อยากระบายครับ อยากระบาย
ผมเก็บเรื่องนี้ไว้มา10เดือนแล้ว เก็บไว้ไม่ไหวแล้ว
คือผมกับภรรยาแต่งงานกันมาประมาณ5ปีแต่เรารู้จักกันมากกว่า10ปี เรื่องมันก็เกิดขึ้นหลังจากภรรยาผมมีความฝันว่าจะทำโฮมสเตย์เล็กๆที่ต่างจังหวัดซึ่งนั้นก็ทำทำให้ผมต้องเข้าไปมีส่วนร่วมคือเธออยากให้ผมช่วยออกเงินค่าทำบ้านเดือนละ 9000 ส่วนเธอออก 7000 บาท ตอนนั้นเรายังไม่ได้แต่งงานกัน แล้วตอนนั้นเป็นช่วงโควิดผมโดนลดเงินเดือนแต่ผมต้องจ่ายค่าบ้าน 9000บาท กับค่าห้อง อีก6พันกว่าบาท จนบ้านที่ต่างจังหวัดเสร็จสามารถเปิดโฮมสเตย์ได้ซึ่งรายรับมันไม่พอกับรายจ่าย ทำให้ผมต้องไปกู้เงินมาใช้เพื่อหมุนเงินให้เธอทำบ้านซื้อเฟอร์นิเจอร์และจัดงานแต่งงานเรื่องราวก็เป็นอย่างนี่ไปซักปีกว่าๆเราก็ตกลงที่จะแต่งงานกัน ตอนแรกผมอยู่หอพักแถวที่ทำงานแล้วที่นี่เธออยากให้ผมไปอยู่กับเธอเพื่อจะได้เป็นครอบครัว ผมก็เลยย้ายจากหอพักแถวสาธรไปอยู่มีนบุรี ซึ่งที่ทำงานของผมอยู่แถวสาธร ช่วงนี้เธอออกค่าใช้จ่ายที่ผ่อนบ้านจาก 7000 เป็น 9000 เพราะผมต้องเดินทางไกลแล้วการเดินทางไปทำงานนั้นต้องนั่ง Taxi ไปต่อรถไฟฟ้าผมแบกกระเป๋าคอมเป็นเวลานาน ทำให้เป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ช่วงนี้นี่เองที่ผมติดเบียร์นะครับเพราะผมย้ายไปแบบไม่รู้ว่าพื้นฐานครอบครัวเธอเป็นอย่างไร ผมไม่มีใครคุยด้วยนอกจากภรรยา ส่วนพ่อเธอนั้นเราก็ต่างคนต่างอยู่ผมเริ่มกู้เงินมาหมุนเพื่อมาใช้เดินทางผมไม่ได้เหลวไหลชีวิตมีแต่ที่ทำงานแล้วก็ที่บ้านเสาร์อาทิตย์ก็ดื่มเบียร์เพราะผมไม่มีเพื่อนด้วยความห่างไกลจากตัวเมือง เงินที่กู้มาก็ใช้ในการซื้ออาหารกินกันในครอบครัวเธอ ตอนเธอไม่อยู่ผมก็ดูแลพ่อเธออย่างดี แล้วก็ซื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในโฮมสเตย์ เช่นเครื่องตัดหญ้า เครื่องทำน้ำร้อน เครื่องอบผ้า แม้แต่ทีวีที่เธอใช้ดูตอนนี้ก็เป็นของผมซึ่งผมก็ไม่ได้อยู่บ้านเธอฟรีๆค่าน้ำที่บ้านค่าอาหารที่จ่ายรายอาทิตย์ ค่าอินเตอร์เน็ตที่โฮมสเตย์ผมก็ออกให้ ผมเคยลงเรียน fashion design แต่เรียนเสาร์อาทิตย์ทำให้ไปเรียนไม่ได้เพราะว่าต้องไปดูแลโฮมสเตย์ แล้วผมไปเช่าหออยู่แถวออฟฟิศเธอก็ไม่ให้ไปร้องไห้บอกว่าเราจะไม่เป็นครอบครัว ทำให้ผมต้องนั่งแท็กซี่ไปกลับที่ทำงาน แล้วอีกอย่างคือผมเป็นโรคซึมเศร้า ต้องจ่ายเงินค่ายาทุกเดือน หลายอย่างรวมกันทำให้ผมต้องกู้เงินอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมกู้ไปซื้อคอมพิวเตอร์ กับแท็บเล็ตไว้ทำงาน ผมทำงานหนักมากวันธรรมดาทำงาคนที่กรุงเทพวันเสาร์อาทิตย์ทำงานที่โฮมสเตย์ แล้วมีวันหนึ่งผมไปหาหมอ หมอบอกว่าผมต้องพัก30วันทำให้ผมต้องลาออกจากงานเพราะที่ออฟฟิศไม่ยอม และโรคผิวหนังอีก ผมออกมาจากงานเธอให้ผมไปดูแลโฮมสเตย์คนเดียว วันนั้นผมกินเบียร์ไปจนเมา
แล้วกลัวทำให้พ่อแม่ต้องมารับ หลังจากนั้นผมก็ต้องอยู่บ้านพ่อกับแม่มาตลอด ผมเลือกดื่มเบียร์เพื่อแก้ปัญหา ทั้งหนี้สินรุมเร้าและงานที่ไม่มีทำ ผมนั่งทำตามความฝันของเธอทุกอย่างจนลืมตัวเองแล้วก็มานั่งเสียใจในตอนที่เธอไปแล้ว ผมรู้ว่าผมไม่เด็ดขาดเพราะเราไม่เคยคุยกันเรื่องเงินเลย ตอนนี้ผมบำบัดอาการติดสุราแล้ว มีงานทำแล้ว แต่เรื่องมันก็ยังไม่จบงานที่ทำไม่ได้รับงบประมาณจากรัฐบาล เนื่องจากออฟฟิศผมเป็นซัพพลายเฮอร์ ให้รัฐบาลต้องได้งบจากกรมบัญชีกลางก่อนถึงจะลงมือทำได้ ผมโดนเลิกจ้างซึ่งผมทำงานไปได้แค่ครึ่งเดือน ผมสับสนมากระหว่างกับไปอยู่บ้านอดีตภรรยาผม หรืออยู่บ้านพ่อกับแม่ต่อไป เพราะที่บ้านอดีตภรรยาผมมีของหลายอย่างที่นำมาขายหาเลี้ยงชีพได้ระหว่างตกงานครับ ตอนนี้ยอดรวมหนี้ ทั้งหมด 800,000 กว่าบาทรู้สึกเครียดมากครับ
อยากระบายครับอยากระบาย
ผมเก็บเรื่องนี้ไว้มา10เดือนแล้ว เก็บไว้ไม่ไหวแล้ว
คือผมกับภรรยาแต่งงานกันมาประมาณ5ปีแต่เรารู้จักกันมากกว่า10ปี เรื่องมันก็เกิดขึ้นหลังจากภรรยาผมมีความฝันว่าจะทำโฮมสเตย์เล็กๆที่ต่างจังหวัดซึ่งนั้นก็ทำทำให้ผมต้องเข้าไปมีส่วนร่วมคือเธออยากให้ผมช่วยออกเงินค่าทำบ้านเดือนละ 9000 ส่วนเธอออก 7000 บาท ตอนนั้นเรายังไม่ได้แต่งงานกัน แล้วตอนนั้นเป็นช่วงโควิดผมโดนลดเงินเดือนแต่ผมต้องจ่ายค่าบ้าน 9000บาท กับค่าห้อง อีก6พันกว่าบาท จนบ้านที่ต่างจังหวัดเสร็จสามารถเปิดโฮมสเตย์ได้ซึ่งรายรับมันไม่พอกับรายจ่าย ทำให้ผมต้องไปกู้เงินมาใช้เพื่อหมุนเงินให้เธอทำบ้านซื้อเฟอร์นิเจอร์และจัดงานแต่งงานเรื่องราวก็เป็นอย่างนี่ไปซักปีกว่าๆเราก็ตกลงที่จะแต่งงานกัน ตอนแรกผมอยู่หอพักแถวที่ทำงานแล้วที่นี่เธออยากให้ผมไปอยู่กับเธอเพื่อจะได้เป็นครอบครัว ผมก็เลยย้ายจากหอพักแถวสาธรไปอยู่มีนบุรี ซึ่งที่ทำงานของผมอยู่แถวสาธร ช่วงนี้เธอออกค่าใช้จ่ายที่ผ่อนบ้านจาก 7000 เป็น 9000 เพราะผมต้องเดินทางไกลแล้วการเดินทางไปทำงานนั้นต้องนั่ง Taxi ไปต่อรถไฟฟ้าผมแบกกระเป๋าคอมเป็นเวลานาน ทำให้เป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ช่วงนี้นี่เองที่ผมติดเบียร์นะครับเพราะผมย้ายไปแบบไม่รู้ว่าพื้นฐานครอบครัวเธอเป็นอย่างไร ผมไม่มีใครคุยด้วยนอกจากภรรยา ส่วนพ่อเธอนั้นเราก็ต่างคนต่างอยู่ผมเริ่มกู้เงินมาหมุนเพื่อมาใช้เดินทางผมไม่ได้เหลวไหลชีวิตมีแต่ที่ทำงานแล้วก็ที่บ้านเสาร์อาทิตย์ก็ดื่มเบียร์เพราะผมไม่มีเพื่อนด้วยความห่างไกลจากตัวเมือง เงินที่กู้มาก็ใช้ในการซื้ออาหารกินกันในครอบครัวเธอ ตอนเธอไม่อยู่ผมก็ดูแลพ่อเธออย่างดี แล้วก็ซื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในโฮมสเตย์ เช่นเครื่องตัดหญ้า เครื่องทำน้ำร้อน เครื่องอบผ้า แม้แต่ทีวีที่เธอใช้ดูตอนนี้ก็เป็นของผมซึ่งผมก็ไม่ได้อยู่บ้านเธอฟรีๆค่าน้ำที่บ้านค่าอาหารที่จ่ายรายอาทิตย์ ค่าอินเตอร์เน็ตที่โฮมสเตย์ผมก็ออกให้ ผมเคยลงเรียน fashion design แต่เรียนเสาร์อาทิตย์ทำให้ไปเรียนไม่ได้เพราะว่าต้องไปดูแลโฮมสเตย์ แล้วผมไปเช่าหออยู่แถวออฟฟิศเธอก็ไม่ให้ไปร้องไห้บอกว่าเราจะไม่เป็นครอบครัว ทำให้ผมต้องนั่งแท็กซี่ไปกลับที่ทำงาน แล้วอีกอย่างคือผมเป็นโรคซึมเศร้า ต้องจ่ายเงินค่ายาทุกเดือน หลายอย่างรวมกันทำให้ผมต้องกู้เงินอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมกู้ไปซื้อคอมพิวเตอร์ กับแท็บเล็ตไว้ทำงาน ผมทำงานหนักมากวันธรรมดาทำงาคนที่กรุงเทพวันเสาร์อาทิตย์ทำงานที่โฮมสเตย์ แล้วมีวันหนึ่งผมไปหาหมอ หมอบอกว่าผมต้องพัก30วันทำให้ผมต้องลาออกจากงานเพราะที่ออฟฟิศไม่ยอม และโรคผิวหนังอีก ผมออกมาจากงานเธอให้ผมไปดูแลโฮมสเตย์คนเดียว วันนั้นผมกินเบียร์ไปจนเมา
แล้วกลัวทำให้พ่อแม่ต้องมารับ หลังจากนั้นผมก็ต้องอยู่บ้านพ่อกับแม่มาตลอด ผมเลือกดื่มเบียร์เพื่อแก้ปัญหา ทั้งหนี้สินรุมเร้าและงานที่ไม่มีทำ ผมนั่งทำตามความฝันของเธอทุกอย่างจนลืมตัวเองแล้วก็มานั่งเสียใจในตอนที่เธอไปแล้ว ผมรู้ว่าผมไม่เด็ดขาดเพราะเราไม่เคยคุยกันเรื่องเงินเลย ตอนนี้ผมบำบัดอาการติดสุราแล้ว มีงานทำแล้ว แต่เรื่องมันก็ยังไม่จบงานที่ทำไม่ได้รับงบประมาณจากรัฐบาล เนื่องจากออฟฟิศผมเป็นซัพพลายเฮอร์ ให้รัฐบาลต้องได้งบจากกรมบัญชีกลางก่อนถึงจะลงมือทำได้ ผมโดนเลิกจ้างซึ่งผมทำงานไปได้แค่ครึ่งเดือน ผมสับสนมากระหว่างกับไปอยู่บ้านอดีตภรรยาผม หรืออยู่บ้านพ่อกับแม่ต่อไป เพราะที่บ้านอดีตภรรยาผมมีของหลายอย่างที่นำมาขายหาเลี้ยงชีพได้ระหว่างตกงานครับ ตอนนี้ยอดรวมหนี้ ทั้งหมด 800,000 กว่าบาทรู้สึกเครียดมากครับ