การที่คนสองคนคบกันมาเป็นเวลาหลายปี
แต่งงาน มีลูกด้วยกัน (ไม่ได้จดทะเบียน)
ซื้อบ้านเป็นของตัวเอง (หมู่บ้านเดียวกับแม่ผม แค่คนละซอย)
แล้วเมื่ออยู่ด้วยกันมาอีกไม่กี่ปี
แม่แฟนมีอาการป่วย เป็นระยะ ความดัน กรดไหลย้อน
หน้ามืด ลมขึ้นอยู่บ่อยครั้ง หมอนัดเช็คอาการเดือนละครั้ง
และท่านอยู่บ้านคนเดียว เพราะคุณพ่อเสียไปตั้งแต่แฟนยังเล็กๆ
ท่านทั้งสอง มีลูกสองคน คือพี่สาวแฟน ซึ่งแยกครอบครัวไปอยู่ต่างจังหวัดเป็นสิบปีแล้ว
ส่วนแฟนก็อยู่กับแม่ตั้งแต่คุณพ่อเสีย
ตั้งแต่คุณแม่ท่านป่วย แฟนก็บอกว่าจะกลับไปอยู่กับแม่
เพราะท่านเป็นคนติดบ้านหลังนั้นมาก อยู่ตั้งแต่คุณพ่อแฟนยังไม่เสีย และสนิทใจกับคนแถวนั้นมากๆ
ถ้าท่านย้ายไป ท่านคงเหงามาก เลยตัดสินใจ ไม่ขอย้ายไปอยู่ที่ไหน (เคยชวนมาอยู่ด้วยกัน ท่านไม่มา)
ตั้งแต่นั้นมาจนถึงวันนี้ ก็ 3 ปีแล้ว ที่ผมกับแฟน ไม่ได้อยู่ด้วยกัน
แต่จะมีบางเสาร์อาทิตย์ ที่ผมไปหาและออกไปหาอะไรทานข้างนอก พาลูกไปเที่ยว
ได้ใช้เวลากับลูกทั้งวัน หรือบางทีขี้เกียจออก ก็ทำกินกันในบ้าน
ส่วนผม ไปอยู่ด้วยไม่ได้ เพราะทางคุณแม่ผม สุขภาพก็ไม่ใช่ว่าจะดี
เพราะท่านก็เป็นโรคหัวใจ ชอบจะเป็นลมมาก่อนหน้าที่ผมจะแต่งงานแล้ว
และผมก็เป็นลูกคนเดียว เลยไม่อยากห่างท่านมากนัก
เลยขอท่านแค่คืนวันศุกร์กับเสาร์ ที่จะไปนอนบ้านคุณแม่ของแฟน
แรกๆท่านก็ดูวิตกกังวล แต่พอมานานวัน ท่านก็ชิน
ผมกับแฟนเข้าใจต่อกัน ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ทำหน้าที่พ่อกับแม่ให้สมบูรณ์แบบที่สุด
แต่ก็มีวิดีโอคอลหากันตลอด ได้คุยกับลูก ก็เหมือนชาร์จพลังให้เต็มอีกครั้ง
แรกๆ ที่แยกกันอยู่ มันก็ยังโอเค แต่พอมาช่วงปีนี้
บางอย่างมันเปลี่ยนไป ผมเริ่มรู้สึกว่า ครอบครัว มันไม่ใช่ครอบครัว
เราเหมือนแยกกันอยู่โดยสมบูรณ์
จากที่โทรหาแฟนแทบทุกวัน หลังๆนี้ แฟนบอกว่างานเยอะ คุยกับลูกไปนะ
และจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่โทรไป
ผมเลยมาคิดว่า แฟนอาจจะชินแล้วใช่มั้ย ที่ไม่มีผม หรือไม่ต้องมีคู่ชีวิตก็ได้
เพราะผมก็เป็นแฟนคนแรกของแฟนเหมือนกัน
แฟนผมไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลย เมื่อก่อนเป็นตัวของตัวเอง ออกห้าวๆลุยๆ
เลยไม่มีใครกล้ามาจีบมั้ง
ทุกวันนี้ก็ยังคิดไม่ออก ว่าจะทำยังไง ให้ความรัก ความสัมพันธ์กลับมาเหมือนเดิม
เพราะตอนนี้ลูก 7 ขวบ ยังไม่อยากรู้อะไรมาก
แต่พอเขาโตขึ้น สัก ม.ต้น เขาคงอยากเห็นพ่อกับแม่อยู่ด้วยกัน
แต่คิดว่า ถ้าอธิบาย เขาคงจะเข้าใจ
ไม่มีทางอื่นอีกแล้วใช่มั้ย ??
แต่งงาน มีลูกด้วยกัน (ไม่ได้จดทะเบียน)
ซื้อบ้านเป็นของตัวเอง (หมู่บ้านเดียวกับแม่ผม แค่คนละซอย)
แล้วเมื่ออยู่ด้วยกันมาอีกไม่กี่ปี
แม่แฟนมีอาการป่วย เป็นระยะ ความดัน กรดไหลย้อน
หน้ามืด ลมขึ้นอยู่บ่อยครั้ง หมอนัดเช็คอาการเดือนละครั้ง
และท่านอยู่บ้านคนเดียว เพราะคุณพ่อเสียไปตั้งแต่แฟนยังเล็กๆ
ท่านทั้งสอง มีลูกสองคน คือพี่สาวแฟน ซึ่งแยกครอบครัวไปอยู่ต่างจังหวัดเป็นสิบปีแล้ว
ส่วนแฟนก็อยู่กับแม่ตั้งแต่คุณพ่อเสีย
ตั้งแต่คุณแม่ท่านป่วย แฟนก็บอกว่าจะกลับไปอยู่กับแม่
เพราะท่านเป็นคนติดบ้านหลังนั้นมาก อยู่ตั้งแต่คุณพ่อแฟนยังไม่เสีย และสนิทใจกับคนแถวนั้นมากๆ
ถ้าท่านย้ายไป ท่านคงเหงามาก เลยตัดสินใจ ไม่ขอย้ายไปอยู่ที่ไหน (เคยชวนมาอยู่ด้วยกัน ท่านไม่มา)
ตั้งแต่นั้นมาจนถึงวันนี้ ก็ 3 ปีแล้ว ที่ผมกับแฟน ไม่ได้อยู่ด้วยกัน
แต่จะมีบางเสาร์อาทิตย์ ที่ผมไปหาและออกไปหาอะไรทานข้างนอก พาลูกไปเที่ยว
ได้ใช้เวลากับลูกทั้งวัน หรือบางทีขี้เกียจออก ก็ทำกินกันในบ้าน
ส่วนผม ไปอยู่ด้วยไม่ได้ เพราะทางคุณแม่ผม สุขภาพก็ไม่ใช่ว่าจะดี
เพราะท่านก็เป็นโรคหัวใจ ชอบจะเป็นลมมาก่อนหน้าที่ผมจะแต่งงานแล้ว
และผมก็เป็นลูกคนเดียว เลยไม่อยากห่างท่านมากนัก
เลยขอท่านแค่คืนวันศุกร์กับเสาร์ ที่จะไปนอนบ้านคุณแม่ของแฟน
แรกๆท่านก็ดูวิตกกังวล แต่พอมานานวัน ท่านก็ชิน
ผมกับแฟนเข้าใจต่อกัน ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ทำหน้าที่พ่อกับแม่ให้สมบูรณ์แบบที่สุด
แต่ก็มีวิดีโอคอลหากันตลอด ได้คุยกับลูก ก็เหมือนชาร์จพลังให้เต็มอีกครั้ง
แรกๆ ที่แยกกันอยู่ มันก็ยังโอเค แต่พอมาช่วงปีนี้
บางอย่างมันเปลี่ยนไป ผมเริ่มรู้สึกว่า ครอบครัว มันไม่ใช่ครอบครัว
เราเหมือนแยกกันอยู่โดยสมบูรณ์
จากที่โทรหาแฟนแทบทุกวัน หลังๆนี้ แฟนบอกว่างานเยอะ คุยกับลูกไปนะ
และจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่โทรไป
ผมเลยมาคิดว่า แฟนอาจจะชินแล้วใช่มั้ย ที่ไม่มีผม หรือไม่ต้องมีคู่ชีวิตก็ได้
เพราะผมก็เป็นแฟนคนแรกของแฟนเหมือนกัน
แฟนผมไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลย เมื่อก่อนเป็นตัวของตัวเอง ออกห้าวๆลุยๆ
เลยไม่มีใครกล้ามาจีบมั้ง
ทุกวันนี้ก็ยังคิดไม่ออก ว่าจะทำยังไง ให้ความรัก ความสัมพันธ์กลับมาเหมือนเดิม
เพราะตอนนี้ลูก 7 ขวบ ยังไม่อยากรู้อะไรมาก
แต่พอเขาโตขึ้น สัก ม.ต้น เขาคงอยากเห็นพ่อกับแม่อยู่ด้วยกัน
แต่คิดว่า ถ้าอธิบาย เขาคงจะเข้าใจ