อันนี้เป็นเรื่องราวของป้าข้างบ้านค่ะ ไม่รู้ว่าแบบนี้จะต้องทำยังไง ใครมีความคิดเห็น แสดงมาได้เลยจ้า เรื่องมีอยู่ว่า ลูกชายป้าอายุ20ต้นๆ คบกับผู้หญิงอายุมากกว่า7ปี ผู้หญิงเคยแต่งงานมาแล้ว และหย่าแล้ว ไม่มีลูกด้วยกัน เจอกับน้องผู้ชายทางออนไลน์ คุยกันถูกคอ เลยตกลงคบหากันเป็นแฟน แต่อยู่คนละจังหวัด ส่วนใหญ่ก็นัดเจอกันข้างนอก ไปเที่ยวค้างคืนด้วยกันบ่อยครั้ง บางทีก็เช่ารถมารับ หรือบางทีก็ซื้อตั๋วให้น้องผู้ชายบินไปหา ท่าทางผู้หญิงหาเงินเก่ง ชอบแฟชั่น ท่าทางจะฟุ่มเฟือยเหมือนกัน แต่น้องผู้ชายท่าทางชิวๆ หาเงินเลี้ยงตัวเองพอได้ เพราะป้าก็มีเงินบำนาญ อยู่สบายๆไม่เดือดร้อน เหมือนว่าน้องทำงานออนไลน์ร่วมกัน มีเงินโอนผ่านไปมาในบัญชีทั้งสองฝ่าย และวันนึง น้องผู้ชายจับได้ว่าผู้หญิงแอบคุยกับชายอื่น โดยเช็คจากไลน์ หลังจากนั้นก็คุยกัน ว่าจะไม่ทำอีก ด้วยระยะทางที่ห่างกัน เจอกันเดือนละครั้งสองครั้ง ในระยะเวลาที่คบกัน2ปี ทำให้ผู้หญิงคุยกับชายอื่นอีก โดยผู้หญิงลบแชต ผู้ชายเลยขอเลิก ทั้งคู่ก็ตกลงเลิกกัน เพราะต่างคนก็มีคนใหม่คุย (อันนี้ก็ไม่รู้หรอกว่าจริงหรือไม่ ฟังจากป้ามาอีกที) หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย พอ ผ่านไป2สัปดาห์ ผู้หญิงแชตมาหาแม่ฝ่ายชาย (แม่ไม่ได้สนิทกันกับฝ่ายหญิง เพราะมาทีแค่ไม่ถึง10นาที ไม่เคยค้างบ้านฝ่ายชาย) บอกว่าอยากได้เงินที่ฝ่ายชายยืมไปคืน ซึ่งแม่ก็งงมาก เพราะแม่ไม่เคยรับรู้เรื่องนี้ เพราะเงินของใครก็ของคนนั้น คงไม่เกี่ยวกัน ผู้หญิงบอกว่า แม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งจำนวนหลายหมื่น แต่ดูในบัญชีที่โอนไปมาทั้งสองฝ่ายคงไม่ถึง หรือเขาอาจรวมค่าตั๋ว ค่ารถ ค่าขนมที่เคยซื้อมาฝากหรือป่าว ไม่รู้? แต่ฝ่ายหญิงบอกรักและดูแลน้องอย่างดี เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา เพราะเขาหาเงินเองได้ แต่พอเลิกกัน มาทวงเงินคืน อันนี้ดูคัดค้านกับคำพูดจังเลย เพราะถ้ายืมจริงต้องมีหนังสือสัญญา แต่นี่ไม่มี จะมีแค่สลิปการโอนครั้งละ400 -500 บาท บางที 1000-2000บาท แต่คงเป็นหลายครั้ง แบบนี้น่าจะเป็นการให้โดยเสน่ห์หาหรือป่าว? เพราะถ้าฝ่ายหญิงไม่เต็มใจให้ ฝ่ายชายคงไม่สามารถขู่เข็ญเอาได้ พอจบกันแล้วมาทวงโน่นนี่ แสดงว่าไม่ได้รักกันจริง เมื่อคาดหวังก็จะผิดหวัง ความรักคือการเต็มใจให้ซึ่งกันและกันไม่ใช่หรือ? จะเป็นทั้งผู้รับและผู้ให้ ถึงจะอยู่กันรอด และต้องเชื่อใจ ซื่อสัตย์ต่อกัน ไม่ว่าต่อหน้าและลับหลัง
เลิกกันแล้ว แต่ฝ่ายหญิงทวงเงินคืน แบบนี้ก็ได้เหรอ?