มีสัตว์เลี้ยงเมื่อพร้อม

อยากเล่านิทานอันน่าเศร้าสลดให้ผู้อ่านที่ผ่านมาเจอกระทู้นี้ได้ฟัง และนำไปไตร่ตรองก่อนมีสัตว์เลี้ยง

มีคำสอนเตือนใจสำหรับมนุษย์ว่า "จงมีลูกเมื่อพร้อม" แต่วันนี้ดิฉันขอเสนอคำว่า "จงมีสัตว์เลี้ยงเมื่อพร้อม"

กาลครั้งหนึ่ง ณ ร้านขายของขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เลี้ยงสุนัข 1 ตัว ชื่อ ดุ๊กดิ๊ก น้องเป็นสุนัขพันธุ์จิ๋วอายุประมาณ 2 ขวบ ร่าเริง สดใส ขนฟูสีเทา ชอบโผเข้าทักทายลูกค้าที่มาที่ร้าน วันหนึ่งมีลูกค้าใจดีก้มตัวลงมาทักทายดุ๊กดิ๊ก เมื่อลูบหัวลูบตัวแล้วพบว่าบนตัวของดุ๊กดิ๊กตะปุ่มตะปั่ม เลยลองสางขนเพื่อตรวจดู สิ่งที่เจอคือเห็บตัวอ้วนและหมัดตัวร้ายจำนวนมากที่กำลังสูบเลือดจากเหยื่อตัวน้อย ลูกค้าคนนั้นตกใจมาก รีบแจ้งอาเฮียและอาเจ๊เจ้าของร้านเพื่อให้นำน้องไปรักษา แต่ได้รับการบอกปัดว่าไม่มีเวลา ที่บ้านก็อาบน้ำให้ประจำ มีคนงานต่างชาติเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแล และมีเจ้าของซึ่งเป็นหลานอายุน้อยที่รักมาก คอยกอด หอม นอนด้วยกันทุกคืน ลูกค้าคนนั้นยิ่งตกใจ คุณพระ! ไม่ใช่แค่ดุ๊กดิ๊กที่น่าเป็นห่วงเท่านั้น แต่คนที่อยู่ด้วยก็น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน หลังจากพยายามโน้มน้าวอยู่นาน เจ้าของร้านได้แสดงท่าทีรำคาญ จนมีคำพูดคล้ายว่าจะไม่พาไปรักษา ไม่มีเวลาแน่นอน และถ้าดุ๊กดิ๊กป่วย ก็คงต้องปล่อยไป ทั้งที่รู้ว่าเป็นการยุ่งไม่เข้าเรื่อง แต่หลังจากสบตาดุ๊กดิ๊กตัวน้อย สายตาที่บริสุทธิ์ สายตาที่เต็มไปด้วยการเรียกร้องขอความรัก ลูกค้าผู้ใจดีจึงตัดสินใจขออนุญาตนำดุ๊กดิ๊กไปกำจัดเห็บหมัด

เมื่อไปถึงโรงพยาบาล พบว่าดุ๊กดิ๊กน้ำหนักไม่ถึง 1.9 กิโลกรัม ผอมบางจนเห็นกระดูก รวมถึงมีตัวหมัดและเห็บนับร้อย แพทย์ลงความเห็นให้ตัดขนสั้นเพื่อให้สะดวกกับการรักษา หยอดยาที่หลังเพื่อป้องกัน/กำจัดเห็บหมัด อาบน้ำ เป่าขนชุดใหญ่ หลังดุ๊กดิ๊กสบายตัวก็พบว่าจริงๆแล้วน้องมีขนสีดำ ไม่ใช่สีเทา... ดุ๊กดิ๊กเป็นที่เอ็นดูของแพทย์และเจ้าหน้าที่ทุกคนในโรงพยาบาล น้องฝากเนื้อฝากตัว ร่าเริงมาก ลูกค้าคนนั้นจึงได้ให้ขนมสำหรับสุนัขให้น้องทาน แต่ดุ๊กดิ๊กกลับไม่ค่อยกล้ากิน คล้ายกลัวอะไรบางอย่าง แพทย์แนะนำให้ตรวจเลือดดุ๊กดิ๊กชุดใหญ่เพื่อหาการติดเชื้อโดยรวมและเชื้อโรคที่มักมากับตัวเห็บและหมัด เช่น พยาธิในเม็ดเลือด เป็นต้น ลูกค้าคนนั้นจึงจะกลับไปปรึกษาเจ้าของร้านเพื่อขอความคิดเห็นก่อน

เมื่อกลับไปส่งที่ร้านและได้เล่ารายละเอียดให้อาเจ๊เจ้าของร้านฟัง ก็ได้รับการบอกปัดว่าไม่มีเวลาพาไปเจาะเลือด ไม่มีเวลาพาไปอาบน้ำเพื่อกำจัดเห็บหมัดแน่นนอน พร้อมทั้งหันมาถามว่าแล้วใครจะออกค่าใช้จ่าย คุณหรือ? ลูกค้าคนนั้นสัมผัสได้ว่าที่นี่คงไม่ได้ต้องการดุ๊กดิ๊กแล้ว จึงออกปากขอซื้อดุ๊กดิ๊กเพื่อไปดูแลเอง แต่ได้รับการตอบว่าให้ไปขอจากหลาน (ผู้เยาว์) ที่เป็นเจ้าของตัวจริงเอง ซึ่งตามประสาเด็กที่อายุน้อยก็คงจะไม่อยากให้สัตว์เลี้ยงของตนเองกับคนอื่นแน่นอน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถดูแลดุ๊กดิ๊กให้หายจากภาวะนี้ได้ด้วย ลูกค้าคนนั้นจนใจ ไม่รู้จะต้องทำยังไง จึงขอมารับดุ๊กดิ๊กไปอาบน้ำเพื่อล้างยากำจัดเห็บหมัดอีกครั้งในอีก 2 วัน

2 วันต่อมา ขณะลูกค้ามารับดุ๊กดิ๊กตัวน้อยไปอาบน้ำ ก็ได้พบว่าขนน้องได้กลายเป็นสีเทาอีกแล้ว... เจ้าหน้าที่ที่อาบน้ำแจ้งว่าได้พบเห็บหมัดอีกจำนวนหนึ่งบนตัวดุ๊กดิ๊ก หากพามาอาบน้ำอีกซักระยะ ร่วมกับการปรับเปลี่ยนสถาพแวดล้อมของที่บ้านจะทำให้สามารถกำจัดเห็บหมัดได้อย่างหมดจด หลังจากนำดุ๊กดิ๊กไปส่งที่ร้าน ลูกค้าคนนั้นจึงคุยกับคนงานชาวต่างชาติในร้านที่ดูแลดุ๊กดิ๊กเป็นประจำว่าให้หมั่นทำความสะอาดบริเวณที่เลี้ยง โรยแป้งและฉีดสะเปรย์กำจัดเห็บหมัดให้ดุ๊กดิ๊กบ่อยๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงของอาเจ๊เจ้าของร้านที่กำลัง "คุยโทรศัพท์" อยู่ว่า ที่นี่มีแป้งมียาอยู่แล้ว และเริ่มมามีปฏิกริยากับดุ๊กดิ๊กแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าคนนั้นกลัวมากที่สุด กลัวว่าหากลูกค้ากลับไปแล้ว คนในร้านจะทำไม่ดีกับดุ๊กดิ๊ก ลูกค้าคนนั้นจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่า จะไม่ทำตัวเป็นสาเหตุให้มีคนไม่ชอบหรือเกลียดดุ๊กดิ๊กเด็ดขาด ในเมื่อสุดท้ายเราก็ไม้ใช่เจ้าของน้อง เราไม่มีสิทธิไปทำอะไรโดยพลกาลโดยที่เจ้าของไม่อนุญาต จึงต้องปล่อยดุ๊กดิ๊กไป อธิษฐานให้เจ้าตัวน้อยแข็งแรง มีความสุข ได้รับความเอ็นดูจากคนในร้าน หากป่วยหรือเสียก็ขอให้ไม่ทรมาน มีคนอยู่ข้างๆ ไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป

จบแล้วค่ะ สำหรับนิทานเรื่องนี้ อยากจะบอกว่า สัตว์ทุกตัวเป็นสิ่งมีชีวิตที่บริสุทธิ์มาก ในกรณีนี้คือสุนัข ดิฉันมั่นใจว่าโดยเนื้อแท้แล้ว น้องทุกตัวมีจิตใจที่บริสุทธิ์มาก คงมีคนมีคำถาม แล้วทำไมบางตัวดุล่ะ? ดิฉันขอให้เรามองย้อนอดีตเพื่อหาสาเหตุของพฤติกรรมของน้อง เช่น การเคยถูกทอดทิ้ง การถูกละเลย ถูกทุบตี ต้องใช้ชีวิตเอาตัวรอดแย่งชิงอาหารข้างถนน สิ่งเหล่านี้ค่ะที่ทำให้น้องต้องเรียนรู้ที่จะเอาตัวรอด ป้องกันตนเอง มันคือกลไกการป้องกันตนเองชนิดหนึ่งที่มนุษณ์ทุกคนก็มี เพียงแต่ว่าสุนัขนั้นเค้าซื่อตรงต่อความรู้สึกของตนเอง แสดงชัดเจนว่ารัก ชอบ หิว โกรธ ไม่มีการแอบซ่อนเหมือนมนุษย์ที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนที่สุดในโลก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่