พูดง่ายๆ มันก็คือ Big White นั่นแหละ
มันคือลักษณะของแท่งเทียนของหุ้นใน 1 วัน หากใครยังงงเรื่องแท่งเทียนคืออะไรอีก อ่ะ เดี๋ยวหุ้นการบ้านจะเล่าย้อนกลับไปให้
กราฟแท่งเทียน (Candle Stick)
Candlestick หรือกราฟแท่งเทียน มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น กราฟแท่งเทียนบอกข้อมูลคล้าย Bar chart คือ ราคาเปิด ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด และราคาปิด หรือเรียกย่อๆว่า OHLC (Open,High,Low,Close) แต่ที่แตกต่างคือ จะมีการใส่สีลงไปในตัวแท่งเทียน (Body) เพื่อให้สังเกตได้ง่ายขึ้น เช่น ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะเป็นสีขาว/เขียว ก็แล้วแต่เราเลือก แต่ถ้าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะเป็นสีดำหรือแดงก็ว่าไปแล้วแต่เราเลือกเช่นเดียวกัน (แต่ส่วนใหญ่ก็จะใช้สีเขียวและสีแดงนี่แหละ) ส่วนไส้เทียน(Shadow) นั้น ตัวไส้ด้านบนจะบอกถึงราคาสูงสุด ส่วนไส้ด้านล่างบอกถึงราคาต่ำสุด ใครยังงง ดูรูปประกอบได้เลยครับ
ต่อมา เรามารู้จักพระเอกของเราบ้างดีกว่า นั่นคือ “Big White” นั่นเอง มันคืออะไร?
มันคือกราฟแท่งเทียนที่มีลักษณะดังนี้
1.ราคาปิดมากกว่าราคาเปิดค่อนข้างมาก (สังเกตด้วยตาเปล่าง่ายๆคือ ใหญ่ ยาว และขาว)
2.ไส้เทียนน้อย หรือแทบไม่มีเลยยิ่งดี
ซึ่งความหมายของแท่งเทียนแบบ Big White คือ แรงซื้อชนะแรงขายอย่างมากนั่นเอง
ใครยังงง ก็ดูรูปประกอบอีกเช่นเคย
เอาไปใช้ยังไงดี?
อย่างที่บอกความหมายของแท่งเทียน Big White แล้ว มันคือแรงซื้อชนะแรงขายอย่างท่วมท้น ซึ่งโดยปกติมันจะมี Volume มากด้วย
ดังนั้นแล้วถ้ามันเกิดลักษณะแบบนี้ตรงแนวต้านละ น่าสนใจใช่มั้ย
ถ้าแรงซื้อชนะแรงขายตรงแนวต้านอย่างท่วมท้น แล้วผ่านไปได้ นั่นแปลว่าคนส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า ขึ้นไป กันเถอะ ดังนั้นแล้วในวันถัดๆ มา หุ้นก็มีแนวโน้มจะขึ้นต่อไป จากการที่มีคนซื้อตามๆกันมา
ดังนั้น จำให้ดี! เกิด Big White ผ่านแนวต้านพร้อม Volume รีบขึ้นรถให้ไวเลย!
Big White
มันคือลักษณะของแท่งเทียนของหุ้นใน 1 วัน หากใครยังงงเรื่องแท่งเทียนคืออะไรอีก อ่ะ เดี๋ยวหุ้นการบ้านจะเล่าย้อนกลับไปให้
กราฟแท่งเทียน (Candle Stick)
Candlestick หรือกราฟแท่งเทียน มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น กราฟแท่งเทียนบอกข้อมูลคล้าย Bar chart คือ ราคาเปิด ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด และราคาปิด หรือเรียกย่อๆว่า OHLC (Open,High,Low,Close) แต่ที่แตกต่างคือ จะมีการใส่สีลงไปในตัวแท่งเทียน (Body) เพื่อให้สังเกตได้ง่ายขึ้น เช่น ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะเป็นสีขาว/เขียว ก็แล้วแต่เราเลือก แต่ถ้าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะเป็นสีดำหรือแดงก็ว่าไปแล้วแต่เราเลือกเช่นเดียวกัน (แต่ส่วนใหญ่ก็จะใช้สีเขียวและสีแดงนี่แหละ) ส่วนไส้เทียน(Shadow) นั้น ตัวไส้ด้านบนจะบอกถึงราคาสูงสุด ส่วนไส้ด้านล่างบอกถึงราคาต่ำสุด ใครยังงง ดูรูปประกอบได้เลยครับ
ต่อมา เรามารู้จักพระเอกของเราบ้างดีกว่า นั่นคือ “Big White” นั่นเอง มันคืออะไร?
มันคือกราฟแท่งเทียนที่มีลักษณะดังนี้
1.ราคาปิดมากกว่าราคาเปิดค่อนข้างมาก (สังเกตด้วยตาเปล่าง่ายๆคือ ใหญ่ ยาว และขาว)
2.ไส้เทียนน้อย หรือแทบไม่มีเลยยิ่งดี
ซึ่งความหมายของแท่งเทียนแบบ Big White คือ แรงซื้อชนะแรงขายอย่างมากนั่นเอง
ใครยังงง ก็ดูรูปประกอบอีกเช่นเคย
เอาไปใช้ยังไงดี?
อย่างที่บอกความหมายของแท่งเทียน Big White แล้ว มันคือแรงซื้อชนะแรงขายอย่างท่วมท้น ซึ่งโดยปกติมันจะมี Volume มากด้วย
ดังนั้นแล้วถ้ามันเกิดลักษณะแบบนี้ตรงแนวต้านละ น่าสนใจใช่มั้ย
ถ้าแรงซื้อชนะแรงขายตรงแนวต้านอย่างท่วมท้น แล้วผ่านไปได้ นั่นแปลว่าคนส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า ขึ้นไป กันเถอะ ดังนั้นแล้วในวันถัดๆ มา หุ้นก็มีแนวโน้มจะขึ้นต่อไป จากการที่มีคนซื้อตามๆกันมา
ดังนั้น จำให้ดี! เกิด Big White ผ่านแนวต้านพร้อม Volume รีบขึ้นรถให้ไวเลย!