ผมเชื่อว่า ทุกคนมักจะเคยได้ยืนหรือมีคำพูด คติประจำใจ ติดปากที่บอกว่า
"เทรดเดอร์จำเป็นต้องศึกษาและใช้งาน แต่วิชาเทคนิกที่ตัวเองชอบ ถนัด และถูกจริต เพียงอย่างเดียว
เพราะไม่งั้นจะไม่สามารถใช้งานเทคนิกนั้นๆ ทำกำไรได้อย่างยั่งยืนและชนะตลาดได้ง่ายๆ"
ได้กลายเป็น Mindset ฝั่งหัวของใครหลายๆคน
หากเราตามดู โพส / คอมเม้น ใน Social Media ส่วนใหญ่จะเป็นไปในทิศทางนี้หมด
ซึ่งเป็น Mindset ที่ผิดและมี ข้อเสีย มากกว่า ข้อดี อย่างร้ายแรง เพราะอะไรบ้างไปไล่ดูทีละวิชาเทคนิกกันก่อน
Part1 : ข้อดี และ ข้อเสีย ของแต่ละวิชาเทคนิก ที่คุณต้องรู้ก่อนผมจะเริ่มวิจารณ์
1.1 การอ่าน/วิเคราะห์ Bid-Offer-Ticket : หรือ วิเคราะห์พฤติกรรมของ เจ้ามือ vs รายย่อย
ที่สะท้อนผ่านการ วาง/ถอน/แมต ออเดอร์ ของ Bid/Offer แต่ละแถว และ Ticket
(วิชาเทคนิกในตลาดหุ้น)
ข้อดี :
- ให้ Signal ในการเข้าเทรดได้ไวที่สุด (Top1) เมื่อเทียบกับทุกข้อในวิชาเทคนิก
- เหมาะกับทุกสภาวะตลาดสามารถเทรดได้ดีหมด โดยเฉพาะตลาด Sildway จะทำได้ดีกว่าวิชาเทคนิกอื่นเป็นพิเศษ
ข้อเสีย :
- ยังหาไม่เจอ แต่ถ้าจะให้มีคงเป็น พฤติกรรมของเจ้ามือสามารถเปลี่ยนแปลงและล่อเม่าสับขาหลอกผู้ใช้วิชานี้ได้อีกต่อหนึ่ง
ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง :
- Top1 ต้องใช้ชั่วโมงบินมากที่สุดในบรรดาวิชาเทคนิกทุกข้อ
1.2 ทฤษฏี Dow : วิชาที่ศึกษาโครงสร้างราคา
ข้อดี :
- ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีข้อดีที่ชัดเจน
ข้อเสีย :
- ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีข้อเสียที่ชัดเจน
ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง :
- ไม่ทราบ
1.3 Wyckoff Logic : วิชาที่ศึกษาพฤติกรรมการเทรดของเจ้ามือ
ข้อดี :
- ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีข้อดีที่ชัดเจน
ข้อเสีย :
- ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีข้อเสียที่ชัดเจน
ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง :
- ไม่ทราบ
1.4 Smart Money Concert [SMC] : วิชาที่ศึกษาพฤติกรรมการเทรดของเจ้ามือ แต่ต่อยอดมาจาก ทฤษฏี Dow และ Wyckoff Logic
โดยมีการแบ่งแยกสำนักย่อยมากมาย เริ่มพัฒนาต้นทางวิชาเทคนิกแรกมาจาก Demand Supply Zone ตามด้วยสำนัก ICT
และแบ่งแยกย่อยเป็น SMC และแตกไปคนละสายกับ SMC เช่น RTM / .....
จึงขอเรียกร่วมว่า หมวดวิชาเทคนิกตระกูล SMC ก็แล้วกันนะคับ
ข้อดี :
- เหมาะแก่การเทรด Sildway มากกว่า เทรน
ถึงแม้จะเทรดกับกราฟเทรน ได้ด้วยก็ตาม เพราะมี Signal ใน Sildway มากกว่า
และเหมาะแก่การเทรดได้ทุก TF ตั้งแต่ระดับ วินาที(s) ถึงเกิน Day ขึ้นไป
ข้อเสีย :
- ไม่เหมาะแก่การเทรด ช่วงเทรน
ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง :
- ไม่ทราบ
1.5 Elliontt Wave [EW] : วิชาที่ศึกษาโครงสร้างราคา และ พฤติกรรมมวลชนในตลาด พัฒนามาจาก ทฤษฏี Dow
โดยศึกษาในรูปแบบ Price Pattern หรือ ราคามีรูปแบบตายตัวที่เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา ผ่านเป้าฟีโบนาชี
ข้อดี :
- เหมาะแก่การเทรด เทรน มากกว่า Sildway
ถึงแม้จะเทรดกับกราฟ Sildway ได้ด้วยก็ตาม เพราะมี WinRate Forecast ใน ช่วงเทรน สูงกว่า (แม้กับผู้ใช้งานมือใหม่)
ข้อเสีย :
- ไม่เหมาะแก่การเทรด ช่วง Sildway เพราะ WinRate Forecast ของมันต่ำกว่า ช่วงเทรน มากๆ
- และไม่เหมาะแก่การเทรดใน TF ต่ำกว่า 15m ลงไป เพราะคุณจะพบเจอสิ่งที่แหกทฤษฏีมากขึ้นเรื่อยๆ
หรือพูดง่ายๆ ไม่เหมาะกับการนำไปใช้ DayTrade / ScalpingTrade ด้วยเพียว EW
ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง :
- ผมให้ EW ใช้ชั่วโมงบิน Top3 ในบรรดาเทคนิกทุกข้อ
1.6 Chart Pattern : วิชาที่ศึกษาพฤติกรรมของราคา
โดยศึกษาในรูปแบบ Price Pattern หรือ ราคามีรูปแบบตายตัวที่เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา เป็นรูปทรงต่างๆ
ข้อดี :
- ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีข้อดีที่ชัดเจน
ข้อเสีย :
- ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีข้อเสียที่ชัดเจน
ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง :
- กลาง-มาก เพราะอยู่ในหมวดวิชา Price Pattern ที่ต้องใช้การมโนภาพ
1.7 Harmonic Pattern [HMN] : วิชาที่ศึกษาพฤติกรรมของราคา
โดยศึกษาในรูปแบบ Price Pattern หรือ ราคามีรูปแบบตายตัวที่เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา เป็นรูปทรงต่างๆ คล้ายรูป สัตว์
ข้อดี :
- เหมาะแก่การเทรด Sildway มากกว่า เทรน
ถึงแม้จะเทรดกับกราฟเทรน ได้ด้วยก็ตาม เพราะมี Signal และ WinRate ใน Sildway มากกว่า
ข้อเสีย :
- ไม่เหมาะแก่การเทรด ช่วงเทรน เพราะจะโดนกราฟแหก Pattern ของมันได้บ่อยกว่า
ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง :
- ผมให้ HMN ใช้ชั่วโมงบิน Top4 ในบรรดาเทคนิกทุกข้อ
1.8 Indicator : สมการ หรือ สูตร คำนวณทางคณิตศาสตร์และสถิติ
มีได้หลายประเภทย่อยๆ แต่ละประเภทมีหน้าที่ต่างกัน
เช่น
EMA / ..... ไว้ฟ้องสัญญาณและเหมาะแก่การเทรดกับ กราฟเทรน มากกว่า Sildway
RSI / CCI / STO / ..... ไว้เช็ค แรงซื้อแรงขายที่ต่อสู้กันในตลาด โดยหน้าที่มันเหมาะทั้ง Sildway และ เทรน
แต่ส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้เทรดใน กราฟ Sildway ซะมากกว่า เทรน
ข้อดี :
- ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีข้อดีที่ชัดเจน
แต่ถ้าจะให้มีหากใช้งาน Indicator ประเภทที่เหมาะสมแก่สภาวะตลาด มันจะมี WinRate Forecast ที่สูงในช่วงสภาวะตลาดนั้นๆ
ข้อเสีย : ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีข้อเสียที่ชัดเจน
แต่ถ้าจะให้มีหากใช้งาน Indicator ประเภทที่ไม่เหมาะสมและผิดต่อสภาวะตลาด มันจะมี WinRate Forecast ที่ต่ำในช่วงสภาวะตลาดนั้นๆ
ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง :
- ผมให้ Indicator ใช้ชั่วโมงบินน้อยที่สุด ในบรรดาเทคนิกทุกข้อ
เพราะสามารถ BackTest / Foward Test ได้ด้วย Bot / Ai ไดดีที่สุดและได้ด้วยเวลาที่สั้นกว่า BackTest / Foward Test ด้วยตัวคนเอง อย่างมาก
1.9 แท่งเทียน (CandleStick) : กราฟราคา ประเภทหนึ่ง ที่แสดงถึงการต่อสู้ของแรงซื้อแรงขาย ผ่าน Open / High / Low / Close
มีได้หลายประเภทย่อยๆ แต่ละประเภทมีหน้าที่ต่างกัน แต่ก็มีการตั้งชื่อใหม่ ประเภทใหม่ จาก Open / High / Low / Close อยู่ดี
และ จาก แท่งเทียนเดียว / แท่งเทียนคู่ / แท่งเทียนที่อยู่ติดกันเกิน 3 แท่งขึ้นไป
ข้อดี :
- เหมาะแก่การเทรดสั้น TF ต่ำกว่า 1H มากที่สุด
แต่สามารถเทรดได้ทุก TF เช่นเดียวกัน
และมี Signal ฟ้องไว้มากเป็น Top2 รองลงมาจาก Bid-Offer-Ticket (ข้อ 1.1)
ข้อเสีย :
- ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีจุดอ่อนที่ชัดเจน
ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง :
- ผมให้ แท่งเทียน (CandleStick) ใช้ชั่วโมงบิน Top2 ในบรรดาเทคนิกทุกข้อ
****************************************************************************************************************************************
Part2 : วิจารณ์ กรณี ผู้ศึกษาและใช้งาน เพียงวิชาเทคนิกเดียว ชื่นชอบ ถนัด และถูกจริต เพียงวิชาเดียว
สมมุติ Case Study
2.1 นาย A บอกว่า ชื่นชอบ ถนัด และถูกจริต วิชา EW (ข้อ 1.5) เพียววิชาเดียว
เขาพบว่า ตัวเขาเองนั้น มีผลงานการเทรดดีและมี WinRate สูง ในช่วง เทรน เท่านั้น
และพอตลาด Sideway เขาจะเริ่มมีผลงานการเทรดที่แย่ลง
เพราะพบว่า วิชา EW หากไม่ได้ฝึกฝนมานานพอ (ใช้ระยะเวลาฝึกฝน Top3 จากทุกวิชา)
เขาจะเทรด Sildway ได้แย่ลงเรื่อยๆ และ DayTrade ได้แย่กว่า SwingTrade / RunTrade ใน TF1H ขึ้นไปด้วย
เนื่องจากวิชา EW ไม่ได้ถูกสร้างมาให้เหมาะกับตลาด Sideway และ TF ต่ำกว่า Day
2.2 นาย B บอกว่า ชื่นชอบ ถนัด และถูกจริต วิชา แท่งเทียน (ข้อ 1.9) เพียววิชาเดียว
เขาพบว่า ตัวเขาเองนั้น สามารถ DayTrade / ScalpingTrade ได้ดีอย่างมากจากการเข้าๆออกๆถี่ๆขนาดนี้
แต่พออยากจะถือ RunTrend TF 4H ขึ้นไป กลับไม่สามารถ ถือยาว ได้ ส่วนใหญ่มักจะปิดออเดอร์ TP ไปเป็นประจำ
เพราะ วิชา แท่งเทียน มันไม่ได้เหมาะแก่การบอก เทรนระยะยาว ใน TF4H ขึ้นไปเมื่อเทียบกับบางวิชา
เช่น EW ยังเหมาะแก่การบอก เทรนระยะยาว มากกว่า
2.3 นาย C บอกว่า ชื่นชอบ ถนัด และถูกจริต วิชา Indicator (ข้อ 1.8) และเป็น MACD เพียวอินดิเคเตอร์เดียว (1 อินดิ) และวิชาเทคนิกเดียว
เขาพบว่า ตัวเขาเองนั้น มีผลงานการเทรดดีและมี WinRate สูง ในช่วง เทรน เท่านั้น
และพอตลาด Sideway เขาจะเริ่มมีผลงานการเทรดที่แย่ลง อาจโดน False Signal จนไม่กล้าเทรดต่อเลยก็ได้
เพราะพบว่า MACD ถูกสร้างมาจากอินดิตระกูล MA
ซึ่งเป็น Indicator ที่เหมาะแก่การเทรดตาม เทรน ไม่ใช่ Sildway
หากเป็นช่วง Sildway ที่เกิดการ False Break Low / High บ่อยๆ
นาย C จะโดนกิน SL จนไม่อยากเทรดต่ออีกเลยแหละคับ
****************************************************************************************************************************************
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ผมยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณยังคงยึดติดจะศึกษาและใช้งานแต่เทคนิดวิชาเดียว เท่านั้น
คุณจะพบว่า มีข้อเสียที่ส่วนใหญ่เกิดมาจาก สภาวะตลาดเปลี่ยน
ระบบเทรดของวิชาเทคนิกที่คุณ บอกว่า "ชื่นชอบ ถนัด และถูกจริต กับตัวคุณ"
คุณก็ตายคาตลาดเรียบร้อยแล้วคับ ต่อให้จะพยายามมี MM ที่สุดยอดแค่ไหนก็ยังรอดยากอยู่ดี
เช่น ไม่ใช่ว่า คุณบอกว่า
3.1 ไม่อยากศึกษา EW (ข้อ 1.5) เพราะมันตัวเนื้อหาวิชา มันยาก
แล้วคุณจะรู้ได้ไงคับ ว่า
คุณกำลังเทรดตามเทรน หรือ ส่วนเทรน ใน TF ที่ใหญ่กว่า อยู่
3.2 ไม่อยากศึกษา แท่งเทียน (ข้อ 1.9) เพราะคุณอาจจะรู้สึกอ่านพฤติกรรมของแท่งเทียนออกมันยาก
แล้วคุณจะรู้ได้ไงคับ ว่า กราฟ ณ ปัจจุบัน มีแรงซื้อ หรือ แรงขาย ของทุกคนในตลาด ฝั่งไหนมากกว่ากันชัดเจน
ในเมื่อ แรงซื้อแรงขายของทุกคนในตลาด สะท้อนผ่าน กราฟแท่งเทียน อยู่แล้ว ไม่ใช่วิชาเทคนิกอื่นๆ (ยกเว้น ข้อ 1.1 Bid-Offer-Ticket)
3.3 ไม่อยากศึกษา Bid-Offer-Ticket (ข้อ 1.1) เพราะคุณอาจจะรู้สึกอ่านพฤติกรรมของการตั้งถอน Bid-Offer ยาก
แล้วคุณจะรู้ได้ไงคับ ว่า กราฟ ณ ปัจจุบัน มีแรงซื้อ หรือ แรงขาย ของทุกคนในตลาด ฝั่งไหนมากกว่ากันชัดเจน
ในเมื่อ แรงซื้อแรงขายของทุกคนในตลาด สะท้อนผ่าน Bid-Offer-Ticket อยู่แล้ว ไม่ใช่วิชาเทคนิกอื่นๆ (ยกเว้น ข้อ 1.9 แท่งเทียน)
แค่นี้คุณก็จะเห็นแล้วว่า อย่ายึดติดวิชาเทคนิด เพียงแค่วิชาเดียว/เทคนิกเดียว
และ Mindset "จงศึกษาและใช้งาน วิชาเทคนิก ชื่นชอบ ถนัด และถูกจริต กับตัวคุณ เพียงวิชาเทคนิกเดียว"
มันจึงผิดอย่างร้ายแรงที่สุด
เพราะมันทำให้คุณได้พลาดการเสริม ระบบเทรด ของคุณให้แข็งแกร่งมากขึ้น และลบข้อเสีย/จุดอ่อน มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ไปแล้ว
ในการต่อสู้กับสภาวะตลาด หุ้น/คริปโต/Forex ที่เปลี่ยนแปลงยุตลอดเวลา
Mindset ผิดๆกับคำพูดติดปาก "เทรดเดอร์จำเป็นต้องศึกษาและใช้งาน แต่วิชาเทคนิกที่ตัวเองชอบ ถนัด และถูกจริต เพียงอย่างเดียว"
"เทรดเดอร์จำเป็นต้องศึกษาและใช้งาน แต่วิชาเทคนิกที่ตัวเองชอบ ถนัด และถูกจริต เพียงอย่างเดียว
เพราะไม่งั้นจะไม่สามารถใช้งานเทคนิกนั้นๆ ทำกำไรได้อย่างยั่งยืนและชนะตลาดได้ง่ายๆ"
ได้กลายเป็น Mindset ฝั่งหัวของใครหลายๆคน
หากเราตามดู โพส / คอมเม้น ใน Social Media ส่วนใหญ่จะเป็นไปในทิศทางนี้หมด
ซึ่งเป็น Mindset ที่ผิดและมี ข้อเสีย มากกว่า ข้อดี อย่างร้ายแรง เพราะอะไรบ้างไปไล่ดูทีละวิชาเทคนิกกันก่อน
Part1 : ข้อดี และ ข้อเสีย ของแต่ละวิชาเทคนิก ที่คุณต้องรู้ก่อนผมจะเริ่มวิจารณ์
1.1 การอ่าน/วิเคราะห์ Bid-Offer-Ticket : หรือ วิเคราะห์พฤติกรรมของ เจ้ามือ vs รายย่อย
ที่สะท้อนผ่านการ วาง/ถอน/แมต ออเดอร์ ของ Bid/Offer แต่ละแถว และ Ticket
(วิชาเทคนิกในตลาดหุ้น)
ข้อดี :
- ให้ Signal ในการเข้าเทรดได้ไวที่สุด (Top1) เมื่อเทียบกับทุกข้อในวิชาเทคนิก
- เหมาะกับทุกสภาวะตลาดสามารถเทรดได้ดีหมด โดยเฉพาะตลาด Sildway จะทำได้ดีกว่าวิชาเทคนิกอื่นเป็นพิเศษ
ข้อเสีย :
- ยังหาไม่เจอ แต่ถ้าจะให้มีคงเป็น พฤติกรรมของเจ้ามือสามารถเปลี่ยนแปลงและล่อเม่าสับขาหลอกผู้ใช้วิชานี้ได้อีกต่อหนึ่ง
ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง :
- Top1 ต้องใช้ชั่วโมงบินมากที่สุดในบรรดาวิชาเทคนิกทุกข้อ
1.2 ทฤษฏี Dow : วิชาที่ศึกษาโครงสร้างราคา
ข้อดี :
- ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีข้อดีที่ชัดเจน
ข้อเสีย :
- ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีข้อเสียที่ชัดเจน
ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง :
- ไม่ทราบ
1.3 Wyckoff Logic : วิชาที่ศึกษาพฤติกรรมการเทรดของเจ้ามือ
ข้อดี :
- ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีข้อดีที่ชัดเจน
ข้อเสีย :
- ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีข้อเสียที่ชัดเจน
ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง :
- ไม่ทราบ
1.4 Smart Money Concert [SMC] : วิชาที่ศึกษาพฤติกรรมการเทรดของเจ้ามือ แต่ต่อยอดมาจาก ทฤษฏี Dow และ Wyckoff Logic
โดยมีการแบ่งแยกสำนักย่อยมากมาย เริ่มพัฒนาต้นทางวิชาเทคนิกแรกมาจาก Demand Supply Zone ตามด้วยสำนัก ICT
และแบ่งแยกย่อยเป็น SMC และแตกไปคนละสายกับ SMC เช่น RTM / .....
จึงขอเรียกร่วมว่า หมวดวิชาเทคนิกตระกูล SMC ก็แล้วกันนะคับ
ข้อดี :
- เหมาะแก่การเทรด Sildway มากกว่า เทรน
ถึงแม้จะเทรดกับกราฟเทรน ได้ด้วยก็ตาม เพราะมี Signal ใน Sildway มากกว่า
และเหมาะแก่การเทรดได้ทุก TF ตั้งแต่ระดับ วินาที(s) ถึงเกิน Day ขึ้นไป
ข้อเสีย :
- ไม่เหมาะแก่การเทรด ช่วงเทรน
ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง :
- ไม่ทราบ
1.5 Elliontt Wave [EW] : วิชาที่ศึกษาโครงสร้างราคา และ พฤติกรรมมวลชนในตลาด พัฒนามาจาก ทฤษฏี Dow
โดยศึกษาในรูปแบบ Price Pattern หรือ ราคามีรูปแบบตายตัวที่เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา ผ่านเป้าฟีโบนาชี
ข้อดี :
- เหมาะแก่การเทรด เทรน มากกว่า Sildway
ถึงแม้จะเทรดกับกราฟ Sildway ได้ด้วยก็ตาม เพราะมี WinRate Forecast ใน ช่วงเทรน สูงกว่า (แม้กับผู้ใช้งานมือใหม่)
ข้อเสีย :
- ไม่เหมาะแก่การเทรด ช่วง Sildway เพราะ WinRate Forecast ของมันต่ำกว่า ช่วงเทรน มากๆ
- และไม่เหมาะแก่การเทรดใน TF ต่ำกว่า 15m ลงไป เพราะคุณจะพบเจอสิ่งที่แหกทฤษฏีมากขึ้นเรื่อยๆ
หรือพูดง่ายๆ ไม่เหมาะกับการนำไปใช้ DayTrade / ScalpingTrade ด้วยเพียว EW
ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง :
- ผมให้ EW ใช้ชั่วโมงบิน Top3 ในบรรดาเทคนิกทุกข้อ
1.6 Chart Pattern : วิชาที่ศึกษาพฤติกรรมของราคา
โดยศึกษาในรูปแบบ Price Pattern หรือ ราคามีรูปแบบตายตัวที่เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา เป็นรูปทรงต่างๆ
ข้อดี :
- ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีข้อดีที่ชัดเจน
ข้อเสีย :
- ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีข้อเสียที่ชัดเจน
ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง :
- กลาง-มาก เพราะอยู่ในหมวดวิชา Price Pattern ที่ต้องใช้การมโนภาพ
1.7 Harmonic Pattern [HMN] : วิชาที่ศึกษาพฤติกรรมของราคา
โดยศึกษาในรูปแบบ Price Pattern หรือ ราคามีรูปแบบตายตัวที่เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา เป็นรูปทรงต่างๆ คล้ายรูป สัตว์
ข้อดี :
- เหมาะแก่การเทรด Sildway มากกว่า เทรน
ถึงแม้จะเทรดกับกราฟเทรน ได้ด้วยก็ตาม เพราะมี Signal และ WinRate ใน Sildway มากกว่า
ข้อเสีย :
- ไม่เหมาะแก่การเทรด ช่วงเทรน เพราะจะโดนกราฟแหก Pattern ของมันได้บ่อยกว่า
ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง :
- ผมให้ HMN ใช้ชั่วโมงบิน Top4 ในบรรดาเทคนิกทุกข้อ
1.8 Indicator : สมการ หรือ สูตร คำนวณทางคณิตศาสตร์และสถิติ
มีได้หลายประเภทย่อยๆ แต่ละประเภทมีหน้าที่ต่างกัน
เช่น
EMA / ..... ไว้ฟ้องสัญญาณและเหมาะแก่การเทรดกับ กราฟเทรน มากกว่า Sildway
RSI / CCI / STO / ..... ไว้เช็ค แรงซื้อแรงขายที่ต่อสู้กันในตลาด โดยหน้าที่มันเหมาะทั้ง Sildway และ เทรน
แต่ส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้เทรดใน กราฟ Sildway ซะมากกว่า เทรน
ข้อดี :
- ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีข้อดีที่ชัดเจน
แต่ถ้าจะให้มีหากใช้งาน Indicator ประเภทที่เหมาะสมแก่สภาวะตลาด มันจะมี WinRate Forecast ที่สูงในช่วงสภาวะตลาดนั้นๆ
ข้อเสีย : ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีข้อเสียที่ชัดเจน
แต่ถ้าจะให้มีหากใช้งาน Indicator ประเภทที่ไม่เหมาะสมและผิดต่อสภาวะตลาด มันจะมี WinRate Forecast ที่ต่ำในช่วงสภาวะตลาดนั้นๆ
ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง :
- ผมให้ Indicator ใช้ชั่วโมงบินน้อยที่สุด ในบรรดาเทคนิกทุกข้อ
เพราะสามารถ BackTest / Foward Test ได้ด้วย Bot / Ai ไดดีที่สุดและได้ด้วยเวลาที่สั้นกว่า BackTest / Foward Test ด้วยตัวคนเอง อย่างมาก
1.9 แท่งเทียน (CandleStick) : กราฟราคา ประเภทหนึ่ง ที่แสดงถึงการต่อสู้ของแรงซื้อแรงขาย ผ่าน Open / High / Low / Close
มีได้หลายประเภทย่อยๆ แต่ละประเภทมีหน้าที่ต่างกัน แต่ก็มีการตั้งชื่อใหม่ ประเภทใหม่ จาก Open / High / Low / Close อยู่ดี
และ จาก แท่งเทียนเดียว / แท่งเทียนคู่ / แท่งเทียนที่อยู่ติดกันเกิน 3 แท่งขึ้นไป
ข้อดี :
- เหมาะแก่การเทรดสั้น TF ต่ำกว่า 1H มากที่สุด
แต่สามารถเทรดได้ทุก TF เช่นเดียวกัน
และมี Signal ฟ้องไว้มากเป็น Top2 รองลงมาจาก Bid-Offer-Ticket (ข้อ 1.1)
ข้อเสีย :
- ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีจุดอ่อนที่ชัดเจน
ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง :
- ผมให้ แท่งเทียน (CandleStick) ใช้ชั่วโมงบิน Top2 ในบรรดาเทคนิกทุกข้อ
****************************************************************************************************************************************
Part2 : วิจารณ์ กรณี ผู้ศึกษาและใช้งาน เพียงวิชาเทคนิกเดียว ชื่นชอบ ถนัด และถูกจริต เพียงวิชาเดียว
สมมุติ Case Study
2.1 นาย A บอกว่า ชื่นชอบ ถนัด และถูกจริต วิชา EW (ข้อ 1.5) เพียววิชาเดียว
เขาพบว่า ตัวเขาเองนั้น มีผลงานการเทรดดีและมี WinRate สูง ในช่วง เทรน เท่านั้น
และพอตลาด Sideway เขาจะเริ่มมีผลงานการเทรดที่แย่ลง
เพราะพบว่า วิชา EW หากไม่ได้ฝึกฝนมานานพอ (ใช้ระยะเวลาฝึกฝน Top3 จากทุกวิชา)
เขาจะเทรด Sildway ได้แย่ลงเรื่อยๆ และ DayTrade ได้แย่กว่า SwingTrade / RunTrade ใน TF1H ขึ้นไปด้วย
เนื่องจากวิชา EW ไม่ได้ถูกสร้างมาให้เหมาะกับตลาด Sideway และ TF ต่ำกว่า Day
2.2 นาย B บอกว่า ชื่นชอบ ถนัด และถูกจริต วิชา แท่งเทียน (ข้อ 1.9) เพียววิชาเดียว
เขาพบว่า ตัวเขาเองนั้น สามารถ DayTrade / ScalpingTrade ได้ดีอย่างมากจากการเข้าๆออกๆถี่ๆขนาดนี้
แต่พออยากจะถือ RunTrend TF 4H ขึ้นไป กลับไม่สามารถ ถือยาว ได้ ส่วนใหญ่มักจะปิดออเดอร์ TP ไปเป็นประจำ
เพราะ วิชา แท่งเทียน มันไม่ได้เหมาะแก่การบอก เทรนระยะยาว ใน TF4H ขึ้นไปเมื่อเทียบกับบางวิชา
เช่น EW ยังเหมาะแก่การบอก เทรนระยะยาว มากกว่า
2.3 นาย C บอกว่า ชื่นชอบ ถนัด และถูกจริต วิชา Indicator (ข้อ 1.8) และเป็น MACD เพียวอินดิเคเตอร์เดียว (1 อินดิ) และวิชาเทคนิกเดียว
เขาพบว่า ตัวเขาเองนั้น มีผลงานการเทรดดีและมี WinRate สูง ในช่วง เทรน เท่านั้น
และพอตลาด Sideway เขาจะเริ่มมีผลงานการเทรดที่แย่ลง อาจโดน False Signal จนไม่กล้าเทรดต่อเลยก็ได้
เพราะพบว่า MACD ถูกสร้างมาจากอินดิตระกูล MA
ซึ่งเป็น Indicator ที่เหมาะแก่การเทรดตาม เทรน ไม่ใช่ Sildway
หากเป็นช่วง Sildway ที่เกิดการ False Break Low / High บ่อยๆ
นาย C จะโดนกิน SL จนไม่อยากเทรดต่ออีกเลยแหละคับ
****************************************************************************************************************************************
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ผมยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณยังคงยึดติดจะศึกษาและใช้งานแต่เทคนิดวิชาเดียว เท่านั้น
คุณจะพบว่า มีข้อเสียที่ส่วนใหญ่เกิดมาจาก สภาวะตลาดเปลี่ยน
ระบบเทรดของวิชาเทคนิกที่คุณ บอกว่า "ชื่นชอบ ถนัด และถูกจริต กับตัวคุณ"
คุณก็ตายคาตลาดเรียบร้อยแล้วคับ ต่อให้จะพยายามมี MM ที่สุดยอดแค่ไหนก็ยังรอดยากอยู่ดี
เช่น ไม่ใช่ว่า คุณบอกว่า
3.1 ไม่อยากศึกษา EW (ข้อ 1.5) เพราะมันตัวเนื้อหาวิชา มันยาก
แล้วคุณจะรู้ได้ไงคับ ว่า
คุณกำลังเทรดตามเทรน หรือ ส่วนเทรน ใน TF ที่ใหญ่กว่า อยู่
3.2 ไม่อยากศึกษา แท่งเทียน (ข้อ 1.9) เพราะคุณอาจจะรู้สึกอ่านพฤติกรรมของแท่งเทียนออกมันยาก
แล้วคุณจะรู้ได้ไงคับ ว่า กราฟ ณ ปัจจุบัน มีแรงซื้อ หรือ แรงขาย ของทุกคนในตลาด ฝั่งไหนมากกว่ากันชัดเจน
ในเมื่อ แรงซื้อแรงขายของทุกคนในตลาด สะท้อนผ่าน กราฟแท่งเทียน อยู่แล้ว ไม่ใช่วิชาเทคนิกอื่นๆ (ยกเว้น ข้อ 1.1 Bid-Offer-Ticket)
3.3 ไม่อยากศึกษา Bid-Offer-Ticket (ข้อ 1.1) เพราะคุณอาจจะรู้สึกอ่านพฤติกรรมของการตั้งถอน Bid-Offer ยาก
แล้วคุณจะรู้ได้ไงคับ ว่า กราฟ ณ ปัจจุบัน มีแรงซื้อ หรือ แรงขาย ของทุกคนในตลาด ฝั่งไหนมากกว่ากันชัดเจน
ในเมื่อ แรงซื้อแรงขายของทุกคนในตลาด สะท้อนผ่าน Bid-Offer-Ticket อยู่แล้ว ไม่ใช่วิชาเทคนิกอื่นๆ (ยกเว้น ข้อ 1.9 แท่งเทียน)
แค่นี้คุณก็จะเห็นแล้วว่า อย่ายึดติดวิชาเทคนิด เพียงแค่วิชาเดียว/เทคนิกเดียว
และ Mindset "จงศึกษาและใช้งาน วิชาเทคนิก ชื่นชอบ ถนัด และถูกจริต กับตัวคุณ เพียงวิชาเทคนิกเดียว"
มันจึงผิดอย่างร้ายแรงที่สุด
เพราะมันทำให้คุณได้พลาดการเสริม ระบบเทรด ของคุณให้แข็งแกร่งมากขึ้น และลบข้อเสีย/จุดอ่อน มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ไปแล้ว
ในการต่อสู้กับสภาวะตลาด หุ้น/คริปโต/Forex ที่เปลี่ยนแปลงยุตลอดเวลา