ทริปประหยัด 1,xxx เที่ยวภูเก็ต หาดใหญ่ มาเลเซีย สิงค์โปร์ ก.ย. 2023 (เฉพาะค่าเดินทางเริ่มจากภูเก็ตจนถึงสิงค์โปร์)

กระทู้สนทนา

เกริ่นก่อนนะครับ พอดีผมได้ไปทำธุระที่ภูเก็ตและหาดใหญ่พอดี

โดยจะเริ่มการเดินทางทั้งหมดที่ภูเก็ตนะครับ

เริ่มต้นที่ภูเก็ต ที่พักจะอยู่แถวหาดกะตะครับ พอดีมีไซต์งานที่ต้องไปคุมงานอยู่ซึ่งเป็นรีสอร์ทชื่อดังในย่านนั้น การเดินทางส่วนใหญ่จะเดินครับ

เพราะว่าติดชายหาดพอดี ส่วนกิจกรรมอื่น ๆ ที่รีสอร์ทมีก็จะเป็นพวกดำน้ำ (Snorkeling) กีฬาต่าง ๆ การใช้บริการ Grab ที่นี่ค่อนข้างแพง

ส่วนใหญ่จะเดินครับ ทั้งเที่ยวทั้งทำงานก็ชิวๆ ไปอีกแบบครับ ร้านแนะนำ .. ข้าวต้มแห้ง, โรตีโอ่ง ณ.สวนหลวง, น้ำพริกกุ้งเสียบของร้านระย้า ....

หลังจากที่เสร็จภารกิจก็ต้องเดินทางไปหาดใหญ่เลยคิดว่าจะเดินทางช่วงกลางคืนไม่ต้องเสียค่าที่พักอีก โดยเลือกบริการรถบัสของ

บริษัทศรีตรังทัวร์เส้นทาง 443 เดินทางจาก บขส.2 ภูเก็ตเพื่อเดินทางไปยัง หาดใหญ่ (396 บาท)

การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาทั้งหมด 7 ชั่วโมง ออกจากภูเก็ตประมาณ 21:30 น. ไปถึงเกือบ 6 โมงเช้าครับ

พอไปถึงก็เดินหาอะไรกินแถวนั้น แล้วก็ไปทำธุระต่อ ....... ที่หาดใหญ่ไม่ค่อยได้ไปไหนส่วนใหญ่ จะไปหาอะไรกินอร่อย ๆ มากกว่า

การเดินทางส่วนใหญ่จะอาศัยไปกับพี่ ๆ ที่ทำงานครับ แกเป็นคนในพื้นที่ คอยแนะนำร้านอาหารและสถานที่ต่างๆ ส่วนนี้ก็ประหยัดค่าใช้จ่าย

ในเดินทางไปได้มากเลยทีเดียว ชอบร้านข้าวแกงที่นี่เกือบทุกร้านเลยครับใส่ใจในทุกเมนู มีน้ำพริกกะปิ พร้อมเครื่องเคียงแบบจุก ๆ

ร้านที่แนะนำ ข้าวแกงพี่ตุ่ม, ข้าวแกงนายหลำ, ร้านข้าวต้มนายยาว นอกนั้นก็จะเป็นร้านกาแฟที่จุดเด่นของแต่ละร้านครับ

จบจากการทำธุระที่หาดใหญ่ ต่อไปจะเริ่มทริปในแบบไม่ได้วางแผน ไม่มีจุดหมาย เน้นไปเรื่อยๆ ครับฮ่า ๆ ก็หาข้อมูลทั่วไปตาม Youtube, Google

ก็คิดว่าจะไปปีนัง (Penang) ประเทศมาเลเซีย เริ่มต้นการเดินทางโดยรถไฟหาดใหญ่ ไปแบบ งงๆ จากรีวิวเขาแนะนำให้ไปรอบแรกของวัน

โดยการเดินทางของวันนี้เริ่มต้นจาก ชุมทางหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ ออก 7:40 น. ถึง 8:35 น. เป็นรถชั้น 3 (พัดลม) ในราคา 50 บาท

พอมาถึงด่าน ปาดังเบซาร์ ก็เตรียมพาสปอร์ต เข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองเพื่อประทับตราออกนอกประเทศไทยและเข้าประเทศมาเลเซีย หลังจากประทับ

เรียบร้อยแล้วพึ่งมานึกได้ว่าไม่ได้แลกเงินมา ไม่ได้ซื้อแพ็กเกจอินเตอร์เน็ต เดินไปเดินมาลองไปถามพี่คนไทยที่มาขบวนเดียวกันก็แนะนำให้ใช้เงินไทย

แลกแถวร้านค้าผมแลกไปทั้งหมด 1,000 บาท ได้มา 127 ริงกิด (RM) ในส่วนของอินเทอร์เน็ตเลือกใช้แพ็กเกจ Ready2Fly ประเทศเพื่อนบ้าน มีอัตราค่าบริการ 93 บาท - รับสิทธิ์ใช้งานอินเทอร์เน็ต สำหรับประเทศเพื่อนบ้าน 2 GB นาน 7 วัน - เมื่อใช้งานครบตามปริมาณที่กำหนด สามารถใช้งานต่อได้ที่ความเร็ว 64 Kbps. (หรือใครจะซื้อซิมของมาเลเซียก็ได้นะครับ ราคาประมาณ 100-300 บาทแล้วแต่ร้าน)

นี่คือร้านที่ผมไปแลกเงินนะครับ เขาจะให้เราโอนเงินผ่าน QR Code เป็นบัญชีของประเทศไทยครับแล้วเขาก็จะคำนวณให้

จากนั้นก็ซื้อตั๋วจาก ปาดังเบซาร์ - Butterworth ในราคา MYR 11.40 (87 บาท) ค่าเงินในวันที่ 23/9/66 ..1RM=7.61 บาท

เดินทางโดยรถไฟฟ้าผ่านทั้งหมด 12 สถานีโดย Butterworth เป็นสถานีสุดท้าย ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชม.

พอถึง Butterworth ก็เดินต่อไปท่าเรือ Ferry Terminal หาป้ายนี้แล้วเดินตามป้ายไปเลยครับ

เดินมาจนเจอจุดซื้อตั๋วเพื่อข้ามฝั่งจาก Butterworth - Penang โดยเรือจะออกทุกครึ่งชม ค่าโดยสารคนละ RM 2 (16 บาท)

พอถึงฝั่งปีนังก็เดินไปยังที่พัก ผมพักย่าน George Town ซึ่งไม่ไกลจากท่าเรือทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

หลังจากได้ตั๋วมาก็เดินไปขึ้นเรือกันครับ

พอถึงฝั่ง Penang สำหรับใครที่อยากเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ ค่าใช้จ่ายตลอดสายอยู่ที่ RM1.40 (11 บาท)

ส่วนใหญ่ที่ Penang ก็จะเดินเล่นอย่างเดียวครับ ค่าครองชีพพอๆกับไทยนะ แต่ค่าเบียร์แพง กระป๋องละเกือบ 100

ใช้เวลาอยู่ที่ปีนัง 1 คืนพร้อมเดินทางเข้าเมืองกัวลาลัมเปอร์เมืองหลวงของประเทศมาเลเซียส่วนใหญ่เขาจะเรียกว่า KL เริ่มต้นก็ต้องนั่งเรือข้ามฝั่ง

ในราคาเดิม RM2.00 (16 บาท) เดินมาท่าเรือที่เดิมหาป้าย Feri Ferry ตามภาพครับ

พอถึงฝั่ง Butterworth ตอนแรกคิดว่าจะนั่งรถไฟฟ้าเข้าเมืองส่วนนี้ ไม่ค่อยเห็นรีวิวใน Google ส่วนใหญ่จะนั่งกลับไทยกันเลย ก็ต้องไปหาเอาดาบหน้า

เดินไปถามที่เคาร์เตอร์ซื้อตั๋วบอก ไม่มีรอบไป KL ให้ไปซื้อตัวรถ Bus ที่ Penang Sentral สะกดไม่ผิดนะครับฮ่าๆ ก็เดินกลับมาซื้อตั๋วซึ่งอยู่ใกล้ๆกับ

จุด Ferri Terminal ให้หาคำว่า Bus Terminal แทนพอเดินไปที่เคาร์เตอร์ก็จัดการซื้อตั๋ว Penang Sentral - KL Sentral ในราคา RM 33 (252 บาท)

ตั๋วรถบัสจะต้องใช้ในการสแกน QR Code เพื่อเข้า Gate นะครับอย่าทำหายเด็ดขาด ใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมดเกือบ 4 ชม ถึง KL Sentral จากนั้นก็เดินทางเพื่อจะไป Hostel โดยรถไฟฟ้า ขั้นแรกก็ไปซื้อ บัตรโดยสารเป็นบัตรแข็งในราคา RM15 (115 บาท) จะเป็นค่าบัตร RM5 และมีเงินอยู่ในบัตรอีก RM10 นะครับ

การเดินทางที่ KL ค่อนสะดวกสำหรับคนที่เคยไปต่างประเทศมาแล้วนะครับ ผมว่าการคมนาคมที่นี่ดีกว่าไทยเยอะ แต่ค่าครองชีพยังพอๆ กับไทยไม่ได้รู้สึกแตกต่างกันมากก็ใช้เวลาอยู่ที่ KL เป็นเวลา 2 คืนส่วนใหญ่ก็ไปตามรีวิวปกติครับ ค่ากินค่าเดินทางไม่แพงมากจะไม่ลงรายละเอียดเยอะนะครับเพราะคงมีคนอื่นรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแล้ว

มาต่อกันหลังจาก KL ว่าจะกลับไทยแล้วแต่ยังอย่างไปงาน EXPO ที่สิงค์โปร์เลยหาเรื่องไปต่อโดยการเดินทางโดยรถบัสเช่นเคยนะครับ

KL Senter - Johor Bahru ค่ารถโดยสารรอบนี้ RM33 (252 บาท)

พอถึงสถานีปลายทาง Terminal Bas Larkin ให้เราหารถบัสสีเหลืองที่เขียนว่า Causeway Link จะเป็นรถที่วิ่งเข้าด่านตรวจขนเข้าเมืองทั้งขาออก

และขาเข้าไปยังประเทศสิงค์โปร์ โดยสถานีนี้ไม่ต้องไปที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วนะครับ ผมเสียเวลาต่อคิวรอซื้อตั๋วนานเอาเรื่องสุดท้ายเขาบอกให้ไป

Gate 1-2 ที่เป็นของ Causeway Link โดยเฉพาะไม่ต้องซื้อตั๋วเพียงชำระค่าพิมพ์ Boarding Pass ในราคา RM1 (7.61 บาท)

***** ภาพเคาน์เตอร์ที่ผมเสียเวลาไปต่อคิวนะครับ ไม่ต้องไปนะ 5555 !!

ให้เราไปจ่ายค่าปริ้น Boarding Pass ก็จะได้มาตามภาพ แล้วเดินมาขึ้นรถได้เลยครับ

สถานีที่เราจะไปลงก็จะมีราคาตามภาพเลยนะครับแจ้งให้คนขับรถเขาก็จะออกตั๋วให้

จากนั้นเราก็รอรถมา และเดินไปขึ้นรถเขาจะถามว่าจะไปลงสถานีไหน ผมตอบไปว่าลง Queen St.

เขาก็จะแจ้งราคามาเป็นสกุลเงินริงกิดอยู่นะครับราคา RM4.80 (37 บาท)

พอถึงจุดตรวจคนเข้าเมืองไม่ต้องตกใจนะครับ เขาจะให้เราลงรถเพื่อไปประทับตราออกนอกประเทศของฝั่งมาเลเซียที่สำคัญ !! เก็บตั๋วรถให้ดี ๆ นะครับ

หลังจะประทับตราเสร็จก็เดินลงมาชั้น 1 เพื่อขึ้นรถต่อไป จุดตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าประเทศของสิงค์โปร์อีก 1 รอบ เขาก็จะปล่อยเราลงรถอีกรอบนะครับหลังจากประทับตราเสร็จก็เหมือนเดิมครับ นำตั๋วรถที่ซื้อมาแล้วแสดงให้คนขับดู แล้วก็นั่งรถไปลงสถานีที่เพื่อนๆ เลือกไว้

การเดินทางในสิงค์โปร์ผมแนะนำให้ซื้อบัตร EZ-Link ที่ช่วยให้คุณสามารถเดินทางได้ไม่จำกัดภายในหนึ่งวัน S$10 (260 บาท)