คือเราไม่ได้โดนชี้หน้าหรือตราหน้าว่าขโมยของแบบต่อหน้า แต่คือหัวหน้างาน ผจก สงสัยค่ะ แล้วก็โดนผจก.ลากตัวไปแบบงงๆ ลากตัวไปตรวจลายนิ้วมือที่สถานีตำรวจ
----------
คือเรื่องมันเกิดเมื่อ 3 กว่าปีที่แล้วค่ะ
แต่มันติดในใจเราค่ะ มันค้างคา
(พออ่านเหตุการณ์คราวๆก็อาจสรุปได้แล้วว่า
ก็ตรวจลายนิ้วมือแล้วไงเขาไม่จับก็คือไม่ผิดไง)
แต่ส่วนตัวเราที่ค้างคาคือทางเขาไม่บอกผลอะไร
ไม่ติดต่อ และไม่พูดอะไรถึงคดีเลย
เรารู้สึกเหมือนทั้งโดนดูถูก เหยียดหยามว่าขโมยของ
พาไปตรวจลายนิ้วมือ แล้วหลังจากนั้นก็โดนทิ้งไว้กลางทาง
คือเราอยากรู้ผลนิ้วมือค่ะ
(คงเหมือนอยากจะพูด+ย้ำผจก.+คนที่เกี่ยวข้องว่า
ไม่ใช่ฉัน เคลียร์นะ คือพูดเพื่อทำให้ตัวเองสบายใจมากกว่า)
แต่มันคือ 3 ปีแล้วไงคะ แต่เราก็รู้สึกว่าคนที่รู้เรื่องคือฝังใจไปแล้วว่าเราขโมย
คำถามคือ
1)เราควรโทรไปถาม/คุยกับผจก.ไหมคะ(อยู่คนละจังหวัด, ไม่รู้ด้วยว่าจะติดต่อได้ไหมเพราะไม่ได้คุยกันเลย หลังออกงาน)
หรือโทรไปสอบถามสถานีตำรวจเกี่ยวกับเคสนั้นเลยก็ได้
คะ หรือไม่ต้องโทรแล้ว เขาไม่จับคือจบ คิดมาก
2)ในอนาคต ถ้าเรามีโอกาสเราก็อยากสอบเข้าทำงานเกี่ยวกับทหารด้วย เราโดนปั๊มลายนิ้วมือตกเป็นผู้ต้องสงสัย มีผลกับประวัติอาชญากรรมไหมคะ
-------------
เหตุการทั้งหมด(ระบายเฉยๆ)
เราทำงานเกสเฮ้าส์ค่ะ กะกลางคือ 18.00-9.00 ก็คือให้นอนที่นั่นเลยค่ะ
เราจำลำดับเป๊ะๆไม่ได้ค่ะ จำได้แต่อะไรที่ฝังใจ
ตอนเกิดเรื่องผจก.มาบอกหรือหัวหน้ามาพูดให้ฟังก็จำไม่ได้
เหตุการณ์คือหัวหน้างานไปต่างประเทศ
เราก็ทำงานปกติ
หัวหน้างานกลับมา -> รู้ว่าของหาย
(ตัดภาพมา)
เราเข้ากะปกติ ผจก.เข้ามาคุม ก็ปกติที่จะเมาท์กัน
เราได้ยินเรื่องประมาณว่าของหายนะตอนหัวหน้าไม่อยู่
เราก็คิดก่อนเลยว่า "อ้าวเราเฝ้ากะ อยู่ทำงานนานสุดต่อวัน นอนค้าง ซวยเราแล้วซิ ของหายก็ไม่รู้ ไม่ได้ยินเสียงนอนเฝ้าแท้ๆ" เราคิดประมาณนี้
แล้วก็พูดอะไรไปสักอย่าง
โดนผจก.ตอกกลับมาประมาณว่า "ร้อนตัว"
ตอนนั้นคืองง จุก (แบบ อ้าวก็อยู่นอนที่นี่ เราก็คิดก่อนว่าจะเดือนร้อนเราไหม ต้องรับผิดชอบไหม หรือเขาจะสงสัยเราไหม)
หลังจากนั้น
ช่วงแรกๆก็ยังมีการพูดคุยในเกสเฮ้าส์
เรากับผจก.ก็บ่นว่าหัวหน้าเรื่องเก็บของ บลาๆ
ของหายมี A, B นะนู้นนั้นนี่
ครั้งหนึ่งตอนทำงาน ได้ยินหัวหน้าคุยกับเพื่อน(หรือโทรคุยไม่แน่ใจ)ว่ามี C ด้วยที่หาย
เราที่ได้ยินข้อมูลใหม่ จึงนำเรื่อง C หายไปคุยกับผจก.
แล้วพูดผจก.ก็ตอกกลับมาว่า "มี C ด้วยเหรอไม่เห็นรู้เลย"
(คือหัวหน้ากับผจก.รู้จักกันมาก่อน เราเข้ามาทำงานค่ะ
หัวหน้าคือคนจ้างผจก.มาด้วย ในมุมมองของเราคือถ้าหัวหน้ามีปัญหาอะไร ผจก.จะรู้ก่อนและเป็นแขนขาให้ค่ะ)
การตอบกลับของผจก.เลยทำให้เราปิดปากไปเลยค่ะ
เราจำได้เลยว่าตอนนั้นเราปิดปาก แล้วไม่พูดอะไรอีกเลย
เหมือนเรารับรู้ได้โดยอัตโนมัติเลยว่าพวกเขาสงสัยเรา
อย่างที่บอกว่าเรานอนที่เกสเฮ้าส์ เพราะฉะนั้นบางที(ส่วนใหญ่แหล่ะ เพราะขก.) ชอบทิ้งเสื้อผ้าไว้ที่ห้องนอนในเกสเฮ้าส์ แล้วกองเอาไว้ซักทีเดียว
เราเห็นว่ามันเยอะแล้ว เยอะเกินไป เลยเอากระเป๋าลากใบไม่เล็กไม่ใหญ่(จำได้ว่าขึ้นเครื่องบินได้ เอาใส่ช่องข้างบน)จากบ้านไปที่เกสเฮ้าส์
ตอนลากเข้าเกสเฮ้าส์(เข้างานตอนเย็น)
เราจำได้เลยว่า ทุกคนมองเราแม่บ้าน ยาม หัวหน้า
มองแต่ไม่ถาม ไม่พูด ไม่ทัก เราลากกระเป๋าเข้าไปคือเงียบ
ขาออก ออกตอนเช้า
(ตอนนั้นจำได้แม่นเลย เพราะมันถึงจุดที่เรามั่นใจว่าเราเนี่ยแหละ ผู้ต้องสงสัยสำหรับพวกเขา ก่อนหน้านี้คือแบบพยายามคิดว่าใจดีสู้เสือ รู้สึกแย่ก็คิดแต่ว่าเราบริสุทธิ์)
คือมันเป็นภาพที่เราออกจากงาน ลากกระเป๋าใบหนึ่งออกจากเกสเฮ้าส์ เราก็กราบ/บอกลาเลิกงาน ไปแล้วค่ะ
ผจก.ก็มอง หัวหน้าก็มอง เราก็งงนะแต่ก็ละสายต่อไป พอหันกลับมาอีกรอบก็คือยังมองอยู่ทั้งสองคน
ต่อจากนั้น เรื่องก็เงียบไประยะหนึ่ง
(ก็ไม่รู้ว่าเพราะตอนนั้นไม่ได้สนใจ หรือเรียนหนัก ทำงานหนัก เลยไม่มีเวลามาสนใจ)
ผจก.โทรมาบอกจะมารับ เราก็งงๆค่ะ แล้วเขาก็อธิบายว่า
เออ ไปสถานีตำรวจนะ ไปตรวจลายนิ้วมือ ตอนนั้นก็บริสุทธิ์ใจค่ะ ไปก็ไปก็คิดแต่ว่าดีเนอะ เขาอุตส่าห์เป็นธุระมารับมาส่ง
(ตอนนั้น เราทำตัวน่าสงสัยเองด้วย(คิดว่านะ) เพราะรอบแรกเขาโทรมา เราโอเค พอใกล้ถึง(มั้ง)เรากลับพูดว่าไปครั้งหน้าหน้าไหม ตอนนั้นเรารู้สึกเหมือนเราทั้งเหนื่อยทั้งท้อทั้งรู้สึกแย่ คงหลายๆอย่างรวมกัน ปากเราโอเคนะ แต่จริงๆไม่โอเคไง)
ณ สถานีตำรวจ
เรานั่ง ผจก.เป็นคนติดต่อ ไม่ได้ไปด้านหน้าบริการปชช.นะ ขึ้นตึก
ตำรวจท่านหนึ่งก็ลงบันทึก(คิดว่านะ ไม่ได้มองว่าทำอะไร แต่คือตำรวจท่านคุยกับเรา แบบทำไม ทำรึเปล่า ถ้าทำก็ยอมรับเถอะ ผู้ใหญ่เขาพร้อมให้อภัย ตอนนั้นเราก็โง่มาก อินโนเซ้นท์ ไม่เคยไปสถานีตำรวจ มองรอบห้องเลยจ้า ตอนโดนถามก็เจื่อนๆเหมือนกันนะ เขาพูดเหมือนเราผิด เ*ยมาก ก็ตอบได้แค่ว่าไม่ได้ทำค่ะ ไม่ได้ขโมยค่ะ แล้วก็ยิ้มแหะๆ)
หลังจากนั้นมีตำรวจอีกท่านมาขอปั๊มลายนิ้วมือ
ตอนปั๊มเราก็ยินยอมโดยดีนะ (อยากรู้อยากเห็น ครั้งแรก<-ไอ้โง่) ตอนตำรวจพูดว่า เนี่ยเด็กๆให้ปั๊มง่าย เราก็ยังหัวเราะคิกคัก(<-ไอ้ซื่อบื้อ)
รายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆก็มีนะ
-ญาติหัวหน้าอาจเป็นคนขโมยไป (ผจก.บอกว่าหัวหน้าเคยโดนญาติขโมยของ) ญาติเขาก็คือมีแม่บ้านกับยาม
-ไม่มีกล้องติด ชั้นที่ของหาย
-เราออกจากงานหลังจากนั้นสักพัก(จำไม่ได้ว่าสักพักนี่กี่สัปดาห์ กี่เดือน แต่ถ้าเขาให้เราออก คิดว่าผลลายนิ้วมือก็คงออกมาแล้ว ถ้าถามว่าทำไมไม่ถามตั้งแต่ตอนนั้น พยายาม cool ค่ะ ฉันบริสุทธิ์ ฉันไม่ได้ทำผิด ฉันไม่สนใจ <-จ๊ะ) ตอนนั้นคือกลียดหัวหน้าไปเลย(ทำงานไม่เข้ากันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว) ไม่สะดวกใจกับผจก. ไม่สนุกกับการทำงาน ไม่อยากไปทำงาน
-เคยมีเคสหนึ่ง คือเงินที่อยู่ในกระเป๋าลค.หาย เพราะลค.ฝากกระเป๋าไว้ที่เคานเตอร์ อาจจะเป็นอีกสาเหตุที่เขาไม่ไว้ใจเรา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ไม่เกี่ยวเคสข้างบน แต่ขอเล่าย่อๆ
คือเขาฝากเรา เราไว้ที่ตู้เคาน์เตอร์
และประเด็นคือ
1.มีกล้องที่เคาน์เตอร์จ้า
2.ลค.มาโวยว้ายหลังออกจาเกสเฮาส์ไปแล้ว
ผจก.เลยพูดว่าเขาโม้หรือเปล่า แต่เราเชื่อว่าหายจริงเพราะเราจำได้ว่าช่วงทานข้าวเช้าเขามองเราที่ประจำเคาน์เตอร์ตลอดเลย แต่ตอนนั้นเราไม่ได้สนใจเพราะตอนเช้าลค.เยอะวุ่นวาย จะคุยเทคแคร์เฉพาะคนที่เดินมาที่เคาเตอร์ก่อน
เรื่องนี้เราก็โดนสงสัยนะ ขนาดมีกล้อง ผจก.ก็แชทถาม พูดถามอยู่นั่นแหละทำหรือเปล่า ขโมยหรือเปล่า
ไอ่เราก็ตอบด้วยความไม่คิดอะไร ย้อนไปว่าให้ไปดูกล้อง
(พอมานึกย้อนเรื่องนี้ เราเพิ่งมาคิดได้ว่าผญ.แค่อยากได้รับคำพูด คำยืนยันจากเราว่า ไม่ได้ทำ แค่นั้นแหละ->แต่ก็รู้สึกแย่อยู่ดี มีกล้องยังจะมาถาม)
คุณเคยโดนกล่าวหาว่าขโมยของไหมคะ
----------
คือเรื่องมันเกิดเมื่อ 3 กว่าปีที่แล้วค่ะ
แต่มันติดในใจเราค่ะ มันค้างคา
(พออ่านเหตุการณ์คราวๆก็อาจสรุปได้แล้วว่า
ก็ตรวจลายนิ้วมือแล้วไงเขาไม่จับก็คือไม่ผิดไง)
แต่ส่วนตัวเราที่ค้างคาคือทางเขาไม่บอกผลอะไร
ไม่ติดต่อ และไม่พูดอะไรถึงคดีเลย
เรารู้สึกเหมือนทั้งโดนดูถูก เหยียดหยามว่าขโมยของ
พาไปตรวจลายนิ้วมือ แล้วหลังจากนั้นก็โดนทิ้งไว้กลางทาง
คือเราอยากรู้ผลนิ้วมือค่ะ
(คงเหมือนอยากจะพูด+ย้ำผจก.+คนที่เกี่ยวข้องว่า
ไม่ใช่ฉัน เคลียร์นะ คือพูดเพื่อทำให้ตัวเองสบายใจมากกว่า)
แต่มันคือ 3 ปีแล้วไงคะ แต่เราก็รู้สึกว่าคนที่รู้เรื่องคือฝังใจไปแล้วว่าเราขโมย
คำถามคือ
1)เราควรโทรไปถาม/คุยกับผจก.ไหมคะ(อยู่คนละจังหวัด, ไม่รู้ด้วยว่าจะติดต่อได้ไหมเพราะไม่ได้คุยกันเลย หลังออกงาน)
หรือโทรไปสอบถามสถานีตำรวจเกี่ยวกับเคสนั้นเลยก็ได้
คะ หรือไม่ต้องโทรแล้ว เขาไม่จับคือจบ คิดมาก
2)ในอนาคต ถ้าเรามีโอกาสเราก็อยากสอบเข้าทำงานเกี่ยวกับทหารด้วย เราโดนปั๊มลายนิ้วมือตกเป็นผู้ต้องสงสัย มีผลกับประวัติอาชญากรรมไหมคะ
-------------
เหตุการทั้งหมด(ระบายเฉยๆ)
เราทำงานเกสเฮ้าส์ค่ะ กะกลางคือ 18.00-9.00 ก็คือให้นอนที่นั่นเลยค่ะ
เราจำลำดับเป๊ะๆไม่ได้ค่ะ จำได้แต่อะไรที่ฝังใจ
ตอนเกิดเรื่องผจก.มาบอกหรือหัวหน้ามาพูดให้ฟังก็จำไม่ได้
เหตุการณ์คือหัวหน้างานไปต่างประเทศ
เราก็ทำงานปกติ
หัวหน้างานกลับมา -> รู้ว่าของหาย
(ตัดภาพมา)
เราเข้ากะปกติ ผจก.เข้ามาคุม ก็ปกติที่จะเมาท์กัน
เราได้ยินเรื่องประมาณว่าของหายนะตอนหัวหน้าไม่อยู่
เราก็คิดก่อนเลยว่า "อ้าวเราเฝ้ากะ อยู่ทำงานนานสุดต่อวัน นอนค้าง ซวยเราแล้วซิ ของหายก็ไม่รู้ ไม่ได้ยินเสียงนอนเฝ้าแท้ๆ" เราคิดประมาณนี้
แล้วก็พูดอะไรไปสักอย่าง
โดนผจก.ตอกกลับมาประมาณว่า "ร้อนตัว"
ตอนนั้นคืองง จุก (แบบ อ้าวก็อยู่นอนที่นี่ เราก็คิดก่อนว่าจะเดือนร้อนเราไหม ต้องรับผิดชอบไหม หรือเขาจะสงสัยเราไหม)
หลังจากนั้น
ช่วงแรกๆก็ยังมีการพูดคุยในเกสเฮ้าส์
เรากับผจก.ก็บ่นว่าหัวหน้าเรื่องเก็บของ บลาๆ
ของหายมี A, B นะนู้นนั้นนี่
ครั้งหนึ่งตอนทำงาน ได้ยินหัวหน้าคุยกับเพื่อน(หรือโทรคุยไม่แน่ใจ)ว่ามี C ด้วยที่หาย
เราที่ได้ยินข้อมูลใหม่ จึงนำเรื่อง C หายไปคุยกับผจก.
แล้วพูดผจก.ก็ตอกกลับมาว่า "มี C ด้วยเหรอไม่เห็นรู้เลย"
(คือหัวหน้ากับผจก.รู้จักกันมาก่อน เราเข้ามาทำงานค่ะ
หัวหน้าคือคนจ้างผจก.มาด้วย ในมุมมองของเราคือถ้าหัวหน้ามีปัญหาอะไร ผจก.จะรู้ก่อนและเป็นแขนขาให้ค่ะ)
การตอบกลับของผจก.เลยทำให้เราปิดปากไปเลยค่ะ
เราจำได้เลยว่าตอนนั้นเราปิดปาก แล้วไม่พูดอะไรอีกเลย
เหมือนเรารับรู้ได้โดยอัตโนมัติเลยว่าพวกเขาสงสัยเรา
อย่างที่บอกว่าเรานอนที่เกสเฮ้าส์ เพราะฉะนั้นบางที(ส่วนใหญ่แหล่ะ เพราะขก.) ชอบทิ้งเสื้อผ้าไว้ที่ห้องนอนในเกสเฮ้าส์ แล้วกองเอาไว้ซักทีเดียว
เราเห็นว่ามันเยอะแล้ว เยอะเกินไป เลยเอากระเป๋าลากใบไม่เล็กไม่ใหญ่(จำได้ว่าขึ้นเครื่องบินได้ เอาใส่ช่องข้างบน)จากบ้านไปที่เกสเฮ้าส์
ตอนลากเข้าเกสเฮ้าส์(เข้างานตอนเย็น)
เราจำได้เลยว่า ทุกคนมองเราแม่บ้าน ยาม หัวหน้า
มองแต่ไม่ถาม ไม่พูด ไม่ทัก เราลากกระเป๋าเข้าไปคือเงียบ
ขาออก ออกตอนเช้า
(ตอนนั้นจำได้แม่นเลย เพราะมันถึงจุดที่เรามั่นใจว่าเราเนี่ยแหละ ผู้ต้องสงสัยสำหรับพวกเขา ก่อนหน้านี้คือแบบพยายามคิดว่าใจดีสู้เสือ รู้สึกแย่ก็คิดแต่ว่าเราบริสุทธิ์)
คือมันเป็นภาพที่เราออกจากงาน ลากกระเป๋าใบหนึ่งออกจากเกสเฮ้าส์ เราก็กราบ/บอกลาเลิกงาน ไปแล้วค่ะ
ผจก.ก็มอง หัวหน้าก็มอง เราก็งงนะแต่ก็ละสายต่อไป พอหันกลับมาอีกรอบก็คือยังมองอยู่ทั้งสองคน
ต่อจากนั้น เรื่องก็เงียบไประยะหนึ่ง
(ก็ไม่รู้ว่าเพราะตอนนั้นไม่ได้สนใจ หรือเรียนหนัก ทำงานหนัก เลยไม่มีเวลามาสนใจ)
ผจก.โทรมาบอกจะมารับ เราก็งงๆค่ะ แล้วเขาก็อธิบายว่า
เออ ไปสถานีตำรวจนะ ไปตรวจลายนิ้วมือ ตอนนั้นก็บริสุทธิ์ใจค่ะ ไปก็ไปก็คิดแต่ว่าดีเนอะ เขาอุตส่าห์เป็นธุระมารับมาส่ง
(ตอนนั้น เราทำตัวน่าสงสัยเองด้วย(คิดว่านะ) เพราะรอบแรกเขาโทรมา เราโอเค พอใกล้ถึง(มั้ง)เรากลับพูดว่าไปครั้งหน้าหน้าไหม ตอนนั้นเรารู้สึกเหมือนเราทั้งเหนื่อยทั้งท้อทั้งรู้สึกแย่ คงหลายๆอย่างรวมกัน ปากเราโอเคนะ แต่จริงๆไม่โอเคไง)
ณ สถานีตำรวจ
เรานั่ง ผจก.เป็นคนติดต่อ ไม่ได้ไปด้านหน้าบริการปชช.นะ ขึ้นตึก
ตำรวจท่านหนึ่งก็ลงบันทึก(คิดว่านะ ไม่ได้มองว่าทำอะไร แต่คือตำรวจท่านคุยกับเรา แบบทำไม ทำรึเปล่า ถ้าทำก็ยอมรับเถอะ ผู้ใหญ่เขาพร้อมให้อภัย ตอนนั้นเราก็โง่มาก อินโนเซ้นท์ ไม่เคยไปสถานีตำรวจ มองรอบห้องเลยจ้า ตอนโดนถามก็เจื่อนๆเหมือนกันนะ เขาพูดเหมือนเราผิด เ*ยมาก ก็ตอบได้แค่ว่าไม่ได้ทำค่ะ ไม่ได้ขโมยค่ะ แล้วก็ยิ้มแหะๆ)
หลังจากนั้นมีตำรวจอีกท่านมาขอปั๊มลายนิ้วมือ
ตอนปั๊มเราก็ยินยอมโดยดีนะ (อยากรู้อยากเห็น ครั้งแรก<-ไอ้โง่) ตอนตำรวจพูดว่า เนี่ยเด็กๆให้ปั๊มง่าย เราก็ยังหัวเราะคิกคัก(<-ไอ้ซื่อบื้อ)
รายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆก็มีนะ
-ญาติหัวหน้าอาจเป็นคนขโมยไป (ผจก.บอกว่าหัวหน้าเคยโดนญาติขโมยของ) ญาติเขาก็คือมีแม่บ้านกับยาม
-ไม่มีกล้องติด ชั้นที่ของหาย
-เราออกจากงานหลังจากนั้นสักพัก(จำไม่ได้ว่าสักพักนี่กี่สัปดาห์ กี่เดือน แต่ถ้าเขาให้เราออก คิดว่าผลลายนิ้วมือก็คงออกมาแล้ว ถ้าถามว่าทำไมไม่ถามตั้งแต่ตอนนั้น พยายาม cool ค่ะ ฉันบริสุทธิ์ ฉันไม่ได้ทำผิด ฉันไม่สนใจ <-จ๊ะ) ตอนนั้นคือกลียดหัวหน้าไปเลย(ทำงานไม่เข้ากันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว) ไม่สะดวกใจกับผจก. ไม่สนุกกับการทำงาน ไม่อยากไปทำงาน
-เคยมีเคสหนึ่ง คือเงินที่อยู่ในกระเป๋าลค.หาย เพราะลค.ฝากกระเป๋าไว้ที่เคานเตอร์ อาจจะเป็นอีกสาเหตุที่เขาไม่ไว้ใจเรา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรื่องนี้เราก็โดนสงสัยนะ ขนาดมีกล้อง ผจก.ก็แชทถาม พูดถามอยู่นั่นแหละทำหรือเปล่า ขโมยหรือเปล่า
ไอ่เราก็ตอบด้วยความไม่คิดอะไร ย้อนไปว่าให้ไปดูกล้อง
(พอมานึกย้อนเรื่องนี้ เราเพิ่งมาคิดได้ว่าผญ.แค่อยากได้รับคำพูด คำยืนยันจากเราว่า ไม่ได้ทำ แค่นั้นแหละ->แต่ก็รู้สึกแย่อยู่ดี มีกล้องยังจะมาถาม)