สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
นิทานเซ็น...(Sudden School !)
พระหนุ่มนักบวชนิกายเซ็น 2 คน....ออกเดินทางแสวงบุญไปตามหมู่บ้านในชนบท...
เมื่อไปถึงลำธารเล็กๆสายหนึ่ง น้ำใสไหลเอื่อย...ลึกพอเดินข้ามได้...
.....ที่ข้างริมลำธารนั้น...มีหญิงสาว(สวยด้วย !) ยืนรอเพื่อจะข้ามลำธารไป....แต่ไปไม่ได้เพราะกลัวกระโปรงยาวจะเปียก...! กำลังกระวนกระวาย...เดินวนไปมาอยู่.....เพราะอยู่ตรงนั้นมาพักนึงแล้ว
สาวสวยพอเห็นนักบวชหนุ่มทั้ง 2 เดินมาใกล้...เธอดีใจมาก...จึงเดินเข้าไปแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า...หลวงพี่ขา...ช่วยอุ้มหนูข้ามไปหน่อยนะคะ..หนูรอมานานแล้วค่ะ !
นักบวชคนหนึ่งได้ยิน...เขาไม่แม้แต่จะหันมองดู...ก้าวลงลำธาร....แล้วจ้ำข้ามไปอย่างรวดเร็ว...!
นักบวชหนุ่มอีกคน...พอหญิงสาวพูดจบ...เขาก้มลงอุ้มสาวสวยขึ้น....แล้วก้าวข้ามลำธารไปโดยเร็วเช่นกัน...!
เมื่อไปถึงอีกฝังหนึ่ง....นักบวชหนุ่มวางหญิงสาวลง....และออกเดินทางต่อทันที..!
หญิงสาวได้แต่ส่งเสียงขอบคุณอยู่ไม่ขาดปาก...
ระหว่างเดินทาง นักบวชคนที่ไม่ได้อุ้มหญิงสาว..มีท่าทีหงุดหงิด....หน้าบอกบุญไม่รับ....
แต่นักบวชที่อุ้มหญิงสาว....กลับเดินอย่างปลอดโปร่ง ด้วยท่าที่สงบและอิ่มเอมใจ.....!
จนนักบวชที่หงุดหงิดอดรนทนไม่ได้...จึงหันมาถามด้วยเสียงอันดังว่า.....
*"คุณไม่รู้หรือว่า...การอุ้มหญิงสาวคนนั้น...มันเป็นบาป-ผิดคำสอนของอาจารย์?
**นักบวชคนที่อุ้มสาวสวยหันมาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
"ผมวางน้องเขาไว้ตรงข้างลำธารนั้นแล้ว...คุณยังอุ้มน้องเขามาถึงนี่เชียวหรือ?"!!!!!!
"ปล่อยวาง"
.. อุปมาเหมือนว่า "เราแบกก้อนหินหนักอยู่ก้อนหนึ่ง แบกไปก็รู้สึกหนัก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับมัน" ก็ได้แต่แบกอยู่อย่างนั้นแหละ "พอมีใครบอกว่า ให้โยนมันทิ้งเสียซิ" ก็มาคิดอีกแหละว่า "เอ ถ้าเราโยนมันทิ้งไปแล้ว เราก็ไม่มีอะไรเหลือนะซิ" ก็เลยแบกอยู่นั่นแหละ ไม่ยอมทิ้ง
ถึงจะมีใครบอกว่า "โยนทิ้งไปเถอะ แล้วจะดีอย่างนั้นเป็นประโยชน์อย่างนี้" เราก็ยังไม่ยอมโยนทิ้งอยู่นั่นแหละ "เพราะกลัวแต่ว่าจะไม่มีอะไรเหลือ ก็เลยแบกก้อนหินหนักไว้"
จนเหนื่อยอ่อนเพลียเต็มที "จนแบกไม่ไหวแล้ว ก็เลยปล่อยมันตกลง" ตอนที่ปล่อยมันตกลงนี่แหละ"ก็จะเกิดความรู้เรื่อง การปล่อยวางขึ้นมาเลยเราจะรู้สึกเบาสบาย"
แล้วก็รู้ได้ด้วยตนเองว่า "การแบกก้อนหินนั้นมันหนักเพียงใด" แต่ตอนที่เราแบกอยู่นั้น "เราไม่รู้หรอกว่า การปล่อยวาง มันมีประโยชน์เพียงใด" .. "
"ปฏิบัติกันเถิด"
หลวงปู่ชา สุภัทโท
พระหนุ่มนักบวชนิกายเซ็น 2 คน....ออกเดินทางแสวงบุญไปตามหมู่บ้านในชนบท...
เมื่อไปถึงลำธารเล็กๆสายหนึ่ง น้ำใสไหลเอื่อย...ลึกพอเดินข้ามได้...
.....ที่ข้างริมลำธารนั้น...มีหญิงสาว(สวยด้วย !) ยืนรอเพื่อจะข้ามลำธารไป....แต่ไปไม่ได้เพราะกลัวกระโปรงยาวจะเปียก...! กำลังกระวนกระวาย...เดินวนไปมาอยู่.....เพราะอยู่ตรงนั้นมาพักนึงแล้ว
สาวสวยพอเห็นนักบวชหนุ่มทั้ง 2 เดินมาใกล้...เธอดีใจมาก...จึงเดินเข้าไปแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า...หลวงพี่ขา...ช่วยอุ้มหนูข้ามไปหน่อยนะคะ..หนูรอมานานแล้วค่ะ !
นักบวชคนหนึ่งได้ยิน...เขาไม่แม้แต่จะหันมองดู...ก้าวลงลำธาร....แล้วจ้ำข้ามไปอย่างรวดเร็ว...!
นักบวชหนุ่มอีกคน...พอหญิงสาวพูดจบ...เขาก้มลงอุ้มสาวสวยขึ้น....แล้วก้าวข้ามลำธารไปโดยเร็วเช่นกัน...!
เมื่อไปถึงอีกฝังหนึ่ง....นักบวชหนุ่มวางหญิงสาวลง....และออกเดินทางต่อทันที..!
หญิงสาวได้แต่ส่งเสียงขอบคุณอยู่ไม่ขาดปาก...
ระหว่างเดินทาง นักบวชคนที่ไม่ได้อุ้มหญิงสาว..มีท่าทีหงุดหงิด....หน้าบอกบุญไม่รับ....
แต่นักบวชที่อุ้มหญิงสาว....กลับเดินอย่างปลอดโปร่ง ด้วยท่าที่สงบและอิ่มเอมใจ.....!
จนนักบวชที่หงุดหงิดอดรนทนไม่ได้...จึงหันมาถามด้วยเสียงอันดังว่า.....
*"คุณไม่รู้หรือว่า...การอุ้มหญิงสาวคนนั้น...มันเป็นบาป-ผิดคำสอนของอาจารย์?
**นักบวชคนที่อุ้มสาวสวยหันมาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
"ผมวางน้องเขาไว้ตรงข้างลำธารนั้นแล้ว...คุณยังอุ้มน้องเขามาถึงนี่เชียวหรือ?"!!!!!!
-----------------
"ปล่อยวาง"
.. อุปมาเหมือนว่า "เราแบกก้อนหินหนักอยู่ก้อนหนึ่ง แบกไปก็รู้สึกหนัก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับมัน" ก็ได้แต่แบกอยู่อย่างนั้นแหละ "พอมีใครบอกว่า ให้โยนมันทิ้งเสียซิ" ก็มาคิดอีกแหละว่า "เอ ถ้าเราโยนมันทิ้งไปแล้ว เราก็ไม่มีอะไรเหลือนะซิ" ก็เลยแบกอยู่นั่นแหละ ไม่ยอมทิ้ง
ถึงจะมีใครบอกว่า "โยนทิ้งไปเถอะ แล้วจะดีอย่างนั้นเป็นประโยชน์อย่างนี้" เราก็ยังไม่ยอมโยนทิ้งอยู่นั่นแหละ "เพราะกลัวแต่ว่าจะไม่มีอะไรเหลือ ก็เลยแบกก้อนหินหนักไว้"
จนเหนื่อยอ่อนเพลียเต็มที "จนแบกไม่ไหวแล้ว ก็เลยปล่อยมันตกลง" ตอนที่ปล่อยมันตกลงนี่แหละ"ก็จะเกิดความรู้เรื่อง การปล่อยวางขึ้นมาเลยเราจะรู้สึกเบาสบาย"
แล้วก็รู้ได้ด้วยตนเองว่า "การแบกก้อนหินนั้นมันหนักเพียงใด" แต่ตอนที่เราแบกอยู่นั้น "เราไม่รู้หรอกว่า การปล่อยวาง มันมีประโยชน์เพียงใด" .. "
"ปฏิบัติกันเถิด"
หลวงปู่ชา สุภัทโท
แสดงความคิดเห็น
มีวิธีจัดการกับความรู้สึกยังไงกันคะ เมื่อเปลี่ยนงานแล้วอะไรหลายๆอย่างแย่กว่าที่เดิม
ปล.ตอนนี้ก็ยังหางานใหม่อยู่เรื่อยๆนะคะ
ปล.2 ในประกาศรับสมัครงาน เค้าลงสวัสดิการไว้เหมือนที่ได้จากที่ทำงานเก่าเลยค่ะเลยลองสมัครไป ตอนสัมภาษณ์ก็ได้ถามแล้ว แต่พอมาทำจริงๆและลองถามเพื่อนร่วมงานดูเรื่องโบนัส เค้าบอกไม่เคยได้ค่ะ(เค้าอยู่มา2ปี) ส่วนสภาพแวดล้อมการทำงานก็ไม่ค่อยดีเลยค่ะ ตอนสัมภาษณ์ไม่ได้มาเห็นในส่วนที่ต้องทำงาน ถ้าเห็นแต่แรกก็คงไม่ตัดสินใจมา🥲