สวัสดีครับ ตามหัวข้อเรื่องเลย คุณเชื่อเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหนว่ามันมีสถานะนี้อยู่จริง ๆ
-- ส่วนตัวผมเองเชื่อเรื่องนี้ 100% ครับว่ามีอยู่จริงๆ เพราะว่าผมเองที่กำลังอยู่ในสถานะนี้กับคนๆหนึ่งอยู่ --
ย้อนความเมื่อ 4 ปีก่อนหน้านี้ ผมกับเธอเราเคยชอบพอกัน คุยกัน เจอหน้ากัน (ไม่เคยมีอะไรเกินเลยกัน เพราะเธอคนนั้นอายุน้อยกว่าผม4ปี)
*** เข้าเรื่อง ก็คือ เราทั้งคู่ได้ลองเปิดใจให้กันในตอนนั้น แต่ยังไม่มีสถานะที่ชัดเจน หรือ มากพอที่จะใช้คำว่าแฟนได้ ด้วยเหตุผลส่วนตัวของน้องเขา ตัวผมเองก็ไม่ได้ตื้อดื้อรั้นอะไร พึงพอใจในแบบที่น้องเขาโอเค แต่เรื่องมันน่าเศร้าครับ ตัวผมเองที่ยังโตไม่มากพอ ความคิดและความหนักแน่นก็ยังน้อยเกินไป ผมทำร้ายความรู้สึกของน้องเขา ถึง 2 ครั้ง จนเราทั้งคู่ได้ห่างหายกันไป ไม่ได้ติดต่ออะไรกันเลย เราทั้งคู่ได้แยกย้ายกันเดินคนละเส้นทางตั้งแต่วันนั้น แต่ผมเองก็ยังมีแอบตามดูชีวิตของเธออยู่ห่างๆผ่านโซเชียลต่างๆ ผมคิดเสมอว่าถ้ามันใช่ก็คงได้กลับมาเจอกันอีก แค่ไม่รู้ว่าในรูปแบบไหนแค่นั่นเอง
(ขอเล่าแบบรัดรวบนะครับ ก็คือ..) ***
*** จนผ่านมา 4 ปี ณ ปัจจุบันตอนนี้ สิ่งที่ผมเคยคิดไว้ คำพูดนั้นเมื่อ 4 ปีก่อน (ถ้ามันใช่ก็คงได้กลับมาเจอกันอีก) มันเกิดขึ้นจริงครับ ตอนนั้นผมคิดไปเองว่ามันคงจบแค่นั้นแล้ว แต่เปล่า เราได้กลับมาคุยกัน แต่อย่างที่บอก มันไม่ใช่รูปแบบเดิมของวันแรกที่รู้จักกัน แต่เป็นรูปแบบของสถานะอะไรสักอย่างที่ไม่สามารถพูดมันออกมาได้ ( เราทั้งคู่ต่างมีแฟนกันแล้วทั้งคู่นะครับ และแฟนของเราทั้งคู่ก็เข้าใจและโอเค ที่ผมกับเธอเรากลับมาคุยกัน เพราะเราต่างคนต่างก็เปิดเผยให้แฟนได้รับรู้ว่าคุยกันแบบไหน ) กลับมาต่อที่เรื่องผมกับเธอ เราคุยกันในรูปแบบเดิมทั้งคู่ เราให้กำลังใจกัน เราต่างฝ่ายต่างก็ห่วงใยกัน ความรู้สึกของเราทั้งคู่ที่เคยมีให้กัน มันไม่เคยเปลี่ยนหรือหายไป ทุกอย่างยังเป็นแบบเดิม เพียงแค่เราต่างก็รู้ว่าตัวเองมีหน้าที่อะไร และควรทำแค่ไหนให้มันเหมาะสม บางครั้งก็เล่าอะไรหลายๆเรื่อง แลกเปลี่ยนกัน ทั้งเรื่องแฟนที่คบหาอยู่ เรื่องชีวิตเป็นยังไง เรื่องเรียน ทำงาน โอเคไหมมีความสุขไหมอึดอัดใจหรือเปล่า เราแลกเปลี่ยนเรื่องราวชีวิตในแต่ละวัน แลกเปลี่ยนกันฟัง ไม่มีเรื่องให้ปกปิด หรือ โกหกกัน เธอบอกผมว่าตั้งแต่เลิกคุยกันวันนั้น ไม่ใช่แค่ผมที่แอบตามดูเธอคนเดียว เพราะเธอเองก็แอบตามดูผมเหมือนกัน เธอบอกว่า เธอไม่เคยเกลียดหรือโกรธผมเลยที่เคยทำแบบนั้น เธอยังรู้สึกปลอดภัยเหมือนทุกครั้ง ที่คุยกับผม มันยังเป็นแบบวันแรกและปัจจุบันมันก็ยังเป็นแบบเดิมไม่เคยเปลี่ยน ผมไม่เคยเสียใจเลยที่เขาไม่เลือกผม ไม่รู้สิ่ ผมยังรู้สึกยินดีกับเขาทุกครั้ง ไม่ว่าจะเรื่องไหนๆ ผมยังคอยยืนดูและยิ้มให้กับชีวิตของเขาอยู่ตลอด ในสายตาผมที่มองเขามันยังคงเป็นเหมือนวันแรกที่เราได้เจอกัน มันไม่เคยเปลี่ยนไปเลยและแน่นอนว่ามันจะยังเป็นแบบนี้ไปตลอด ทุกคนอาจอยากถามว่าและถ้าวันหนึ่งเธอคนนั้น เลือกที่จะอยากลองใช้ชีวิตกับผมล่ะ ผมจะทำยังไง คำตอบของผมแน่นอนว่า (* ผมคงดีใจและยินดีมากๆ และผมก็ขอสัญญาว่าจะดูแลเธอให้ดีที่สุดเท่าที่คน ๆ หนึ่งจะทำได้ หรือถ้าวันหนึ่งมันไปต่อไม่ได้ ผมก็โอเคและยังยินดีที่จะยังอยู่ตรงนี้ เหมือนเดิม *) ในรูปแบบที่เล่ามาที่ผมเรียกมันว่า สถานะซัพพอร์ต ผมยินดีที่จะกลับไปเป็นแบบนี้ได้ โดยไม่มีข้อแม้อะไรเลย อาจจะขอแค่เวลาสักหน่อยแค่นั้นเอง และนี่แหละครับ เรื่องราวคร่าวๆ ของผมและเธอคนนั้น ***
พวกคุณล่ะ คิดว่า สถานะนี้มันมีจริงไหม และมีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้
คุณเชื่อเรื่องของ สถานะซัพพอร์ต ไหม??
-- ส่วนตัวผมเองเชื่อเรื่องนี้ 100% ครับว่ามีอยู่จริงๆ เพราะว่าผมเองที่กำลังอยู่ในสถานะนี้กับคนๆหนึ่งอยู่ --
ย้อนความเมื่อ 4 ปีก่อนหน้านี้ ผมกับเธอเราเคยชอบพอกัน คุยกัน เจอหน้ากัน (ไม่เคยมีอะไรเกินเลยกัน เพราะเธอคนนั้นอายุน้อยกว่าผม4ปี)
*** เข้าเรื่อง ก็คือ เราทั้งคู่ได้ลองเปิดใจให้กันในตอนนั้น แต่ยังไม่มีสถานะที่ชัดเจน หรือ มากพอที่จะใช้คำว่าแฟนได้ ด้วยเหตุผลส่วนตัวของน้องเขา ตัวผมเองก็ไม่ได้ตื้อดื้อรั้นอะไร พึงพอใจในแบบที่น้องเขาโอเค แต่เรื่องมันน่าเศร้าครับ ตัวผมเองที่ยังโตไม่มากพอ ความคิดและความหนักแน่นก็ยังน้อยเกินไป ผมทำร้ายความรู้สึกของน้องเขา ถึง 2 ครั้ง จนเราทั้งคู่ได้ห่างหายกันไป ไม่ได้ติดต่ออะไรกันเลย เราทั้งคู่ได้แยกย้ายกันเดินคนละเส้นทางตั้งแต่วันนั้น แต่ผมเองก็ยังมีแอบตามดูชีวิตของเธออยู่ห่างๆผ่านโซเชียลต่างๆ ผมคิดเสมอว่าถ้ามันใช่ก็คงได้กลับมาเจอกันอีก แค่ไม่รู้ว่าในรูปแบบไหนแค่นั่นเอง
(ขอเล่าแบบรัดรวบนะครับ ก็คือ..) ***
*** จนผ่านมา 4 ปี ณ ปัจจุบันตอนนี้ สิ่งที่ผมเคยคิดไว้ คำพูดนั้นเมื่อ 4 ปีก่อน (ถ้ามันใช่ก็คงได้กลับมาเจอกันอีก) มันเกิดขึ้นจริงครับ ตอนนั้นผมคิดไปเองว่ามันคงจบแค่นั้นแล้ว แต่เปล่า เราได้กลับมาคุยกัน แต่อย่างที่บอก มันไม่ใช่รูปแบบเดิมของวันแรกที่รู้จักกัน แต่เป็นรูปแบบของสถานะอะไรสักอย่างที่ไม่สามารถพูดมันออกมาได้ ( เราทั้งคู่ต่างมีแฟนกันแล้วทั้งคู่นะครับ และแฟนของเราทั้งคู่ก็เข้าใจและโอเค ที่ผมกับเธอเรากลับมาคุยกัน เพราะเราต่างคนต่างก็เปิดเผยให้แฟนได้รับรู้ว่าคุยกันแบบไหน ) กลับมาต่อที่เรื่องผมกับเธอ เราคุยกันในรูปแบบเดิมทั้งคู่ เราให้กำลังใจกัน เราต่างฝ่ายต่างก็ห่วงใยกัน ความรู้สึกของเราทั้งคู่ที่เคยมีให้กัน มันไม่เคยเปลี่ยนหรือหายไป ทุกอย่างยังเป็นแบบเดิม เพียงแค่เราต่างก็รู้ว่าตัวเองมีหน้าที่อะไร และควรทำแค่ไหนให้มันเหมาะสม บางครั้งก็เล่าอะไรหลายๆเรื่อง แลกเปลี่ยนกัน ทั้งเรื่องแฟนที่คบหาอยู่ เรื่องชีวิตเป็นยังไง เรื่องเรียน ทำงาน โอเคไหมมีความสุขไหมอึดอัดใจหรือเปล่า เราแลกเปลี่ยนเรื่องราวชีวิตในแต่ละวัน แลกเปลี่ยนกันฟัง ไม่มีเรื่องให้ปกปิด หรือ โกหกกัน เธอบอกผมว่าตั้งแต่เลิกคุยกันวันนั้น ไม่ใช่แค่ผมที่แอบตามดูเธอคนเดียว เพราะเธอเองก็แอบตามดูผมเหมือนกัน เธอบอกว่า เธอไม่เคยเกลียดหรือโกรธผมเลยที่เคยทำแบบนั้น เธอยังรู้สึกปลอดภัยเหมือนทุกครั้ง ที่คุยกับผม มันยังเป็นแบบวันแรกและปัจจุบันมันก็ยังเป็นแบบเดิมไม่เคยเปลี่ยน ผมไม่เคยเสียใจเลยที่เขาไม่เลือกผม ไม่รู้สิ่ ผมยังรู้สึกยินดีกับเขาทุกครั้ง ไม่ว่าจะเรื่องไหนๆ ผมยังคอยยืนดูและยิ้มให้กับชีวิตของเขาอยู่ตลอด ในสายตาผมที่มองเขามันยังคงเป็นเหมือนวันแรกที่เราได้เจอกัน มันไม่เคยเปลี่ยนไปเลยและแน่นอนว่ามันจะยังเป็นแบบนี้ไปตลอด ทุกคนอาจอยากถามว่าและถ้าวันหนึ่งเธอคนนั้น เลือกที่จะอยากลองใช้ชีวิตกับผมล่ะ ผมจะทำยังไง คำตอบของผมแน่นอนว่า (* ผมคงดีใจและยินดีมากๆ และผมก็ขอสัญญาว่าจะดูแลเธอให้ดีที่สุดเท่าที่คน ๆ หนึ่งจะทำได้ หรือถ้าวันหนึ่งมันไปต่อไม่ได้ ผมก็โอเคและยังยินดีที่จะยังอยู่ตรงนี้ เหมือนเดิม *) ในรูปแบบที่เล่ามาที่ผมเรียกมันว่า สถานะซัพพอร์ต ผมยินดีที่จะกลับไปเป็นแบบนี้ได้ โดยไม่มีข้อแม้อะไรเลย อาจจะขอแค่เวลาสักหน่อยแค่นั้นเอง และนี่แหละครับ เรื่องราวคร่าวๆ ของผมและเธอคนนั้น ***
พวกคุณล่ะ คิดว่า สถานะนี้มันมีจริงไหม และมีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้