2. Statement ของบัญชีรับเงินเดือน ที่ไม่เคยมีเหลือเลย (โอนออกตลอด) (และมีการจ่าย Personal Loan เดือนละ 6000 ทุกเดือน ยอดหมดเดือนปีหน้าครับ)   👈🏼   ทำไมถึงมองข้ามข้อนี้ไปคะ อันนี้เป็นรายได้หลักเป็นงานประจำ และข้อห้าที่คุณบอกมาต่อให้จะดูว่าเป็นเงินเก็บแต่ก็ยังเป็นเงินที่ไม่นิ่งเข้าออกตลอด สรุปว่าเทียบกับอายุฐานเงินเดือนไม่ได้สูงและไม่มีการวางแผนการเงินที่ดีในซักบัญชีนึง ที่จะเรียกได้ว่าเป็นเงินเก็บเป็นเงินเย็นด้วยซ้ำ



การอยากแจ้งถึงทรัพย์สินที่มีควรจะเป็นทรัพย์สินที่เป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ไม่ใช่ยังมีภาระต้องผ่อนอยู่ค่ะ น้ำหนักความน่าเชื่อถือมันต่างกันเลย


ขอวีซ่าท่องเที่ยว ทางผู้พิจารณาก็ต้องแน่ใจว่ามีเงินไปท่องเที่ยว มีเงินเหลือจากการท่องเที่ยว ไม่ใช่เหมือนมีเงินแต่งบัญชีไว้ก้อนหนึ่งเพื่อที่จะไปแล้วก็หายไปเลย เค้าต้องคำนวณดูแล้วค่ะว่าถ้าคุณไปลักลอบทำงานในประเทศของเขาได้ รายได้ของคุณจะมากกว่ารายได้ที่คุณอยู่ที่เมืองไทยแน่นอนสามารถส่งเงินกลับมาผ่อนปรนผ่อนผันชำระหนี้อะไรได้ เป็นเหตุผลว่าไม่ใช่ทุกคนที่มีงานประจำทำหรือมีเงินแต่งบัญชีแล้วเค้าจะพิจารณาให้ผ่านแต่มันยังมีอีกหลายปัจจัยนะคะ


บางคนคิดไปเองว่าเป็นดวง เป็นการแรนดอม ที่จริงมันไม่ใช่นะคะ เหตุปัจจัยไม่ได้อยู่แค่ตัวเลขตัวเงินแต่เค้าดูกระทั่งว่าคุณอยู่ในช่วงอายุเท่าไหร่หน้าที่การงานเป็นยังไงภาระรับผิดชอบเป็นยังไงแล้วมีเหตุผลอันใดที่จะเอาเงินที่มีอยู่ไปเที่ยวจนหมดโดยที่กลับมาจะลำบากหรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือพวกพี่ดูสเตทเม้นท์แล้วเห็นชัดเจนว่าแต่งบัญชีเหมือนพยายามที่จะต้องไปให้ได้ต่อให้จะแค่เป็นเพราะอยากไปท่องเที่ยวมันก็ดูน่าสงสัยและสุ่มเสี่ยงอยู่ดีค่ะ


ถ้าไม่รีบร้อน แนะนำให้แยกเก็บเงิน ปั้นบัญชีที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับการที่ต้องหมุนเงินเข้าออกแต่ให้วางเงินเย็นไว้ในนั้นเลยค่ะ  มันมีประโยชน์ในภายภาคหน้าไม่ว่าคุณจะขอวีซ่าไปที่ไหน ไม่ใช่พอคิดจะไปแล้วค่อยมาทำ เพราะถ้าคุณบอกว่าคุณมีเงินเก็บ 70,000 เงินส่วนนั้นควรจะอยู่ในบัญชีที่ไม่มีการไปแตะต้องและมีการเพิ่มเติมเข้าไปในแต่ละเดือนสม่ำเสมอ ไม่ใช่บัญชีที่เงินวิ่งเข้าออก มันดูว่าเป็นเงินติดบัญชีค่ะไม่ใช่เงินเก็บหรือเงินเย็น


และในช่วงอายุของคุณนี่ ถ้ายังต้องให้แฟนเป็นสปอนเซอร์ ซึ่งเป็นไม่มีความเกี่ยวข้องฉันท์สามีภรรยาหรือญาติพี่น้องกัน แต่เป็นคนที่ไปด้วยกันจะสปอนเซอร์กันและกันเองมันไม่เหมือนมีคนที่สปอนเซอร์อยู่ปลายทางค่ะ