สวัสดีทุกๆคนที่เข้ามาอ่านกระทู้ของผมนะครับ คือปัญหาของผมมีอยู่ว่า ครอบครัวผมเป็นคริสเตียน แล้วผมก็เป็นคนๆหนึงที่รักพระเจ้ามาก และชอบอ่านพระคัมภีร์ และผมได้มีส่วนร่วมในงานรับใช้ งานนมัสการ ในโบสถ์มากมาย แต่ผมก็ยังรู้สึกน้อยใจกับพ่อแม่ผมมาก คือผมเป็นคนที่รักพ่อแม่ของผม และผมเชื่อฟัง และยอมรับในคำตักเตือนของพวกเขา แต่ในบางครั้งพ่อแม่ก็ใช้คำพูดที่หยาบคายและดุด่าว่าตีผม และเขาก็บอกว่าพระเจ้าให้สิทธิอำนาจพ่อแม่ในการตักเตือนลูก แต่สิ่งที่เขาทำมันคือการดุด่าว่าตี ไม่ใช่การตักเตือน และผมเป็นคนที่มีปัญหาด้านอารมณ์อาการคล้ายๆโรคซึมเศร้า มันเลยทำให้ผมพยามลืมเรื่องเหล่านี้เท่าใหร่มันก็ลืมไม่ลง เวลาที่ผมอยู่คนเดียวหรือเวลาที่ผมกำลังจะนอนผมมักจะร้องไห้ออกมา
และผมได้อธิษฐานเพื่อร้องขอการช่วยกู้จากพระเจ้าอยู่ทุกๆวัน ถึ้งขั้นที่ว่า ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในวัยเรียน(ม.4)และผมก็ให้ความสำคัญกับการเรียน แต่ผมก็ให้เวลากับการอธิษฐานอ่านพระคัมภีร์มากกว่าการทบทวนตำราเรียนซะอีก แต่ ผมยอมรับเลยว่าผมก็ยังคงรู้สึกว่า สิ่งไม่ดีที่พ่อแม่ทำกับผมใว้มันฝังใจผม และมันทำให้ผมรู้สึกอยากออกไปจากชีวิตของพ่อแม่เข้าไปทุกที แบบที่พวกฝรั่งเขาทำกัน
และก็มาถึงคำถามครับ
พระคัมภีร์ได้บอกเราว่า ผู้ที่เชื่อเเละวางใจในพระเจ้าก็ได้รับความรอด แต่ใน1 ทิโมธี 5:8 กล่าวว่า "ถ้าใครไม่ดูแลคนในครอบครัว คนนั้นก็ปฏิเสธความเชื่อ และชั่วยิ่งกว่าคนที่ไม่เชื่อเสียอีก"
ซึ่งมันฝังดูมาหักล้างกันอย่างสิ้นเชิง
แล้วมันหมายความว่า ต่อให้ผมจะอ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน รับใช้ ทำพันธกิจเพื่อพระเจ้ามากมาย แต่ถ้าผมไม่ได้ดูแลพ่อแม่ ผมมันก็เป็นแค่ไอ้ชั่วคนหนึ่งที่ปฏิเสธความเชื่อ ในสายตาพระเจ้าอยู่ดีใช่มั้ยครับ
และไม่ใช่ว่าผมจะไม่ยอมดูแลพ่อแม่หรอกนะครับ แต่ผมมองว่าผมจำเป็นที่จะต้องเอาตัวเองออกมาจากปัญหาครอบครัว และเคลียร์กับตัวเอง ฝากมอบความไม่สบายใจใว้กับพระเจ้า "แล้วทำไมไม่ปรึกษาเพื่อนที่เป็นคริสเตียน"
เพราะผมเป็นคนไม่มีเพื่อนที่คอยรับฟังเลย มีแต่พระเจ้านี่แหละที่ผมเชื่อและใว้วางใจ
คริสเตียนกับปัญหาครอบครัว
และผมได้อธิษฐานเพื่อร้องขอการช่วยกู้จากพระเจ้าอยู่ทุกๆวัน ถึ้งขั้นที่ว่า ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในวัยเรียน(ม.4)และผมก็ให้ความสำคัญกับการเรียน แต่ผมก็ให้เวลากับการอธิษฐานอ่านพระคัมภีร์มากกว่าการทบทวนตำราเรียนซะอีก แต่ ผมยอมรับเลยว่าผมก็ยังคงรู้สึกว่า สิ่งไม่ดีที่พ่อแม่ทำกับผมใว้มันฝังใจผม และมันทำให้ผมรู้สึกอยากออกไปจากชีวิตของพ่อแม่เข้าไปทุกที แบบที่พวกฝรั่งเขาทำกัน
และก็มาถึงคำถามครับ
พระคัมภีร์ได้บอกเราว่า ผู้ที่เชื่อเเละวางใจในพระเจ้าก็ได้รับความรอด แต่ใน1 ทิโมธี 5:8 กล่าวว่า "ถ้าใครไม่ดูแลคนในครอบครัว คนนั้นก็ปฏิเสธความเชื่อ และชั่วยิ่งกว่าคนที่ไม่เชื่อเสียอีก"
ซึ่งมันฝังดูมาหักล้างกันอย่างสิ้นเชิง
แล้วมันหมายความว่า ต่อให้ผมจะอ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน รับใช้ ทำพันธกิจเพื่อพระเจ้ามากมาย แต่ถ้าผมไม่ได้ดูแลพ่อแม่ ผมมันก็เป็นแค่ไอ้ชั่วคนหนึ่งที่ปฏิเสธความเชื่อ ในสายตาพระเจ้าอยู่ดีใช่มั้ยครับ
และไม่ใช่ว่าผมจะไม่ยอมดูแลพ่อแม่หรอกนะครับ แต่ผมมองว่าผมจำเป็นที่จะต้องเอาตัวเองออกมาจากปัญหาครอบครัว และเคลียร์กับตัวเอง ฝากมอบความไม่สบายใจใว้กับพระเจ้า "แล้วทำไมไม่ปรึกษาเพื่อนที่เป็นคริสเตียน"
เพราะผมเป็นคนไม่มีเพื่อนที่คอยรับฟังเลย มีแต่พระเจ้านี่แหละที่ผมเชื่อและใว้วางใจ