ถ้าอยากอ่านขั้นตอนวิธีการขอใบรับรองแพทย์เลย ขั้นตอนก็อยู่ข้างล่างรูปภาพเลยนะครับ จขกท.ขออารัมภบทก่อน 555555
สวัสดีทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ทุกคนนะครับ จขกท.เองขออนุญาตมาแชร์เรื่องราวสำหรับบุคคลที่น้ำหนักมาก และมีดัชนีมวลการมากกว่า 35 กก./ม. จขกท.เองเป็นคนที่รูปร่างอ้วนมากๆเลยนะครับ น้ำหนักประมาณ 1xx กก. และมีส่วนสูง 17x ซม. ซึ่งถ้าเอามาคำนวณดัชนีมวลกาย (BMI) จะได้เท่ากับ 38.4 กก./ม. ซึ่งตามกฎเกณฑ์ของทางกระทรวงกลาโหม ถ้าหากมีดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 35 กก./ม. ก็จะจัดว่าบุคคลนั้น "เป็นบุคคลประเภทที่ 4" หรือ "ทุพพลภาพ" นั่นเอง ซึ่งจากตรงนี้บางท่านอาจจะทราบมาแล้ว ถ้าเป็นคนทั่วไปคงจะรอไปวันเกณฑ์ แล้วรอวัดส่วนสูงและชั่งน้ำหนักได้เลย แต่จขกท.เองก็ยังไม่หายกังวลว่าจะยังรอดจากกระบวนการเกณฑ์ทหารรึเปล่า ด้วยจขกท.เอง เป็น LGBTQ+ ด้วยอะครับ เลยไม่อยากที่จะต้องไปถอดเสื้อเพื่อวัดขนาดตัว ก็เลยพยายามหาวิธีว่าถ้าคนอ้วนมากๆทำยังไงถึงจะผ่านเกณฑ์ทหารได้อย่างสมบูรณ์ได้บ้าง ก็ไปเจอกระทู้นึงในพันทิปที่มีคนถามเรื่องการขอใบรับรองแพทย์สำหรับใช้ในการเกณฑ์ทหาร และก็ได้มีบุคคลนึงได้มาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการขอใบรับรองแพทย์สำหรับคนอ้วนให้ฟัง จขกท.เองก็เลยอยากจะได้ใบรับรองแพทย์นั้นมาเพื่อความสบายใจของตัวเองด้วย ณ ตอนนั้นรู้เพียงแค่ว่า ต้องไปขอที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า แค่นั้นเลย ไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติม พอไปหารายละเอียดในเว็บของทางรพ.พระมงกุฎ (
ลิงก์ของทางรพ.) ก็ได้มีรายละเอียด ดังรูปภาพด้านล่างนี้
(
เกณฑ์ปีไหน ก็ให้ดูประกาศของทางรพ.ให้ดีนะครับ เช่น เราเกณฑ์ในปี 2566 ก็ต้องไปขอใบรับรองแพทย์ภายในกำหนดการข้างล่างนี้เท่านั้น)

สำหรับขั้นตอนในการขอใบรับรองแพทย์สำหรับบุคคลที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 35 กก./ม.
1. เราจะต้องไปขอใบรับรองแพทย์
ภายในวันที่ที่ทางรพ.กำหนดเท่านั้น (ไปหลังจากวันสุดท้ายก็คืออาจจะไม่ได้ใบรองแพทย์จากกรรมการ และจะใช้ในการเกณฑ์ทหารไม่ได้) ซึ่งเราจะต้องไปถึงรพ.ตั้งแต่เช้า (เช้าได้เท่าไรยิ่งดีเลยครับ) [ติดตามประกาศวันที่ตามลิงก์นี้เลยนะ
ลิงก์ของทางรพ.]
2. ไปตรงอาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา (เลี้ยวเข้าไปรพ. ตึกแรกฝั่งขวามือ) เข้าตึกไปแล้ว เลี้ยวซ้ายไปตรงพยาบาลคัดกรอง ชั้น 1
3. บอกกับเจ้าหน้าที่ว่า
"มาขอใบรับรองแพทย์เพื่อใช้ในการเกณฑ์ทหาร" เขาก็จะแนะนำว่าต้องทำไงบ้าง ต้องเอาเอกสารอะไรมาบ้าง (เอกสารใช้ตามรายละเอียดในรูปภาพเลยนะ)
แต่ย้ำว่าถ่ายสำเนาและรับรองสำเนาถูกต้องไปเผื่อด้วยนะทุกเอกสารเลย
4. สำหรับคนที่ไม่เคยไปรพ.พระมงกุฎเลย ต้องไปกรอกรายละเอียดข้อมูลส่วนตัว และถ่ายภาพ ทำบัตรรพ. กับทางเวชระเบียนด้วยนะ
5. พอพยาบาลที่จุดคัดกรองตรวจสอบเอกสารของเรา และก็ทำบัตรรพ.เสร็จแล้ว เราก็ขึ้นไปที่ชั้น 3 ไปที่ห้องตรวจระบบต่อมไร้ท่อ จำไม่ได้นะว่าห้องเบอร์อะไร น่าจะเบอร์ 7 นี่แหละ
6. ขึ้นไปถึงแล้วก็เอาเอกสารที่เราได้มาจากพยาบาลคัดกรองชั้น1 ไปยื่นสอบถามที่จุดที่ 4 ของแผนก
7. หลังจากนั้นก็จะมีพยาบาลบอกให้เรามาวัดความดัน แล้วก็จะพาไปวัดส่วนสูง ชั่งน้ำหนัก
8. เสร็จแล้วพยาบาลก็จะบอกให้เรารอสักครู่ เดี๋ยวจะมีพยาบาลอีกคนมาเรียกรวมตัวอีกครั้ง แล้วเข้าไปพบแพทย์เป็นชุดๆ
9. พอแพทย์เรียกเราเข้าไป ก็จะฟังปอด สอบถามข้อมูลเล็กน้อย และก็คำนวณ BMI ให้
- ถ้าเกิน 35 กก./ม. หรือก็คือ 35.01 ขึ้นไป ก็จะผ่าน หลังจากนั้นแพทย์ก็เขียนความเห็น แล้วก็จะเซ็นรับรองในรายการตรวจให้
- ถ้าน้อยกว่า 35 กก./ม. หรือก็คือ 34.99 ลงมา ก็จะขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของแพทย์ว่าจะปัดทศนิยมให้หรือเปล่า ผ่านหรือไม่ผ่านก็ต้องรอดูอีกที
ซึ่งหลังจากนั้นแพทย์ก็เขียนความเห็น แล้วก็จะเซ็นรับรองในรายการตรวจให้
10. พอหมอยื่นใบออเดอร์ที่ตรวจเสร็จแล้วมาให้ ก็เอาใบออเดอร์นั้นมายื่นที่พยาบาล ณ จุดที่ 4
11. สำหรับคนที่ผ่าน พยาบาลก็จะบอกว่าให้รอรับโทรศัพท์จากทางรพ.เพื่อมารับใบรับรองแพทย์อีกที (จะไม่ได้เลยในวันนั้น ต้องมาติดต่อรับหลังจากพยาบาลโทรมา)
12. หลังจากนั้นประมาณ 2-3 สัปดาห์ พยาบาลก็โทรมาหาจขกท. ให้มารับใบรับรองแพทย์ รับที่พยาบาลหน้าห้องตรวจเราเลย ไม่ต้องเปิดสิทธิ์อะไรทั้งสิ้น
ซึ่งเราต้องมารับในวันราชการ เวลา 13.00 - 15.00 น. เท่านั้น
13. สำหรับคนที่ไม่ผ่าน พยาบาลก็จะบอกว่าดัชนีมวลกาย (BMI) ของเรานั้นไม่เกินขอบเขตของหลักเกณฑ์ หลังจากนั้นพยาบาลก็จะแนะนำขั้นตอนอีกที
14. เราจะต้องคุมน้ำหนักให้เท่าเดิม หรือมากกว่าวันที่มาตรวจ ให้อยู่ถึงวันเกณฑ์นะ
ห้ามลดน้ำหนักเด็ดขาด (จนกว่าจะผ่านวันเกณ์ทหารปีนั้นไป)
{ตอนที่เราไปขอใบรับรองแพทย์ไม่มีค่าใช้จ่ายในการตรวจในรพ.เลยนะ ก็คือการไปขอใบรับรองแพทย์ครั้งนี้ ฟรีไปเลย}
ขอเพิ่มเติมให้ ณ วันเกณฑ์ทหารของจขกท.นะครับ
1. พอไปถึงทำพิธีการตามที่กรรมการสั่งให้เรียบร้อย พอประธานกล่าวเปิดเสร็จก็จะปล่อยให้เริ่มการเกณฑ์ทหารได้
2. จขกท.เคยผ่อนผันมาปีที่แล้ว ปีนี้ก็ต้องสละสิทธิ์ผ่อนผัน เพื่อเข้ารับการตรวจเลือก ถ้าสละสิทธิ์ที่สัสดีอำเภอไม่ทัน เราสามารถมาสละสิทธิ์ในวันเกณฑ์ได้เลย
3. พอสละสิทธิ์เสร็จก็จะจัดอยู่ในจำพวกเข้าตรวจรับเกณฑ์ทหารประจำปีนั้นๆ
4. พอเจ้าหน้าที่เรียกชื่อจขกท.ไป จขกท.ก็เดินเอาหลักฐานไปยื่นที่โต๊ะตรวจเอกสาร วันนั้นที่ต้องเอาหลักฐานไป มีดังนี้
- สด.9
- สด.35
- สด.43 (ใบผ่อนผันของเรา)
- บัตรประชาชนตัวจริง
- ใบรับรองแพทย์ตรวจจริง (ที่เราไปขอมา)
5. พอตรวจเอกสารเสร็จก็จะต้องไปตรวจร่างกาย เจ้าหน้าที่จะมาถามว่า "คนที่จะเกณฑ์ปีนี้ มีใครมีโรคประจำตัวที่ขัดต่อการเข้ารับราชการทหารมั้ย" ให้เรายกมือทันที เจ้าหน้าที่ก็จะมาถามว่า มีประวัติการรักษา หรือ ใบรับรองแพทย์จากรพ.รึเปล่า จขกท.ก็เลยตอบไปว่ามีมาจาก รพ.พระมงกุฎ เจ้าหน้าที่ก็จะเอามาอ่าน แล้วก็จะบอกให้เราไปวัดส่วนสูง และชั่งน้ำหนัก ณ จุดวัดน้ำหนักและส่วนสูง
6. ไฮไลต์อยู่ตรงนี้แหละ ปีนี้ประธานการคัดเลือกใจดีมากกก (ถึงแม้หน้าจะดุสุดๆก็ตาม) ท่านบอกว่า "ถ้าใครเป็นเพศทางเลือก สามารถขอให้เจ้าหน้าที่วัดร่างกาย ณ ห้องแยกได้ สามารถบอกเจ้าหน้าที่ได้เลยว่าไม่สะดวกจะให้ตรวจร่างกายกลางแจ้ง มันเป็นสิทธิ์ของเรา เราต้องรักษาและใช้สิทธิ์ของเรานะครับ" (ซึ้งมาก น้ำตาไหลเลยตรงนี้) แต่โดนช็อตฟีลกลับ เพราะ เจ้าหน้าที่บอกว่า "ดูจากน้ำหนัก ส่วนสูง และรูปร่างภายนอกแล้ว เกินเกณฑ์แน่นอน ไม่ต้องตรวจร่างกาย ไปพบแพทย์ได้เลย" แรงมากนะ แอบเขินด้วย 555555
7. พอเอาน้ำหนัก ส่วนสูงมาที่โต๊ะแพทย์ทหาร แพทย์ก็จะถามประวัติเรานิดหน่อย แล้วก็จะเอาความเห็นแพทย์ที่อยู่ในใบรับแพทย์ของเรามาเขียนลงในใบ สด.43 ของเรา แล้วก็จะจัดเราอยู่บุคคลประเภทที่ 4
8. พอได้ใบสด.43 จากโต๊ะแพทย์ทหารแล้วเราก็เอามาให้โต๊ะประธานคัดเลือก ก็จะมีเจ้าหน้าที่เขียนกำกับในใบสด.43ของเราเพิ่มเติม แล้วก็จะยื่นให้ท่านประธาน และกรรมการท่านอื่นเซ็นรับรองในใบ สด.43 นั้นให้เรา เราก็ไปเซ็นรับรองใน สด.43 นั้นต่อหน้ากรรมการ เป็นอันเสร็จ เราก็ผ่านเกณฑ์ทหารได้อย่างราบรื่นเลยครับ
*** อยากจะบอกด้วยว่า เราก็ต้องยอมรับด้วยว่า เราจะถูกจัดอยู่ในบุคคลประเภทที่ 4 ซึ่งอาจจะมีผลต่อการเข้ารับราชการทหาร และตำรวจ***
มีอะไรสงสัยสามารถถามที่ใต้กระทู้นี้ได้เลยนะครับ ถ้าจขกท.ตอบได้จะเข้ามาตอบนะครับ
การขอใบรับรองแพทย์ เพื่อใช้ในการเกณฑ์ทหาร (สำหรับคนที่มี BMI มากกว่า 35 กก./ม.)
(เกณฑ์ปีไหน ก็ให้ดูประกาศของทางรพ.ให้ดีนะครับ เช่น เราเกณฑ์ในปี 2566 ก็ต้องไปขอใบรับรองแพทย์ภายในกำหนดการข้างล่างนี้เท่านั้น)
1. เราจะต้องไปขอใบรับรองแพทย์ ภายในวันที่ที่ทางรพ.กำหนดเท่านั้น (ไปหลังจากวันสุดท้ายก็คืออาจจะไม่ได้ใบรองแพทย์จากกรรมการ และจะใช้ในการเกณฑ์ทหารไม่ได้) ซึ่งเราจะต้องไปถึงรพ.ตั้งแต่เช้า (เช้าได้เท่าไรยิ่งดีเลยครับ) [ติดตามประกาศวันที่ตามลิงก์นี้เลยนะ ลิงก์ของทางรพ.]
2. ไปตรงอาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา (เลี้ยวเข้าไปรพ. ตึกแรกฝั่งขวามือ) เข้าตึกไปแล้ว เลี้ยวซ้ายไปตรงพยาบาลคัดกรอง ชั้น 1
3. บอกกับเจ้าหน้าที่ว่า "มาขอใบรับรองแพทย์เพื่อใช้ในการเกณฑ์ทหาร" เขาก็จะแนะนำว่าต้องทำไงบ้าง ต้องเอาเอกสารอะไรมาบ้าง (เอกสารใช้ตามรายละเอียดในรูปภาพเลยนะ) แต่ย้ำว่าถ่ายสำเนาและรับรองสำเนาถูกต้องไปเผื่อด้วยนะทุกเอกสารเลย
4. สำหรับคนที่ไม่เคยไปรพ.พระมงกุฎเลย ต้องไปกรอกรายละเอียดข้อมูลส่วนตัว และถ่ายภาพ ทำบัตรรพ. กับทางเวชระเบียนด้วยนะ
5. พอพยาบาลที่จุดคัดกรองตรวจสอบเอกสารของเรา และก็ทำบัตรรพ.เสร็จแล้ว เราก็ขึ้นไปที่ชั้น 3 ไปที่ห้องตรวจระบบต่อมไร้ท่อ จำไม่ได้นะว่าห้องเบอร์อะไร น่าจะเบอร์ 7 นี่แหละ
6. ขึ้นไปถึงแล้วก็เอาเอกสารที่เราได้มาจากพยาบาลคัดกรองชั้น1 ไปยื่นสอบถามที่จุดที่ 4 ของแผนก
7. หลังจากนั้นก็จะมีพยาบาลบอกให้เรามาวัดความดัน แล้วก็จะพาไปวัดส่วนสูง ชั่งน้ำหนัก
8. เสร็จแล้วพยาบาลก็จะบอกให้เรารอสักครู่ เดี๋ยวจะมีพยาบาลอีกคนมาเรียกรวมตัวอีกครั้ง แล้วเข้าไปพบแพทย์เป็นชุดๆ
9. พอแพทย์เรียกเราเข้าไป ก็จะฟังปอด สอบถามข้อมูลเล็กน้อย และก็คำนวณ BMI ให้
- ถ้าเกิน 35 กก./ม. หรือก็คือ 35.01 ขึ้นไป ก็จะผ่าน หลังจากนั้นแพทย์ก็เขียนความเห็น แล้วก็จะเซ็นรับรองในรายการตรวจให้
- ถ้าน้อยกว่า 35 กก./ม. หรือก็คือ 34.99 ลงมา ก็จะขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของแพทย์ว่าจะปัดทศนิยมให้หรือเปล่า ผ่านหรือไม่ผ่านก็ต้องรอดูอีกที
ซึ่งหลังจากนั้นแพทย์ก็เขียนความเห็น แล้วก็จะเซ็นรับรองในรายการตรวจให้
10. พอหมอยื่นใบออเดอร์ที่ตรวจเสร็จแล้วมาให้ ก็เอาใบออเดอร์นั้นมายื่นที่พยาบาล ณ จุดที่ 4
11. สำหรับคนที่ผ่าน พยาบาลก็จะบอกว่าให้รอรับโทรศัพท์จากทางรพ.เพื่อมารับใบรับรองแพทย์อีกที (จะไม่ได้เลยในวันนั้น ต้องมาติดต่อรับหลังจากพยาบาลโทรมา)
12. หลังจากนั้นประมาณ 2-3 สัปดาห์ พยาบาลก็โทรมาหาจขกท. ให้มารับใบรับรองแพทย์ รับที่พยาบาลหน้าห้องตรวจเราเลย ไม่ต้องเปิดสิทธิ์อะไรทั้งสิ้น
ซึ่งเราต้องมารับในวันราชการ เวลา 13.00 - 15.00 น. เท่านั้น
13. สำหรับคนที่ไม่ผ่าน พยาบาลก็จะบอกว่าดัชนีมวลกาย (BMI) ของเรานั้นไม่เกินขอบเขตของหลักเกณฑ์ หลังจากนั้นพยาบาลก็จะแนะนำขั้นตอนอีกที
14. เราจะต้องคุมน้ำหนักให้เท่าเดิม หรือมากกว่าวันที่มาตรวจ ให้อยู่ถึงวันเกณฑ์นะ ห้ามลดน้ำหนักเด็ดขาด (จนกว่าจะผ่านวันเกณ์ทหารปีนั้นไป)
1. พอไปถึงทำพิธีการตามที่กรรมการสั่งให้เรียบร้อย พอประธานกล่าวเปิดเสร็จก็จะปล่อยให้เริ่มการเกณฑ์ทหารได้
2. จขกท.เคยผ่อนผันมาปีที่แล้ว ปีนี้ก็ต้องสละสิทธิ์ผ่อนผัน เพื่อเข้ารับการตรวจเลือก ถ้าสละสิทธิ์ที่สัสดีอำเภอไม่ทัน เราสามารถมาสละสิทธิ์ในวันเกณฑ์ได้เลย
3. พอสละสิทธิ์เสร็จก็จะจัดอยู่ในจำพวกเข้าตรวจรับเกณฑ์ทหารประจำปีนั้นๆ
4. พอเจ้าหน้าที่เรียกชื่อจขกท.ไป จขกท.ก็เดินเอาหลักฐานไปยื่นที่โต๊ะตรวจเอกสาร วันนั้นที่ต้องเอาหลักฐานไป มีดังนี้
- สด.9
- สด.35
- สด.43 (ใบผ่อนผันของเรา)
- บัตรประชาชนตัวจริง
- ใบรับรองแพทย์ตรวจจริง (ที่เราไปขอมา)
5. พอตรวจเอกสารเสร็จก็จะต้องไปตรวจร่างกาย เจ้าหน้าที่จะมาถามว่า "คนที่จะเกณฑ์ปีนี้ มีใครมีโรคประจำตัวที่ขัดต่อการเข้ารับราชการทหารมั้ย" ให้เรายกมือทันที เจ้าหน้าที่ก็จะมาถามว่า มีประวัติการรักษา หรือ ใบรับรองแพทย์จากรพ.รึเปล่า จขกท.ก็เลยตอบไปว่ามีมาจาก รพ.พระมงกุฎ เจ้าหน้าที่ก็จะเอามาอ่าน แล้วก็จะบอกให้เราไปวัดส่วนสูง และชั่งน้ำหนัก ณ จุดวัดน้ำหนักและส่วนสูง
6. ไฮไลต์อยู่ตรงนี้แหละ ปีนี้ประธานการคัดเลือกใจดีมากกก (ถึงแม้หน้าจะดุสุดๆก็ตาม) ท่านบอกว่า "ถ้าใครเป็นเพศทางเลือก สามารถขอให้เจ้าหน้าที่วัดร่างกาย ณ ห้องแยกได้ สามารถบอกเจ้าหน้าที่ได้เลยว่าไม่สะดวกจะให้ตรวจร่างกายกลางแจ้ง มันเป็นสิทธิ์ของเรา เราต้องรักษาและใช้สิทธิ์ของเรานะครับ" (ซึ้งมาก น้ำตาไหลเลยตรงนี้) แต่โดนช็อตฟีลกลับ เพราะ เจ้าหน้าที่บอกว่า "ดูจากน้ำหนัก ส่วนสูง และรูปร่างภายนอกแล้ว เกินเกณฑ์แน่นอน ไม่ต้องตรวจร่างกาย ไปพบแพทย์ได้เลย" แรงมากนะ แอบเขินด้วย 555555
7. พอเอาน้ำหนัก ส่วนสูงมาที่โต๊ะแพทย์ทหาร แพทย์ก็จะถามประวัติเรานิดหน่อย แล้วก็จะเอาความเห็นแพทย์ที่อยู่ในใบรับแพทย์ของเรามาเขียนลงในใบ สด.43 ของเรา แล้วก็จะจัดเราอยู่บุคคลประเภทที่ 4
8. พอได้ใบสด.43 จากโต๊ะแพทย์ทหารแล้วเราก็เอามาให้โต๊ะประธานคัดเลือก ก็จะมีเจ้าหน้าที่เขียนกำกับในใบสด.43ของเราเพิ่มเติม แล้วก็จะยื่นให้ท่านประธาน และกรรมการท่านอื่นเซ็นรับรองในใบ สด.43 นั้นให้เรา เราก็ไปเซ็นรับรองใน สด.43 นั้นต่อหน้ากรรมการ เป็นอันเสร็จ เราก็ผ่านเกณฑ์ทหารได้อย่างราบรื่นเลยครับ