรก็ดี เมื่อสถานทูตจีนและนายกรัฐมนตรีมีการออกแถลงการณ์ ก็มีกระแสในทิศทางที่ดีขึ้น โดยสิ่งที่คนจีนพูดถึงคือ เรื่องความปลอดภัยและนโยบายในการครอบครองปืนในไทย
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ยิงช่วง 3 เดือนแรกหลังเหตุการณ์จะหายไป 770,000 แสนคน หากรวมนักท่องเที่ยวชาติอื่น คาดมีนักท่องเที่ยวลดลงกว่า 1 ล้านคนในไตรมาสนี้ ส่งผลภาพรวมจำนวนนักท่องเที่ยวปี 2566 คาดไว้ 29-30 ล้านคน น่าจะลดลง เหลือ 28-29 ล้านคน
JJNY : 5in1 เตือนทัพเรือ หยุดเพ้อเจ้อ│เจาะใจ “ลูกเกด” ก้าวไกล│ราคาหมูใต้ร่วง│ทำนักท่องเที่ยวจีนหาย│จีนเตือนภัย“โคอินุ”
https://www.matichon.co.th/clips/news_4214143
เจาะใจ “ลูกเกด” ก้าวไกล สิทธิการประกันตัว เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ยืนหยัดต่อสู้แก้ไข
https://www.matichon.co.th/clips/news_4214106
“ลูกเกด ชลธิชา แจ้งเร็ว” สส.พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นเรื่อง สิทธิการประกันตัว ว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน พร้อมกับบอกว่าจะใช้ความพยายามผลักดันแก้ปัญหากฎหมายในเรื่องนี้ ติดตามชมรายละเอียดทั้งหมดจากคลิปด้านล่างนี้
ผู้เลี้ยงหมูรายย่อยโอด ราคาหมูใต้ร่วง กก.ละ 50-56 บาท ขาดทุน 30-35 บาท/กก.
https://www.thairath.co.th/agriculture/agricultural-product-prices/2730324
ผู้เลี้ยงหมูรายย่อยเผยหมูใต้หน้าฟาร์มราคาต่ำสุด 50-56 บาท/กก. โดยต้นทุน กก.ละ 80-85 บาท/กก. ขาดทุนต่อตัว 30-35 บาท/กก. วอนรัฐบาลหนุนตัดตอนลดแม่พันธุ์และลูกหมู ไม่เช่นนั้นรายย่อยแย่แน่ เพราะแบกต้นทุนอาหารไม่ไหว
นายภักดี ชูขาว เจ้าของฟาร์มเลี้ยงสุกรรายย่อยของจังหวัดพัทลุง เผยว่า สมัชชาผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยภาคใต้ จะมีวาระการประชุมการแก้ไขปัญหาสุกรราคาตกต่ำ เพื่อนำเสนอต่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมาเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาทิ เรื่องการเจรจาในการเลี้ยงสุกรของเกษตรสุกรรายย่อยภาคใต้กับผู้ประกอบการเลี้ยงสุกรรายใหญ่ทั้งบริษัทขนาดใหญ่ และบริษัทมหาชน เพื่อจัดสรรพื้นที่การเลี้ยงสุกร เรื่องการเลี้ยงสุกรโดยตัดตอนลดแม่พันธุ์สุกร ลดลูกสุกรขุน โดยให้รัฐบาลสนับสนุนในการลดสุกรขุน โดยนำมาชำแหละแปรรูปเป็น เช่น หมูย่าง ฯลฯ ซึ่งตนมั่นใจว่าถ้าไม่มีการตัดตอนวงจรการเลี้ยงสุกร ในปี 2567 เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยก็จะไม่มีโอกาสดีขึ้น และต้องล้มเลิกไปในที่สุด” นายภักดี กล่าว
นายภักดี กล่าวอีกว่า ขณะนี้ การเลี้ยงสุกรเกษตรกรรายย่อยต่างประสบภาวะขาดทุนที่หนักมาก ในส่วนของการซื้อขายสุกรนั้น ขณะนี้ราคาประกาศของสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ ราคา 66 บาท/กก. ส่วนราคาซื้อขายของเกษตรกรรายย่อยหน้าฟาร์มโบรกเกอร์จะมาซื้อขายราคาประมาณ 50 -56 บาท/กก. แต่ต้นทุนการเลี้ยงประมาณ 80-85 บาท/กก. ทำให้ต้องขาดทุนตัวละ 30-35 บาท/กก. เกษตรกรจำยอมต้องขาย เพราะลากการเลี้ยงเอาไว้จะแบกรับกับราคาค่าอาหารไว้ไม่ได้จะขาดทุนเพิ่มอีก.
ส.ท่องเที่ยว คาดกราดยิงห้างดัง ทำนักท่องเที่ยวจีนหาย 1 ล้านคน สูญรายได้ 5 หมื่นล. แนะปล่อยฟรีวีซ่าอินเดีย
https://www.matichon.co.th/economy/news_4214354
ส.ท่องเที่ยว คาดกราดยิงห้างดัง ทำนักท่องเที่ยวจีนหาย 1 ล้านคน สูญรายได้ 5 หมื่นล. แนะปล่อยฟรีวีซ่าอินเดีย
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม นายกิตติ พรศิวะกิจ นายกสมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทย หรือ ATTM เปิดเผยถึงผลกระทบจากเหตุการณ์กราดยิงในศูนย์การค้าสยามพารากอนและมีชาวจีนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา นั้น จากการประเมินเบื้องต้นในกลุ่มผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว จะมีผลกระทบทางจิตวิทยาที่กังวลต่อเนื่องความปลอดภัยในไทย อาจกระทบยอดนักท่องเที่ยวชาวจีนมาไทยหายไปประมาณ 50% ในเดือนตุลาคมนี้ หรือ จากคาดไว้ 7 แสนคน เหลือ 3 แสนคน และกระทบใน 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ ยอดนักท่องเที่ยวชาวจีนมาไทยหายไป 30% ต่อเดือน เท่ากับ 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้นักท่องเที่ยวชาวจีนมาไทยจะหายไปประมาณ 7.7 แสนคน และหากรวมกับนักท่องเที่ยวชาติอื่น ที่มีเชื้อสายจีน ชาวคนในมาเลเซีย หรือ เกาหลีใต้ อาจหายไปบางส่วน ดังนั้นมีโอกาสที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยหายไปประมาณ 1 ล้านคน ภายใน 3 เดือนนี้ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านบาท และน่าจะฟื้นตัวอีกครั้งในต้นปีหน้า
“ตอนเริ่มวีซ่าฟรีให้กับชาวจีน ช่วง 2-3 วันแรก จำนวนชาวจีนมาไทยเพิ่มทันที 60-70% หรือ 1.6-1.7 หมื่นคนต่อวัน พอหลังวันที่ 3 ตุลาคม จำนวนเริ่มลดลงเหลือ 1.3 หมื่นคนต่อวัน ปัจจัยจากจำนวนเที่ยวบินรองรับไม่พอ อีกทั้งติดเรื่องทำพาสปอร์ตในจีน ใช้เวลานานกว่าจะได้ ทราบว่ารอกันเป็นเดือน แม้ได้วีซ่าฟรีแต่ไม่มีสมุดพาสปอร์ตก็เดินทางมาไม่ได้ ซึ่งหากไม่มีเหตุการณ์ยิงในไทย เชื่อว่าชาวจีนจะทะลักเข้าไทยอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน แม้จะมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจในประเทศถดถอย แต่คนจีนที่มีรายได้ยังต้องการเดินทางมาเที่ยวก็ยังมีมาก”
นายกิตติกล่าวว่า ผู้ประกอบการทั้งในไทยและในจีน ก็มีการตั้งกลุ่มติดตามสถานการณ์และความเห็นในประเทศจีน ก็พบว่า ข่าวที่ออกไปสร้างความวิตก ถึงกับมาการทำโพลของประชาชนด้วยกันให้แสดงความเห็นการมาเที่ยวไทย พบว่า พูดถึงการครอบครองอาวุธปืนในไทยมีมากมั้ย และถามความเห็นว่าจะมาเที่ยวไทยในช่วงนี้หรือช่วงใด จากที่ตรวจดูพบว่า 30-40% ระบุว่าเหตุยิง มีผลต่อการตัดสินใจมาเที่ยวไทย และในสัดส่วนใกล้เคียงกัน แสดงความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยขณะมาเที่ยวไทย ซึ่งบางส่วนยกเหตุการณ์บึมศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ ที่มีการเสียชีวิต 20 ราย ปี 2558 หรือเรือนำเที่ยวไทยล่มกลางทะเล ปี 2561 ซึ่งแต่ละครั้งสร้างความเสียหายต่อท่องเที่ยวไทยหลายเดือน และสูญเงินจากนักท่องเที่ยวจีนกว่า 6 หมื่นล้านบาท ดังนั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งสร้างความมั่นใจมากขึ้นว่าเที่ยวเมืองไทยปลอดภัย ไปพร้อมกับออกแคมเปญจูงใจต่างชาติมาเที่ยวไทย เหมือนอย่างแคมเปญเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งเราเคยทำเป็นส่วนลดให้คนไทยเที่ยวไทย 40% แต่กับต่างชาติให้ 20% ก็พอที่จะดึงดูดคนมาเที่ยวไทยได้มากขึ้น โดยเฉพาะอินเดีย จะมีเทศกาลดีวารี เป็นเทศกาลจัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี และเพิ่มวีซ่าฟรีให้กับคนอินเดีย น่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยได้เป็นแสนคนในช่วงนี้ ทดแทนคนจีนที่หายในช่วงเดียวกันนี้
โซเชียลจีนแชร์ต่อ 40 ล้านคน
นายกิตติ กล่าวเสริมอีกว่า ล่าสุด จากการมอนิเตอร์ในโลกโซเชียลของคนจีน พบว่า คนจีนส่วนใหญ่มีความกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวอย่างรุนแรง ในช่วงแรกที่เกิดเหตุมีกระแสโซเชียลต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในไทย มีการส่งต่อข้อความกว่า 40 ล้านคน อย่างไรก็ดี เมื่อสถานทูตจีนและนายกรัฐมนตรีมีการออกแถลงการณ์ ก็มีกระแสในทิศทางที่ดีขึ้น โดยสิ่งที่คนจีนพูดถึงคือ เรื่องความปลอดภัยและนโยบายในการครอบครองปืนในไทย
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ยิงช่วง 3 เดือนแรกหลังเหตุการณ์จะหายไป 770,000 แสนคน หากรวมนักท่องเที่ยวชาติอื่น คาดมีนักท่องเที่ยวลดลงกว่า 1 ล้านคนในไตรมาสนี้ ส่งผลภาพรวมจำนวนนักท่องเที่ยวปี 2566 คาดไว้ 29-30 ล้านคน น่าจะลดลง เหลือ 28-29 ล้านคน