What to do for a day in Tokyo (ฉบับtransitเครื่อง)
ด้วยจขกทมีเวลามาทรานซิสที่โตเกียวเป็นเวลาเกือบๆหนึ่งวัน จึงได้ตัดสินใจแพลนออกไปเที่ยวข้างนอกสนามบิน โดยrouteที่เราเลือกไปเที่ยวคือhaneda airport ->asakuda->shibuya->haneda airport
ข้อควรรู้ก่อนเข้าไปเที่ยวญี่ปุ่น
•เดี๋ยวนี้ญี่ปุ่นมีให้เข้าไปกรอกข้อมูลก่อนเข้าญี่ปุ่นผ่านทางwebsite: visitjapan (กรอกแล้วก็ไม่ต้องเขียนใบขาเข้าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว) แนะนำให้ทำตั้งแต่ก่อนบินเลยย พอไปถึงจะได้แค่โชว์ QR quoteแล้วเข้าได้เลย สะดวกสุดๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จขกทกรอกตามเว็บนี้เลยค่า
https://girlfriendgogo.com/blog/travel-tips/visit-japan-web-registration-2023/
•ใครไปควรแลกเงินเยนก่อนไป เพราะญี่ปุ่นยังใช้เงินสดค่อนข้างเยอะ ขนาดรถไฟฟ้ายังรับแต่เงินสดเลย เราที่ไม่ได้แลกไป ก็ต้องไปหาตู้atmมากดตังค์ค่า
จากhaneda airportไปasakuku st. ให้นั่งkeikyu line+asakusa line(ชื่อคนละlineแต่ไม่ต้องลงไปเปลี่ยนสายนะ นั่งยาวๆไปถึงasakusa st.ได้เลย) พอไปถึงasakusa เราก็เดินไปที่เที่ยวจุดแรกก็คือ Sensoji temple หรือที่คนไทยมักเรียกกันว่าวัดอาสากุสะนั่นเอง เพราะกลัวว่าสายๆแล้วคนจะเยอะ(สรุปไปเช้า คนก็เริ่มเยอะแล้วค่า) ไปถึงหน้าวัดก็จะเจอประตูแขวนโคมแดงอันใหญ่ที่เป็นสัญลักษณ์ของวัด พอเข้าไปจะมีร้านค้าเรียงรายเป็นแนว ทั้งร้านของฝาก พวกกุญแจ ร้านขนมต่างๆนานา ใครผ่านไปแนะนำว่าต้องลองกินเมล่อนปัง หอมอร่อยมาก บางร้านมีทำเป็นแบบมีไส้ไอติมด้วย
และหลังจากเข้าไปไหว้พระในศาลเจ้าเสร็จสัพก็ไปเติมคาเฟอีนเข้าร่างกายที่ร้าน fuglen asakasuไม่ไกลจากวัด ร้านนี้เป็นร้านกาแฟสัญชาตินอร์เวย์มีมาตั้งแต่ปี 1963 และนำเข้ามาเปิดที่ญี่ปุ่นครั้งแรกปี 2012 เราสั่งไปสองอย่างคือลาเต้กับespresso ตัวลาเต้ส่วนตัวรู้สึกว่ารสชาตินมค่อนข้างเยอะไปนิด แต่ตัวespressoนั้นถือเป็นหนึ่งในร้านที่รสชาติที่ชอบที่สุดเลย ตัวรสมีความเปรี้ยวนิดๆ และมีกลิ่นfruityชัดมาก ใครเป็นสายespressoอยากให้ไปลองค่า
และก็มาต่อที่ร้านของหวาน ใครเป็นสาวกชาเขียวก็ต้องรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อร้านนี้ ซึ่งคือร้าน Suzukien Asakusa หรือร้านไอติมชาเขียวที่มีความเข้มของชาถึง 7 ระดับ ทางจขกทสั่งระดับ 4 กับ 7 ไป ใครเป็นสายชอบนมๆหน่อยก็แนะนำระดับ 4หรือลงมาเลย ส่วนใครชื่นชอบชาเขียวสุด ๆ ก็ต้องจัดระดับ 7 ไปเลย อร่อย ไม่ผิดหวัง (☆ω☆)
หลังจากเติมคาเฟอีนและของหวานเข้าร่างกายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะออกจากย่านอาสากุสะไปชิบูย่า เราก็ไปต่อวัดที่สองที่อยู่ในย่านเดียวกัน วัดนี้มีชื่อว่า Matsuchiyama Shoden หรือวัดหัวไช้เท้าแห่งอาสากุสะ สาเหตุที่แรกว่าวัดหัวไชเท้าก็เพราะว่าที่นี่เค้ามีการขายหัวไชเท้าให้นำไปไหว้พระนั่นเอง วัดแห่งนี้คนที่มาไหว้ก็จะมีแต่คนญี่ปุ่น โดยเฉพาะช่วงวัยทำงาน คิดว่าคงจะดังเรื่องช่วยด้านการทำงานเพราะเห็นคนใส่ชุดสูทมาไหว้เต็มเลย ส่วนวิวด้านหลังของวัดก็จะเห็น tokyo skytree อย่างชัดเจนเลย ใครไปก็อย่าลืมไปถ่ายรูปกัน
จาก Asakusaก้นั่งรถไฟตรงมาที่ Shibuya (Ginza line) แต่ด้วยเวลาที่เหลือน้อยนิดเลยไม่ได้ทำอะไรมากที่ชิบูย่า ได้แค่ไปเดินดูห้างละแวกใกล้ ๆ ซึ่งของและเสื้อผ้าน่าซื้อเยอะมาก ๆ และพลาดไม่ได้ไปกินเครปญี่ปุ่นไม่ทันT^T
และก็ถึงเวลาที่ต้องกลับสนามบินเพื่อไปต่อ เราก็นั่งรถไฟฟ้าจาก Shibuya stationตรงเข้า Haneda airportเลย
เมื่อเหลือเวลาก่อนขึ้นเครื่องและยังเหลือเงินสดเยนเป็นจำนวนหนึ่ง เลยต้องจัดการใช้ให้หมดโดยการซื้อขนมชื่อดังญี่ปุ่นอย่าง royce, มันฝรั่งทอด, kitkat
และก็จบทริปโตเกียวไม่ถึงหนึ่งวัน(ที่ไม่เพียงพอสำหรับเที่ยวโตเกียวสุด ๆ ) ไว้รอบหน้ามาแก้ตัวใหม่ เก็บที่เที่ยว ร้านอาหารน่าไปให้หมด><
bye byeไว้เจอกันใหม่นะญี่ปุ่น ⸜( *ˊᵕˋ* )⸝
แวะเที่ยวโตเกียวไม่ถึงหนึ่งวันไปเที่ยวไหนได้บ้าง
ด้วยจขกทมีเวลามาทรานซิสที่โตเกียวเป็นเวลาเกือบๆหนึ่งวัน จึงได้ตัดสินใจแพลนออกไปเที่ยวข้างนอกสนามบิน โดยrouteที่เราเลือกไปเที่ยวคือhaneda airport ->asakuda->shibuya->haneda airport
ข้อควรรู้ก่อนเข้าไปเที่ยวญี่ปุ่น
•เดี๋ยวนี้ญี่ปุ่นมีให้เข้าไปกรอกข้อมูลก่อนเข้าญี่ปุ่นผ่านทางwebsite: visitjapan (กรอกแล้วก็ไม่ต้องเขียนใบขาเข้าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว) แนะนำให้ทำตั้งแต่ก่อนบินเลยย พอไปถึงจะได้แค่โชว์ QR quoteแล้วเข้าได้เลย สะดวกสุดๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
•ใครไปควรแลกเงินเยนก่อนไป เพราะญี่ปุ่นยังใช้เงินสดค่อนข้างเยอะ ขนาดรถไฟฟ้ายังรับแต่เงินสดเลย เราที่ไม่ได้แลกไป ก็ต้องไปหาตู้atmมากดตังค์ค่า
จากhaneda airportไปasakuku st. ให้นั่งkeikyu line+asakusa line(ชื่อคนละlineแต่ไม่ต้องลงไปเปลี่ยนสายนะ นั่งยาวๆไปถึงasakusa st.ได้เลย) พอไปถึงasakusa เราก็เดินไปที่เที่ยวจุดแรกก็คือ Sensoji temple หรือที่คนไทยมักเรียกกันว่าวัดอาสากุสะนั่นเอง เพราะกลัวว่าสายๆแล้วคนจะเยอะ(สรุปไปเช้า คนก็เริ่มเยอะแล้วค่า) ไปถึงหน้าวัดก็จะเจอประตูแขวนโคมแดงอันใหญ่ที่เป็นสัญลักษณ์ของวัด พอเข้าไปจะมีร้านค้าเรียงรายเป็นแนว ทั้งร้านของฝาก พวกกุญแจ ร้านขนมต่างๆนานา ใครผ่านไปแนะนำว่าต้องลองกินเมล่อนปัง หอมอร่อยมาก บางร้านมีทำเป็นแบบมีไส้ไอติมด้วย
และหลังจากเข้าไปไหว้พระในศาลเจ้าเสร็จสัพก็ไปเติมคาเฟอีนเข้าร่างกายที่ร้าน fuglen asakasuไม่ไกลจากวัด ร้านนี้เป็นร้านกาแฟสัญชาตินอร์เวย์มีมาตั้งแต่ปี 1963 และนำเข้ามาเปิดที่ญี่ปุ่นครั้งแรกปี 2012 เราสั่งไปสองอย่างคือลาเต้กับespresso ตัวลาเต้ส่วนตัวรู้สึกว่ารสชาตินมค่อนข้างเยอะไปนิด แต่ตัวespressoนั้นถือเป็นหนึ่งในร้านที่รสชาติที่ชอบที่สุดเลย ตัวรสมีความเปรี้ยวนิดๆ และมีกลิ่นfruityชัดมาก ใครเป็นสายespressoอยากให้ไปลองค่า
และก็มาต่อที่ร้านของหวาน ใครเป็นสาวกชาเขียวก็ต้องรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อร้านนี้ ซึ่งคือร้าน Suzukien Asakusa หรือร้านไอติมชาเขียวที่มีความเข้มของชาถึง 7 ระดับ ทางจขกทสั่งระดับ 4 กับ 7 ไป ใครเป็นสายชอบนมๆหน่อยก็แนะนำระดับ 4หรือลงมาเลย ส่วนใครชื่นชอบชาเขียวสุด ๆ ก็ต้องจัดระดับ 7 ไปเลย อร่อย ไม่ผิดหวัง (☆ω☆)
หลังจากเติมคาเฟอีนและของหวานเข้าร่างกายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะออกจากย่านอาสากุสะไปชิบูย่า เราก็ไปต่อวัดที่สองที่อยู่ในย่านเดียวกัน วัดนี้มีชื่อว่า Matsuchiyama Shoden หรือวัดหัวไช้เท้าแห่งอาสากุสะ สาเหตุที่แรกว่าวัดหัวไชเท้าก็เพราะว่าที่นี่เค้ามีการขายหัวไชเท้าให้นำไปไหว้พระนั่นเอง วัดแห่งนี้คนที่มาไหว้ก็จะมีแต่คนญี่ปุ่น โดยเฉพาะช่วงวัยทำงาน คิดว่าคงจะดังเรื่องช่วยด้านการทำงานเพราะเห็นคนใส่ชุดสูทมาไหว้เต็มเลย ส่วนวิวด้านหลังของวัดก็จะเห็น tokyo skytree อย่างชัดเจนเลย ใครไปก็อย่าลืมไปถ่ายรูปกัน
จาก Asakusaก้นั่งรถไฟตรงมาที่ Shibuya (Ginza line) แต่ด้วยเวลาที่เหลือน้อยนิดเลยไม่ได้ทำอะไรมากที่ชิบูย่า ได้แค่ไปเดินดูห้างละแวกใกล้ ๆ ซึ่งของและเสื้อผ้าน่าซื้อเยอะมาก ๆ และพลาดไม่ได้ไปกินเครปญี่ปุ่นไม่ทันT^T
และก็ถึงเวลาที่ต้องกลับสนามบินเพื่อไปต่อ เราก็นั่งรถไฟฟ้าจาก Shibuya stationตรงเข้า Haneda airportเลย
เมื่อเหลือเวลาก่อนขึ้นเครื่องและยังเหลือเงินสดเยนเป็นจำนวนหนึ่ง เลยต้องจัดการใช้ให้หมดโดยการซื้อขนมชื่อดังญี่ปุ่นอย่าง royce, มันฝรั่งทอด, kitkat
และก็จบทริปโตเกียวไม่ถึงหนึ่งวัน(ที่ไม่เพียงพอสำหรับเที่ยวโตเกียวสุด ๆ ) ไว้รอบหน้ามาแก้ตัวใหม่ เก็บที่เที่ยว ร้านอาหารน่าไปให้หมด><
bye byeไว้เจอกันใหม่นะญี่ปุ่น ⸜( *ˊᵕˋ* )⸝