ที่ปรึกษาองค์กรสิทธิฯ-ส.ส.ก้าวไกล ‘วิโรจน์-ศุภณัฐ’ จี้เอาผิดอาญาครูร.ร.ดังตบเด็กหน้าหัน
https://www.matichon.co.th/education/news_4203226
ที่ปรึกษาองค์กรสิทธิฯ – ส.ส.ก้าวไกล ‘วิโรจน์-ศุภณัฐ’ จี้เอาผิดอาญาครูร.ร.ดังตบเด็กหน้าหัน ลั่นไม่ควรเป็นครูอีกต่อไป
จากกรณีครู ร.ร.ดังย่านรามคำแหง ตบนักเรียนจนหน้าหัน สาเหตุอยากให้เรียก ‘แม่’ แต่เด็กตอบกลับมีแม่คนเดียวนั้น
เมื่อวันที่ 27 กันยายน นาย
สุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาองค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติ ฮิวแมนไรตส์วอตช์ (Human Rights Watch) ประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X (ทวิตเตอร์เดิม) ด้วยข้อความระบุว่า
ไ
ม่ว่าจะอย่างไรนี่คือการทำร้ายร่างกายเด็ก! อย่าปล่อยให้คนทำผิดกฎหมายลอยนวล!
ขณะที่ นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่า
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ครูก็ใช้ความรุนแรงตบเด็กแบบนี้ไม่ได้ครับ
จากคลิป แม้ว่าเด็กจะพนมมือแล้ว ครูก็ยังตบซ้ำอีก ย่อมถือว่าครูมีเจตนาทำร้ายเด็ก ไม่สามารถอ้างเหตุบันดาลโทสะได้
ถ้าบุคคลดังกล่าวเป็นครูจริง ก็ไม่สมควรเป็นครูอีกต่อไป และต้องถูกดำเนินคดีอาญาด้วยครับ
ส่วน นาย
ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวว่า
อาญา นะครับ
การตบนักเรียนหรือตีเด็ก เข้าข่ายเป็นความผิดกฎหมาย
– มาตรา 85 และ 96 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 ถ้าผิดวินัยอย่างร้ายแรง อาจถูกลงโทษถึงขั้นปลดออกหรือไล่ออก
– และ มาตรา 295 ประมวลกฎหมายอาญา ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
https://twitter.com/sunaibkk/status/1707056859977535708
https://twitter.com/wirojlak/status/1707034871624020062
https://twitter.com/SuphanatMFP/status/1707042564631826846
โซเชียลขุดวีรกรรม ครูแนะแนว ร.ร.ดัง ตบ น.ร.จนหน้าหัน ทำร้ายร่างกาย-ยืมเงินเด็กแล้วไม่คืน ชอบบังคับให้เรียกแม่
https://www.matichon.co.th/social/news_4203500
จากกรณีครู ร.ร.ดังย่านรามคำแหง ตบนักเรียนจนหน้าหัน แม้เด็กจะยกมือขอโทษ แต่ยังไม่หยุด กลับตบเด็กซ้ำอีกครั้ง สาเหตุอยากให้เรียก ‘แม่’ แต่เด็กตอบกลับมีแม่คนเดียวนั้น
ล่าสุด ในโลกออนไลน์ ได้ขุดวีรกรรมครูคนดังกล่าวขึ้นมาจำนวนมาก พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมโรงเรียนถึงไม่ดำเนินการ หรือจัดการกับครูรายนี้
จากการรวบรวมข้อมูล ที่ชาวเน็ตเปิดเผย พบข้อมูลที่น่าตกใจว่า ครูรายนี้เป็นอาจารย์จิตวิทยาการบริการให้คำปรึกษาและแนะแนว หรืออาจารย์แนะแนว
โดยอาจารย์แนะแนวนั้น มีหน้าที่ให้คำแนะนำนักเรียนที่ต้องการวางแผนการเรียนหรือการเลือกอาชีพ และให้ความช่วยเหลือนักเรียนที่พบเจอปัญหาภายในโรงเรียนด้วย
ทำให้หลายคนสงสัยว่าครูที่ทำร้ายร่างกายนักเรียนนั้น เป็นครูแนะแนวจริงหรือ?
นอกจากนี้ ชาวเน็ตยังเปิดเผยพฤติกรรมครูรายดังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ครูรายนี้ชอบให้เด็กเรียกว่า “แม่” บางคนถึงขั้นเจอว่า ถ้าไม่ยอมเรียกแม่จะหักคะแนน พร้อมกับเคยถูกครูรายนี้ทำร้ายร่างกายเด็กบ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นหยิก ต่อยท้อง พร้อมกับด่าหยาบๆ คายๆ อีกด้วย
ที่สำคัญ นักเรียนบางคนยังถูกครูรายนี้ ยืมเงินหลักพันแล้วไม่คืนอีกด้วย!
พร้อมกับตั้งคำถามถึงโรงเรียนดังว่า ทำไมถึงปล่อยให้บุคลากรแบบนี้อยู่ในโรงเรียนอีก
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวตรวจดูเพจโรงเรียนที่เป็นประเด็น ทางเพจโรงเรียนยังไม่ได้ออกมาชี้แจงในประเด็นดังกล่าว
‘ส.อ.ท.’ ให้คะแนนนรัฐบาลเศรษฐา ‘ปานกลาง’ จี้ลดราคาพลังงาน แก้กฎหมายไม่จำเป็น
https://www.matichon.co.th/economy/news_4203557
นาย
มนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 33 ในเดือนกันยายน 2566 ภายใต้หัวข้อ “
นโยบายรัฐบาลใหม่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมแค่ไหน” โดยผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 290 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด ผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่า จากการแถลงนโยบายรัฐบาลใหม่ของนาย
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระหว่างวันที่ 11 – 12 กันยายน 2566 ที่ผ่านมานั้น มีนโยบายหลายเรื่องที่น่าสนใจและจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติทั้งในมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม หากภาครัฐสามารถนำไปขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้จากผลการสำรวจคณะกรรมการ ส.อ.ท. ส่วนใหญ่คิดว่านโยบายของรัฐใหม่สามารถตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมได้ในระดับปานกลาง เนื่องจากผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมา ส่งผลให้มีการบ้านหลายเรื่องที่ภาครัฐจะต้องเข้ามาดูแลให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SME ที่ยังไม่สามารถฟื้นตัว ทั้งนี้ในรายละเอียดนโยบายของรัฐบาลใหม่ มีหลายเรื่องที่ ส.อ.ท. ให้ความสนใจและมองว่าจะสร้างผลกระทบต่อการขับเคลื่อนประเทศในด้านต่างๆ ได้ อาทิ ในส่วนของมาตรการเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ ส.อ.ท. ให้ความสำคัญกับมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชนและปรับโครงสร้างการใช้พลังงานของประเทศ เป็นลำดับแรก
ส่วนนโยบายด้านเศรษฐกิจ ส.อ.ท. ให้ความสำคัญกับการยกเลิกและปรับปรุงกฎหมายที่ไม่จำเป็น เพื่อสร้างโอกาสให้กับประชาชนในการสร้างรายได้ เป็นลำดับแรก ด้านนโยบายที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตร ส.อ.ท. ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการวิจัย พัฒนาพันธุ์เพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มมูลค่าภาคการเกษตร ขณะที่นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ส.อ.ท. ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานสะอาด เป็นลำดับแรก โดยนโยบายเหล่านี้เป็นนโยบายที่ภาคอุตสาหกรรมต้องการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อสร้างรากฐานที่ดีในการพัฒนาประเทศในระยะถัดไป
นอกจากนี้ เมื่อถามถึงนโยบายที่ ส.อ.ท. ให้ความสำคัญในการดูแลแรงงาน พบว่า ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานให้ครบทุกสาขาอาชีพ เพื่อให้สามารถจ่ายค่าจ้างได้ตามความสามารถของแรงงาน (Pay by Skills) ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ลูกจ้างได้ค่าจ้างเพิ่มขึ้นตามความสามารถ และในส่วนของผู้ประกอบการเองก็ได้ประโยชน์จากประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นด้วย
สำหรับ 6 คำถาม มีรายละเอียดดังนี้
1.
นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ ที่ภาคอุตสาหกรรมคิดว่ามีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชนและปรับโครงสร้างการใช้พลังงานของประเทศ 85.9%
อันดับที่ 2 : แก้ปัญหาหนี้สินทั้งในภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน 57.6%
อันดับที่ 3 : ผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว อาทิ Free Visa 52.1%
อันดับที่ 4 : นโยบายการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet 27.2%
2.
นโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ที่ภาคอุตสาหกรรมคิดว่ามีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : ยกเลิกและปรับปรุงกฎหมายที่ไม่จำเป็น เพื่อสร้างโอกาสให้กับประชาชนในการสร้างรายได้ 72.8%
อันดับที่ 2 : การทูตเศรษฐกิจเชิงรุกเพื่อเปิดประตูการค้าสู่ตลาดใหม่ๆ และเร่งการเจรจากรอบความร่วมมือเขตการค้าเสรี (FTA) 53.4%
อันดับที่ 3 : พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและอุตสาหกรรมสีเขียว 51.0%
อันดับที่ 4 : ปรับปรุงกระบวนการ พิจารณาอนุมัติโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) 46.6%
3.
นโยบายส่งเสริมการเกษตรของรัฐบาลใหม่ ที่ภาคอุตสาหกรรมท่านคิดว่าจะช่วยยกระดับภาคการเกษตร (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : วิจัย พัฒนาพันธุ์ เพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มมูลค่าผลตอบแทนต่อไร่ให้สูงขึ้น รวมทั้งการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรให้มีมูลค่าสูงขึ้น 65.9%
อันดับที่ 2 : บูรณาการองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ 61.7%
อันดับที่ 3 : สร้างรายได้ในภาคการเกษตรโดยใช้หลักการตลาดนำนวัตกรรมเสริม59.3%
อันดับที่ 4 : สนับสนุนให้เปลี่ยนแปลงการปลูกพืชให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและเศรษฐกิจ 55.2%
4. นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลใหม่ ที่ภาคอุตสาหกรรมคิดว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : ส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน 67.2%
อันดับที่ 2 : วางแผนรับมือและป้องกันวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 60.0
อันดับที่ 3 : ส่งเสริมและเร่งฟื้นฟูความสมบูรณ์ของดินและน้ำคืนสู่ธรรมชาติแก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมและมลภาวะ 55.2%
อันดับที่ 4 : แก้ไขปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 เป็นวาระแห่งชาติ 54.1%
5. รัฐบาลใหม่ควรดำเนินนโยบายด้านการดูแลแรงงานอย่างไร (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : ผลักดันให้มีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานให้ครบทุกสาขาอาชีพเพื่อให้สามารถจ่ายค่าจ้างได้ตามความสามารถ (Pay by Skills) 66.9%
อันดับที่ 2 : สนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาทักษะ UpSkill / Reskill ให้รองรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ 65.2%
อันดับที่ 3 : ใช้กลไกคณะกรรมการค่าจ้างไตรภาคี รายจังหวัดในการพิจารณาปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 62.1%
อันดับที่ 4 : พัฒนาระบบฐานข้อมูล Big Data ของแรงงานทั้งระบบเพื่อใช้ในการวางแผนพัฒนากำลังคน และสร้างความสมดุลด้านกำลังแรงงานในแต่ละ Sector 52.8%
6. นโยบายรัฐบาลใหม่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมในระดับใด
อันดับที่ 1 : ปานกลาง 64.1%
อันดับที่ 2 : น้อย 22.1%
อันดับที่ 3 : มาก 13.8%
JJNY : จี้เอาผิดอาญาครูร.ร.ดัง│โซเชียลขุดวีรกรรมครู│ส.อ.ท.ให้คะแนนนรบ.เศรษฐา‘ปานกลาง’│เกาหลีเหนือประกาศเป็นรัฐนิวเคลียร์
https://www.matichon.co.th/education/news_4203226
ที่ปรึกษาองค์กรสิทธิฯ – ส.ส.ก้าวไกล ‘วิโรจน์-ศุภณัฐ’ จี้เอาผิดอาญาครูร.ร.ดังตบเด็กหน้าหัน ลั่นไม่ควรเป็นครูอีกต่อไป
จากกรณีครู ร.ร.ดังย่านรามคำแหง ตบนักเรียนจนหน้าหัน สาเหตุอยากให้เรียก ‘แม่’ แต่เด็กตอบกลับมีแม่คนเดียวนั้น
เมื่อวันที่ 27 กันยายน นายสุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาองค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติ ฮิวแมนไรตส์วอตช์ (Human Rights Watch) ประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X (ทวิตเตอร์เดิม) ด้วยข้อความระบุว่า
ไม่ว่าจะอย่างไรนี่คือการทำร้ายร่างกายเด็ก! อย่าปล่อยให้คนทำผิดกฎหมายลอยนวล!
ขณะที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่า
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ครูก็ใช้ความรุนแรงตบเด็กแบบนี้ไม่ได้ครับ
จากคลิป แม้ว่าเด็กจะพนมมือแล้ว ครูก็ยังตบซ้ำอีก ย่อมถือว่าครูมีเจตนาทำร้ายเด็ก ไม่สามารถอ้างเหตุบันดาลโทสะได้
ถ้าบุคคลดังกล่าวเป็นครูจริง ก็ไม่สมควรเป็นครูอีกต่อไป และต้องถูกดำเนินคดีอาญาด้วยครับ
ส่วน นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวว่า
อาญา นะครับ
การตบนักเรียนหรือตีเด็ก เข้าข่ายเป็นความผิดกฎหมาย
– มาตรา 85 และ 96 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 ถ้าผิดวินัยอย่างร้ายแรง อาจถูกลงโทษถึงขั้นปลดออกหรือไล่ออก
– และ มาตรา 295 ประมวลกฎหมายอาญา ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
https://twitter.com/sunaibkk/status/1707056859977535708
https://twitter.com/wirojlak/status/1707034871624020062
https://twitter.com/SuphanatMFP/status/1707042564631826846
โซเชียลขุดวีรกรรม ครูแนะแนว ร.ร.ดัง ตบ น.ร.จนหน้าหัน ทำร้ายร่างกาย-ยืมเงินเด็กแล้วไม่คืน ชอบบังคับให้เรียกแม่
https://www.matichon.co.th/social/news_4203500
จากกรณีครู ร.ร.ดังย่านรามคำแหง ตบนักเรียนจนหน้าหัน แม้เด็กจะยกมือขอโทษ แต่ยังไม่หยุด กลับตบเด็กซ้ำอีกครั้ง สาเหตุอยากให้เรียก ‘แม่’ แต่เด็กตอบกลับมีแม่คนเดียวนั้น
ล่าสุด ในโลกออนไลน์ ได้ขุดวีรกรรมครูคนดังกล่าวขึ้นมาจำนวนมาก พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมโรงเรียนถึงไม่ดำเนินการ หรือจัดการกับครูรายนี้
จากการรวบรวมข้อมูล ที่ชาวเน็ตเปิดเผย พบข้อมูลที่น่าตกใจว่า ครูรายนี้เป็นอาจารย์จิตวิทยาการบริการให้คำปรึกษาและแนะแนว หรืออาจารย์แนะแนว
โดยอาจารย์แนะแนวนั้น มีหน้าที่ให้คำแนะนำนักเรียนที่ต้องการวางแผนการเรียนหรือการเลือกอาชีพ และให้ความช่วยเหลือนักเรียนที่พบเจอปัญหาภายในโรงเรียนด้วย
ทำให้หลายคนสงสัยว่าครูที่ทำร้ายร่างกายนักเรียนนั้น เป็นครูแนะแนวจริงหรือ?
นอกจากนี้ ชาวเน็ตยังเปิดเผยพฤติกรรมครูรายดังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ครูรายนี้ชอบให้เด็กเรียกว่า “แม่” บางคนถึงขั้นเจอว่า ถ้าไม่ยอมเรียกแม่จะหักคะแนน พร้อมกับเคยถูกครูรายนี้ทำร้ายร่างกายเด็กบ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นหยิก ต่อยท้อง พร้อมกับด่าหยาบๆ คายๆ อีกด้วย
ที่สำคัญ นักเรียนบางคนยังถูกครูรายนี้ ยืมเงินหลักพันแล้วไม่คืนอีกด้วย!
พร้อมกับตั้งคำถามถึงโรงเรียนดังว่า ทำไมถึงปล่อยให้บุคลากรแบบนี้อยู่ในโรงเรียนอีก
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวตรวจดูเพจโรงเรียนที่เป็นประเด็น ทางเพจโรงเรียนยังไม่ได้ออกมาชี้แจงในประเด็นดังกล่าว
‘ส.อ.ท.’ ให้คะแนนนรัฐบาลเศรษฐา ‘ปานกลาง’ จี้ลดราคาพลังงาน แก้กฎหมายไม่จำเป็น
https://www.matichon.co.th/economy/news_4203557
นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 33 ในเดือนกันยายน 2566 ภายใต้หัวข้อ “นโยบายรัฐบาลใหม่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมแค่ไหน” โดยผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 290 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด ผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่า จากการแถลงนโยบายรัฐบาลใหม่ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระหว่างวันที่ 11 – 12 กันยายน 2566 ที่ผ่านมานั้น มีนโยบายหลายเรื่องที่น่าสนใจและจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติทั้งในมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม หากภาครัฐสามารถนำไปขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้จากผลการสำรวจคณะกรรมการ ส.อ.ท. ส่วนใหญ่คิดว่านโยบายของรัฐใหม่สามารถตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมได้ในระดับปานกลาง เนื่องจากผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมา ส่งผลให้มีการบ้านหลายเรื่องที่ภาครัฐจะต้องเข้ามาดูแลให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SME ที่ยังไม่สามารถฟื้นตัว ทั้งนี้ในรายละเอียดนโยบายของรัฐบาลใหม่ มีหลายเรื่องที่ ส.อ.ท. ให้ความสนใจและมองว่าจะสร้างผลกระทบต่อการขับเคลื่อนประเทศในด้านต่างๆ ได้ อาทิ ในส่วนของมาตรการเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ ส.อ.ท. ให้ความสำคัญกับมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชนและปรับโครงสร้างการใช้พลังงานของประเทศ เป็นลำดับแรก
ส่วนนโยบายด้านเศรษฐกิจ ส.อ.ท. ให้ความสำคัญกับการยกเลิกและปรับปรุงกฎหมายที่ไม่จำเป็น เพื่อสร้างโอกาสให้กับประชาชนในการสร้างรายได้ เป็นลำดับแรก ด้านนโยบายที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตร ส.อ.ท. ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการวิจัย พัฒนาพันธุ์เพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มมูลค่าภาคการเกษตร ขณะที่นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ส.อ.ท. ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานสะอาด เป็นลำดับแรก โดยนโยบายเหล่านี้เป็นนโยบายที่ภาคอุตสาหกรรมต้องการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อสร้างรากฐานที่ดีในการพัฒนาประเทศในระยะถัดไป
นอกจากนี้ เมื่อถามถึงนโยบายที่ ส.อ.ท. ให้ความสำคัญในการดูแลแรงงาน พบว่า ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานให้ครบทุกสาขาอาชีพ เพื่อให้สามารถจ่ายค่าจ้างได้ตามความสามารถของแรงงาน (Pay by Skills) ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ลูกจ้างได้ค่าจ้างเพิ่มขึ้นตามความสามารถ และในส่วนของผู้ประกอบการเองก็ได้ประโยชน์จากประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นด้วย
สำหรับ 6 คำถาม มีรายละเอียดดังนี้
1. นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ ที่ภาคอุตสาหกรรมคิดว่ามีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชนและปรับโครงสร้างการใช้พลังงานของประเทศ 85.9%
อันดับที่ 2 : แก้ปัญหาหนี้สินทั้งในภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน 57.6%
อันดับที่ 3 : ผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว อาทิ Free Visa 52.1%
อันดับที่ 4 : นโยบายการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet 27.2%
2. นโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ที่ภาคอุตสาหกรรมคิดว่ามีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : ยกเลิกและปรับปรุงกฎหมายที่ไม่จำเป็น เพื่อสร้างโอกาสให้กับประชาชนในการสร้างรายได้ 72.8%
อันดับที่ 2 : การทูตเศรษฐกิจเชิงรุกเพื่อเปิดประตูการค้าสู่ตลาดใหม่ๆ และเร่งการเจรจากรอบความร่วมมือเขตการค้าเสรี (FTA) 53.4%
อันดับที่ 3 : พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและอุตสาหกรรมสีเขียว 51.0%
อันดับที่ 4 : ปรับปรุงกระบวนการ พิจารณาอนุมัติโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) 46.6%
3. นโยบายส่งเสริมการเกษตรของรัฐบาลใหม่ ที่ภาคอุตสาหกรรมท่านคิดว่าจะช่วยยกระดับภาคการเกษตร (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : วิจัย พัฒนาพันธุ์ เพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มมูลค่าผลตอบแทนต่อไร่ให้สูงขึ้น รวมทั้งการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรให้มีมูลค่าสูงขึ้น 65.9%
อันดับที่ 2 : บูรณาการองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ 61.7%
อันดับที่ 3 : สร้างรายได้ในภาคการเกษตรโดยใช้หลักการตลาดนำนวัตกรรมเสริม59.3%
อันดับที่ 4 : สนับสนุนให้เปลี่ยนแปลงการปลูกพืชให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและเศรษฐกิจ 55.2%
4. นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลใหม่ ที่ภาคอุตสาหกรรมคิดว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : ส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน 67.2%
อันดับที่ 2 : วางแผนรับมือและป้องกันวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 60.0
อันดับที่ 3 : ส่งเสริมและเร่งฟื้นฟูความสมบูรณ์ของดินและน้ำคืนสู่ธรรมชาติแก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมและมลภาวะ 55.2%
อันดับที่ 4 : แก้ไขปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 เป็นวาระแห่งชาติ 54.1%
5. รัฐบาลใหม่ควรดำเนินนโยบายด้านการดูแลแรงงานอย่างไร (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : ผลักดันให้มีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานให้ครบทุกสาขาอาชีพเพื่อให้สามารถจ่ายค่าจ้างได้ตามความสามารถ (Pay by Skills) 66.9%
อันดับที่ 2 : สนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาทักษะ UpSkill / Reskill ให้รองรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ 65.2%
อันดับที่ 3 : ใช้กลไกคณะกรรมการค่าจ้างไตรภาคี รายจังหวัดในการพิจารณาปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 62.1%
อันดับที่ 4 : พัฒนาระบบฐานข้อมูล Big Data ของแรงงานทั้งระบบเพื่อใช้ในการวางแผนพัฒนากำลังคน และสร้างความสมดุลด้านกำลังแรงงานในแต่ละ Sector 52.8%
6. นโยบายรัฐบาลใหม่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมในระดับใด
อันดับที่ 1 : ปานกลาง 64.1%
อันดับที่ 2 : น้อย 22.1%
อันดับที่ 3 : มาก 13.8%