▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
Backpack
ประเทศไอซ์แลนด์
สถานที่ท่องเที่ยว
[CR] แชร์ประสบการณ์เที่ยว Iceland 5 วัน 4 คืน
สำหรับบรรยากาศช่วงต้นเดือนกันยาอุณหภูมิอยู่ประมาณ 10 องศา ซึ่งถือว่าไม่หนาวจนเกินไป เสื้อยืด+ เสื้อกันหนาว ก็น่าพอไหวครับ หรือ ใครขี้หนาวก็เสริม Heat tech ด้านในอีกชั้นก็ได้
เป้าหมายในการเที่ยวในช่วงต้นเดือนกันยายนของพวกเรานั้นคือการชมธรรมชาติเป็นหลักครับซึ่งตารางเที่ยวก็จะอัดพอสมควร ส่วนเรื่องแสงเหนือนั้นก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาพาไป เพราะแน่นอนว่าการจะตามหาแสงเหนือในช่วงที่ไปนั้นถือว่ายากพอสมควร มาดูกันครับว่าธรรมชาติของประเทศนี้ช่วงก่อน Winter จริงๆจะสวยงามแค่ไหนและเราจะมีโอกาสได้เห็นแสงเหนือไหม เชิญรับชมได้เลยครับ
Day 1
หลังจากถึงสนามบินครับ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราก็มุ่งตรงไปยังบริษัทเช่ารถทันที ซึ่งการเดินทางจากสนามบินไปยังบริษัทเช่ารถนั้นเราสามารถขึ้น Shutter bus ได้ฟรีครับ รถมีให้บริการอยู่เรื่อยๆโดย Shutter bus จะขับผ่านทั้งหมด 4 Stops ซึ่งบนรถจะมีป้ายบอกว่าจุดไหนมีบริษัทเช่ารถเจ้าไหนอยู่ สำหรับบริษัท Enterprise นั้นอยู่จุด Stop สุดท้ายครับ
เราขับรถยาวประมาณ 5 ชั่วโมงจากซ้ายสุดมาขวาสุดก่อนเลยครับ ซึ่งการขับรถก็ไม่ยากขับ ส่วนใหญ่ก็บนถนนเบอร์ 1 เส้นหลักเส้นเดียวซึ่งเป็นเลนสวน โดยรวมตลอดเส้นทางบรรยากาศน่าประทับใจมากครับ
โดยที่แรกที่เราไปก็คือ Jökulsárlón Glacier ซึ่งเป็นเหมือนก้อนน้ำแข็งที่แตกออกมาจากธารน้ำแข็งก้อนใหญ่ ซึ่งโดยรวมถือว่าคุ้มค่ากับการขับรถมาตั้งไกล เรียกได้ว่า หายเหนื่อยครับ ปล. ตรงนี้เป็นจุดแรกที่เราจอดรถก่อนถึงสะพานข้ามแม่น้ำครับ
ไปกันที่จุดต่อไปครับ ซึ่งขับต่อไปอีกนิด ข้ามสะพานไป ถ้าตาม google map ก็ search ว่า Ice Lagoon Zodiac Boat Tours หรือ Jökulsárlón - Glacier Lagoon | Boat Tours and Cafe
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่สักพักใหญ่ครับจากนั่นก็ขับรถกลับที่พักที่เมือง Hella อีก 3 - 4 ชั่วโมง ปล. สาเหตุที่เราต้องรถย้อนกลับไปแทนที่จะพักทางด้านขวาก็เพราะที่พักด้านขวาหายากครับ ถึงมีก็ราคาแพงอยู่ เราเลยต้องยอมขับรถย้อนไปแทนครับ
Tips: ถนนเบอร์ 1 ทางโซนขวา บางช่วงอาจจะไม่มีไฟทาง รวมถึงอาจเจอสะพานที่เป็นเลนเดียวซึ่งต้องจอดให้ทางกันกับรถที่สวนมา ระวังๆกันด้วยนะครับ
Day 2
วันต่อมาเราต้องเดินทางย้อนกลับไปด้านขวา เพื่อไปยังสถานที่เที่ยวแห่งที่ 2 ในทริปนี้นั้นก็คือ Fjaðrárgljúfur ซึ่งเป็นเหมือนหุบเขาที่มองเห็นลำธารเล็กๆอยู่ด้านล่าง ซึ่งการเดินทางพอเลี้ยวเข้าซอยจากเส้นหลักหมายเลข 1 ให้เราขับตามทางไปเรื่อยๆครับประมาณ 3-4 kms จะผ่านสะพานไม้เล็กๆ 2 สะพานและลัดเลาะไปตามภูเขา ตอนแรกผมเกือบถอดใจไม่ไปแล้วเพราะทางดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แถมไม่มีป้ายบอกระหว่างทางเลยว่าสถานที่ๆเราจะไปอยู่อีกไกลไหมและนี่คือ บรรยากาศเมื่อเรามาถึงครับ
หลังจากนั้นเราก็เดินแวะทานอาหารกลางวันที่เมือง Vik ก่อนจะไปสถานที่ต่อไปซึ่งอยู่ไม่ห่างกันนัก ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูป lava field สักหน่อย
หลังจากนั้นเราก็เดินแวะทานอาหารกลางวันที่เมือง Vik ก่อนจะไปสถานที่ต่อไปซึ่งอยู่ไม่ห่างกันนัก ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูป lava field สักหน่อย
จากนั้นเราก็มุ่งหน้าสู่ Skógafoss ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่อยู่ติดๆกับถนนใหญ่เลยครับ หาไม่ยาก จากกระทู้ที่ผมดูมา เขาบอกว่าเวลาแดดออกจะมีสายรุ่งถึง 2 วงพาดผ่าน แต่พอดีช่วงที่ไปฝนตกปอยๆ ไม่มีแดด เลยอดเห็นครับ
ดื่มด่ำบรรยากาศได้สักพัก เราก็เดินทางต่อไปยังน้ำตกอีก 2 แห่งครับ ที่แรกคือ Seljalandsfoss โดยน้ำตกอาจจะเล็กกว่าที่แรกครับ ตอนนั้นจำได้ว่าฝนตก เราเลยจอดรอในรถสักพัก รอให้ฝนซาก่อนออกไปถ่ายรูปครับ
และ Gljúfrabúi ซึ่งอยู่ห่างอยู่ห่างออกไปอีกไม่เกิน 1 km โดยน้ำตกนี้เราสามารถปีนไปดูด้านบน หรือ มุดไปในถ้ำเพื่อดูน้ำตกได้ครับ แต่เนื่องด้วยสภาพรองเท้าที่ไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ ผมจึงไม่ได้มีโอกาสเข้าไปถ่ายรูปในจุดนั้นๆ
จากนั้นเราก็เดินทางไปทานข้าวเย็นด้วยสภาพตัวเปียกชุ่มหน่อย ก่อนจะเดินทางต่อไปยังที่พักชื่อ Eyvindartunga farm cottage และมีช่วงหนึ่งที่เราเดินออกมาหน้าบ้าน เราก็สังเกตุเห็นว่าท้องฟ้าดูแปลกๆเหมือนมีริ้วๆสีเขียวเกิดขึ้น เราก็ลองหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายดูก็พบว่า มันคือแสงเหนือครับผมมมมม!!!
สรุปคืนนั้นเรายืนดูแสงเหนืออยู่หน้าบ้านชิวๆไม่ต้องออกไปไหนไกลครับ ถือว่า Surprise มากๆสำหรับทริปนี้ ติดนิดเดียวถ้าตอนนั้นเป็นคืนเดือนมืดคงจะดีกว่านี้ ปล. แสงเหนือที่เห็นด้วยตาเปล่ากับที่เห็นด้วยกล้องถือว่าแตกต่างก็พอสมควรครับ ถ้ามองตาเปล่านี่แทบไม่เห็บอะไรเลย ดูจากกล้องสวยกว่าเยอะ
Day 3
วันนี้เราเดินทางออกจากที่พักแต่เช้าเพื่อไปยัง Blue lagoon จุดแช่น้ำร้อนกลางแจ้งขึ้นชื่อของที่นี่ โดยเราได้จองเวลาเข้าไว้ตอนประมาณ 11 โมง ซึ่งความตลกของวันนี้คือ เรา Search GPS ว่า Blue lagoon แล้วดันขึ้นมาว่า Blue lagoon spa ที่ Reykjavik ซึ่งเราเข้าใจว่ามันคงมีที่เดียว ปรากฏว่าพอไปถึงแล้วมันไม่ใช่นิหว่า ไปผิดที่จ้า!!! ที่ๆเราควรจะไปคือ Blue lagoon ที่ไปทางเมือง Grindavik
ช่วงบ่ายเราก็เดินทางต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอีก 2 แห่ง ซึ่งระหว่างทางเราก็แวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆเพราะพอจะมีเวลาเหลือ ข้างทางก็จะมีการเลี้ยงสัตว์ เช่น วัว ม้าและแกะ ครับ
จุดแรกที่เราไปคือ Strokkur Geysir ซึ่งเป็นน้ำพุร้อนที่จะพุ่งออกมาทุกๆ 5-10 นาที ก็ดูมีอะไรให้ลุ้นดีครับ บางครั้งรอตั้งนานพุ่งออกมานิดเดียว ก็ต้องอดทนรอรอบต่อไปครับ
สถานที่สุดท้ายของวันนี้คือ Gullfoss ซึ่งบรรยากาศโดยรวมก็สวยดีครับ โดยเฉพาะตอนที่มีสายรุ้งพาดผ่าน
Day 4
วันนี้เราเริ่มต้นวันด้วยกันไป Kerid Crater ต้องเสียค่าเข้าครับ โดยรวมแล้วเฉยๆครับ
หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าต่อไปยัง Bruarfoss ซึ่งเป็นสถานที่ๆไม่ค่อยมีใครไปเยือนมากนักและที่สำคัญหายากด้วย พวกผมใช้เวลาหาทางเข้าอยู่เกือบชั่วโมง แต่ขอบอกเลยว่าคุ้มมากๆครับ โดยบรรยากาศก็ประมาณนี้ครับผม
เราใช้เวลาที่นี่อยู่สักพักใหญ่ ก่อนจะไปทานข้าวและขับขึ้นเขาต่อไปยัง pingvellir (National park) โดยที่แรกที่เราไปคือ น้ำตก Öxarárfoss
ก็จบไปแล้วกับการรีวิว "แชร์ประสบการณ์เที่ยว Iceland 5 วัน 4 คืน" ครั้งหน้าเราจะพาทุกคนไปเที่ยวไปกินที่ไหนกันอีก ก็ฝากติดตามด้วยนะ
ภาพถ่ายทั้งหมดโดย (By My Side: ผลัดกันถ่าย)
ติดตามทริปอื่นๆของพวกเราได้ที่:
Facebook: By My Side: ผลัดกันถ่าย
IG: bymyside.29
Tiktok: Bymyside : ผลัดกันถ่าย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้