ปริญญา ชี้พท.ไม่ทำตามสัญญา อ้างไม่แลนด์สไลด์ ไปจับมือ 2 ลุง ทำรบ.มีปัญหาศรัทธาตั้งแต่เริ่ม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4140571
ปริญญา ชี้พท.อ้างเหตุผลมีปัญหา ไม่แลนด์สไลด์ จึงไปจับมือ 2 ลุง ชี้นโยบายหาเสียงไว้ถือเป็นสัญญาประชาคม ไม่ใช่วาทกรรม ทำรบ.นี้มีวิกฤตศรัทธาตั้งแต่เริ่มต้น
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ดร.
ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว เรื่อง “
ไม่แลนด์สไลด์ จึงไม่อาจทำตามที่หาเสียงไว้ เป็นเหตุผลที่รับฟังได้หรือไม่” มีเนื้อหาดังนี้
เหตุผลของพรรคเพื่อไทยที่ต้อง จับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ เพื่อจัดตั้งรัฐบาล นั้น คุณแพรทองธาร ชี้แจงว่าเป็นเพราะ “แลนด์สไลด์ไม่สำเร็จ เพื่อให้ประเทศไปต่อจึงต้องปรับเปลี่ยนแผน”
ในฐานะที่เป็นอาจารย์สอนวิชาพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง ผมเห็นว่า การให้เหตุผลแบบนี้มีปัญหา ครับ เพราะเท่ากับว่า พรรคการเมืองจะมีหน้าที่ต้องทำตามที่หาเสียงหรือตามที่สัญญากับประชาชนไว้ ต่อเมื่อ “แลนด์สไลด์” หรือได้ ส.ส. เกินครึ่งเท่านั้น ถ้าไม่ “แลนด์สไลด์” ก็ไม่จำเป็นต้องทำ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วพรรคการเมืองก็แทบจะไม่ต้องทำตามที่หาเสียงไว้กับประชาชนเลย เพราะน้อยครั้งมากที่จะมีพรรคการเมืองได้ ส.ส. เกินครึ่ง ซึ่งในอดีตมีเพียงสองครั้งคือพรรคไทยรักไทยในปี 2548 และพรรคเพื่อไทยในปี 2554 เท่านั้น
การหาเสียงว่า จะทำอะไร หรือ จะไม่ทำอะไร ถ้าได้รับเลือกตั้ง ไม่ใช่แค่วาทะกรรม แต่คือ สัญญาประชาคม ที่ให้ไว้กับประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยครับ มันคือ กระบวนการสร้างนโยบายสาธารณะ หรือนโยบายประเทศโดยผ่านการเลือกตั้ง ประชาชนชอบนโยบายพรรคไหนเขาก็เลือกพรรคนั้น จากนี้ไปก็จะไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะพรรคต่างๆ สามารถปฏิเสธไม่ทำได้หมดด้วยเหตุผลว่า “ไม่แลนด์สไลด์”
พรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคใดคงไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ได้มี “สัญญาประชาคม” ในเรื่องนี้กับประชาชนไว้ แล้วถ้าพรรคของสองลุงหรือพรรคอื่นใดก็แล้วแต่ จะไม่ทำตามที่หาเสียงไว้โดยให้เหตุผลว่า “ไม่แลนด์สไลด์” บ้าง ก็จะพึงต้องถูกวิจารณ์เช่นเดียวกันนี้
เหตุผลว่าไม่แลนด์สไลด์จึงไม่ใช่เหตุผลที่รับฟังได้ แม้จะเป็นเรื่องถูกต้องที่ขอโทษประชาชนแต่ต้องให้เหตุผลอื่น (ซึ่งเหตุผลจริงๆ ก็คือต้องการเสียง ส.ว.) แล้วเมื่อคุณเศรษฐาได้เป็นนายกรัฐมนตรี (คือได้เสียง ส.ว. เห็นชอบมากพอ) ผมเข้าใจว่าก็จะเกิดความคาดหวังจากคุณเศรษฐาเรื่องการขอโทษประชาชน เพราะคุณเศรษฐาก็มีสัญญาประชาคมกับประชาชนในเรื่องนี้ไว้เช่นกัน ถึงตอนนั้นเหตุผลควรรับฟังได้มากกว่านี้ ส่วนผู้คนจะยกโทษให้แค่ไหนอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่อง สนามอารมณ์ ของประชาชนนะครับ แต่คือ วิกฤตศรัทธา ที่พรรคไม่ทำตามสัญญาประชาคมที่ตกลงไว้กับประชาชน ซึ่งหากประชาชนจะมีอารมณ์บ้างก็เป็นสิทธิของประชาชน แล้วหากว่า พรรคเพื่อไทยไม่แก้ไขเรื่องนี้ หรือ ปล่อยไหลไปมากกว่านี้ ปัญหาจะไม่ได้เกิดแค่ในการเลือกตั้งครั้งหน้านะครับ แต่จะเกิดตั้งแต่ตอนนี้ ทั้งเรื่องคนในพรรคที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตยจะทยอยกันลาออก และการเป็นรัฐบาลที่มีปัญหาเรื่องความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนตั้งแต่เริ่มต้นครับ”
https://www.facebook.com/prinya.thaewanarumitkul/posts/pfbid02qiFddVR2MLUP6YRNyzNYdmCcSLsccJrMtbcFyVv6jUWLyygBWFATWqYbfGZnmTb4l
เหวง อัดแถลงการณ์ตั้งรัฐบาล ไม่มีสักคำ จะคืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4140512
เหวง อัดแถลงการณ์ตั้งรบ. ไม่มีสักคำ จะคืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง ถามพท. ลืมแล้วหรือ?
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม นพ.
เหวง โตจิราการ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีตแกนนำ นปช. ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาดังนี้
ในแถลงการณ์จัดตั้งรัฐบาล 11 พรรค จำนวน 314 เสียง ไม่มีแม้สักประโยคหรือสักถ้อยคำ ที่จะกล่าวถึงการคืนความยุติธรรม ให้กับกรณีรุมยิงนกในกรงเมษา-พฤษภา53
พรรคเพื่อไทย พวกคุณลืม “การรุมยิงนกในกรงของพวกศอฉ.ไปแล้วหรือ” พวกคุณลืมคนเสื้อแดงสองมือเปล่า โดนทหารใช้ปืนสงครามเล็งยิง โดนสไนเปอร์ส่องยิงสมองกระจุยกระจาย ไปแล้วหรือ???? ช่างอำมหิตอะไรเช่นนี้????
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อได้จัดตั้งรัฐบาลขึ้นจริง ต้องนำเอาเรื่องคืนความยุติธรรมให้กับประชาชนปี53
1. เร่งคดีทุกการตาย
2. นำทหารและนักการเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนเข้ากระบวนการยุติธรรม
3. รับรองเขตอำนาจICCเฉพาะกรณีเมษา-พฤษภา53 เข้าไปบรรจุเป็นนโยบายที่รัฐบาลต้องทำด้วย
https://www.facebook.com/drwengtojirakarn/posts/pfbid036ZvMxYGqBsSywtBKmFLCw2Qi7DvQRd1NCrSWgzTgDjoLDieedHu1mQKSArcqvkuLl
ทักษิณกลับไทย-โหวตนายกฯ วันนี้ จับตาราคาหุ้นเกี่ยวโยง
https://www.prachachat.net/finance/news-1375463
ทักษิณกลับไทย–โหวตนายกฯ วันนี้ จับตาความเคลื่อนหุ้นเกี่ยวโยง SC-PR9-SIRI
วันที่ 22 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่าวันนี้จะถือเป็นวันประวัติศาสตร์การเมืองไทย หลังจาก “ทักษิณ ชินวัตร” ประกาศเดินทางกลับมาตุภูมิ และเป็นวันที่สภาฯจะประชุมโหวตชี้ชะตา ‘เศรษฐา ทวีสิน‘ นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 30
โดยในมุมของตลาดหุ้นไทย ต้องจับตาความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่มีความเชื่อมโยงทั้งสองกรณี ทั้งแบบทางตรงและมีความสัมพันธ์แบบทางอ้อมว่า วันนี้จะมีทิศทางการเคลื่อนไหวอย่างไรกันบ้าง
จะพาไปสำรวจกันก่อนว่า ปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม 2566 ราคาหุ้นแต่ละบริษัทเป็นอย่างไรกันบ้าง เริ่มที่
1. บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SC ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มีผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 คือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร สัดส่วน 28.52% โดยพบว่าราคาหุ้น SC เปิดตลาดภาคเช้าที่ราคา 4.24 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท หรือ +0.47% จากราคาวันก่อนหน้า โดยสามารถขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดที่ราคา 4.26 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท หรือ +0.94% ก่อนจะปิดตลาดลงมาสู่ระดับราคา 4.22 บาท ทรงตัวจากราคาวันก่อนหน้า
ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ราคาหุ้น SC ยืนทรงตัวที่ราคา 4.22 บาท โดยเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2566 เคยขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 4.78 บาท
2. โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น PR9 ธุรกิจโรงพยาบาล มีผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 คือคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ สัดส่วน 37.1% โดยพบว่าราคาหุ้น PR9 เปิดตลาดภาคเช้าที่ราคา 16.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.3 บาท หรือ +1.8% จากราคาวันก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับราคาสูงสุดของวัน ก่อนจะปิดตลาดลงมาสู่ระดับราคา 16.60 บาท ทรงตัวจากราคาวันก่อนหน้า
ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ราคาหุ้น PR9 อยู่ที่ราคา 16.60 บาท ปรับตัวลดลง 1.78% โดยเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2566 เคยขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 21.30 บาท
3. บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SIRI ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยนายเศรษฐา ทวีสิน เคยเป็นอดีตประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โดยพบว่าราคาหุ้น SIRI เปิดตลาดภาคเช้าที่ราคา 1.89 บาท ทรงตัวจากราคาวันก่อนหน้า สามารถขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดที่ราคา 1.91 บาท เพิ่มขึ้น0.02 บาท หรือ +1.1% ก่อนจะปิดตลาดลงมาสู่ระดับราคา 1.88 บาท ลดลง 0.01 บาท -0.53% จากราคาวันก่อนหน้า
ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ราคาหุ้น SIRI อยู่ที่ราคา 1.88 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.8% โดยเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2566 เคยขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 2.10 บาท
JJNY : ปริญญา ชี้พท.ไม่ทำตามสัญญา│เหวง อัดแถลงการณ์ตั้งรัฐบาล│ทักษิณกลับไทย-โหวตนายกฯ จับตาราคาหุ้น│เอเอฟพีชี้ “ทักษิณ”
https://www.matichon.co.th/politics/news_4140571
ปริญญา ชี้พท.อ้างเหตุผลมีปัญหา ไม่แลนด์สไลด์ จึงไปจับมือ 2 ลุง ชี้นโยบายหาเสียงไว้ถือเป็นสัญญาประชาคม ไม่ใช่วาทกรรม ทำรบ.นี้มีวิกฤตศรัทธาตั้งแต่เริ่มต้น
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว เรื่อง “ไม่แลนด์สไลด์ จึงไม่อาจทำตามที่หาเสียงไว้ เป็นเหตุผลที่รับฟังได้หรือไม่” มีเนื้อหาดังนี้
เหตุผลของพรรคเพื่อไทยที่ต้อง จับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ เพื่อจัดตั้งรัฐบาล นั้น คุณแพรทองธาร ชี้แจงว่าเป็นเพราะ “แลนด์สไลด์ไม่สำเร็จ เพื่อให้ประเทศไปต่อจึงต้องปรับเปลี่ยนแผน”
ในฐานะที่เป็นอาจารย์สอนวิชาพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง ผมเห็นว่า การให้เหตุผลแบบนี้มีปัญหา ครับ เพราะเท่ากับว่า พรรคการเมืองจะมีหน้าที่ต้องทำตามที่หาเสียงหรือตามที่สัญญากับประชาชนไว้ ต่อเมื่อ “แลนด์สไลด์” หรือได้ ส.ส. เกินครึ่งเท่านั้น ถ้าไม่ “แลนด์สไลด์” ก็ไม่จำเป็นต้องทำ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วพรรคการเมืองก็แทบจะไม่ต้องทำตามที่หาเสียงไว้กับประชาชนเลย เพราะน้อยครั้งมากที่จะมีพรรคการเมืองได้ ส.ส. เกินครึ่ง ซึ่งในอดีตมีเพียงสองครั้งคือพรรคไทยรักไทยในปี 2548 และพรรคเพื่อไทยในปี 2554 เท่านั้น
การหาเสียงว่า จะทำอะไร หรือ จะไม่ทำอะไร ถ้าได้รับเลือกตั้ง ไม่ใช่แค่วาทะกรรม แต่คือ สัญญาประชาคม ที่ให้ไว้กับประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยครับ มันคือ กระบวนการสร้างนโยบายสาธารณะ หรือนโยบายประเทศโดยผ่านการเลือกตั้ง ประชาชนชอบนโยบายพรรคไหนเขาก็เลือกพรรคนั้น จากนี้ไปก็จะไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะพรรคต่างๆ สามารถปฏิเสธไม่ทำได้หมดด้วยเหตุผลว่า “ไม่แลนด์สไลด์”
พรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคใดคงไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ได้มี “สัญญาประชาคม” ในเรื่องนี้กับประชาชนไว้ แล้วถ้าพรรคของสองลุงหรือพรรคอื่นใดก็แล้วแต่ จะไม่ทำตามที่หาเสียงไว้โดยให้เหตุผลว่า “ไม่แลนด์สไลด์” บ้าง ก็จะพึงต้องถูกวิจารณ์เช่นเดียวกันนี้
เหตุผลว่าไม่แลนด์สไลด์จึงไม่ใช่เหตุผลที่รับฟังได้ แม้จะเป็นเรื่องถูกต้องที่ขอโทษประชาชนแต่ต้องให้เหตุผลอื่น (ซึ่งเหตุผลจริงๆ ก็คือต้องการเสียง ส.ว.) แล้วเมื่อคุณเศรษฐาได้เป็นนายกรัฐมนตรี (คือได้เสียง ส.ว. เห็นชอบมากพอ) ผมเข้าใจว่าก็จะเกิดความคาดหวังจากคุณเศรษฐาเรื่องการขอโทษประชาชน เพราะคุณเศรษฐาก็มีสัญญาประชาคมกับประชาชนในเรื่องนี้ไว้เช่นกัน ถึงตอนนั้นเหตุผลควรรับฟังได้มากกว่านี้ ส่วนผู้คนจะยกโทษให้แค่ไหนอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่อง สนามอารมณ์ ของประชาชนนะครับ แต่คือ วิกฤตศรัทธา ที่พรรคไม่ทำตามสัญญาประชาคมที่ตกลงไว้กับประชาชน ซึ่งหากประชาชนจะมีอารมณ์บ้างก็เป็นสิทธิของประชาชน แล้วหากว่า พรรคเพื่อไทยไม่แก้ไขเรื่องนี้ หรือ ปล่อยไหลไปมากกว่านี้ ปัญหาจะไม่ได้เกิดแค่ในการเลือกตั้งครั้งหน้านะครับ แต่จะเกิดตั้งแต่ตอนนี้ ทั้งเรื่องคนในพรรคที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตยจะทยอยกันลาออก และการเป็นรัฐบาลที่มีปัญหาเรื่องความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนตั้งแต่เริ่มต้นครับ”
https://www.facebook.com/prinya.thaewanarumitkul/posts/pfbid02qiFddVR2MLUP6YRNyzNYdmCcSLsccJrMtbcFyVv6jUWLyygBWFATWqYbfGZnmTb4l
เหวง อัดแถลงการณ์ตั้งรัฐบาล ไม่มีสักคำ จะคืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4140512
เหวง อัดแถลงการณ์ตั้งรบ. ไม่มีสักคำ จะคืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง ถามพท. ลืมแล้วหรือ?
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม นพ.เหวง โตจิราการ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีตแกนนำ นปช. ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาดังนี้
ในแถลงการณ์จัดตั้งรัฐบาล 11 พรรค จำนวน 314 เสียง ไม่มีแม้สักประโยคหรือสักถ้อยคำ ที่จะกล่าวถึงการคืนความยุติธรรม ให้กับกรณีรุมยิงนกในกรงเมษา-พฤษภา53
พรรคเพื่อไทย พวกคุณลืม “การรุมยิงนกในกรงของพวกศอฉ.ไปแล้วหรือ” พวกคุณลืมคนเสื้อแดงสองมือเปล่า โดนทหารใช้ปืนสงครามเล็งยิง โดนสไนเปอร์ส่องยิงสมองกระจุยกระจาย ไปแล้วหรือ???? ช่างอำมหิตอะไรเช่นนี้????
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อได้จัดตั้งรัฐบาลขึ้นจริง ต้องนำเอาเรื่องคืนความยุติธรรมให้กับประชาชนปี53
1. เร่งคดีทุกการตาย
2. นำทหารและนักการเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนเข้ากระบวนการยุติธรรม
3. รับรองเขตอำนาจICCเฉพาะกรณีเมษา-พฤษภา53 เข้าไปบรรจุเป็นนโยบายที่รัฐบาลต้องทำด้วย
https://www.facebook.com/drwengtojirakarn/posts/pfbid036ZvMxYGqBsSywtBKmFLCw2Qi7DvQRd1NCrSWgzTgDjoLDieedHu1mQKSArcqvkuLl
ทักษิณกลับไทย-โหวตนายกฯ วันนี้ จับตาราคาหุ้นเกี่ยวโยง
https://www.prachachat.net/finance/news-1375463
ทักษิณกลับไทย–โหวตนายกฯ วันนี้ จับตาความเคลื่อนหุ้นเกี่ยวโยง SC-PR9-SIRI
วันที่ 22 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่าวันนี้จะถือเป็นวันประวัติศาสตร์การเมืองไทย หลังจาก “ทักษิณ ชินวัตร” ประกาศเดินทางกลับมาตุภูมิ และเป็นวันที่สภาฯจะประชุมโหวตชี้ชะตา ‘เศรษฐา ทวีสิน‘ นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 30
โดยในมุมของตลาดหุ้นไทย ต้องจับตาความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่มีความเชื่อมโยงทั้งสองกรณี ทั้งแบบทางตรงและมีความสัมพันธ์แบบทางอ้อมว่า วันนี้จะมีทิศทางการเคลื่อนไหวอย่างไรกันบ้าง
จะพาไปสำรวจกันก่อนว่า ปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม 2566 ราคาหุ้นแต่ละบริษัทเป็นอย่างไรกันบ้าง เริ่มที่
1. บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SC ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มีผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 คือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร สัดส่วน 28.52% โดยพบว่าราคาหุ้น SC เปิดตลาดภาคเช้าที่ราคา 4.24 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท หรือ +0.47% จากราคาวันก่อนหน้า โดยสามารถขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดที่ราคา 4.26 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท หรือ +0.94% ก่อนจะปิดตลาดลงมาสู่ระดับราคา 4.22 บาท ทรงตัวจากราคาวันก่อนหน้า
ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ราคาหุ้น SC ยืนทรงตัวที่ราคา 4.22 บาท โดยเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2566 เคยขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 4.78 บาท
2. โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น PR9 ธุรกิจโรงพยาบาล มีผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 คือคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ สัดส่วน 37.1% โดยพบว่าราคาหุ้น PR9 เปิดตลาดภาคเช้าที่ราคา 16.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.3 บาท หรือ +1.8% จากราคาวันก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับราคาสูงสุดของวัน ก่อนจะปิดตลาดลงมาสู่ระดับราคา 16.60 บาท ทรงตัวจากราคาวันก่อนหน้า
ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ราคาหุ้น PR9 อยู่ที่ราคา 16.60 บาท ปรับตัวลดลง 1.78% โดยเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2566 เคยขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 21.30 บาท
3. บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SIRI ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยนายเศรษฐา ทวีสิน เคยเป็นอดีตประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โดยพบว่าราคาหุ้น SIRI เปิดตลาดภาคเช้าที่ราคา 1.89 บาท ทรงตัวจากราคาวันก่อนหน้า สามารถขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดที่ราคา 1.91 บาท เพิ่มขึ้น0.02 บาท หรือ +1.1% ก่อนจะปิดตลาดลงมาสู่ระดับราคา 1.88 บาท ลดลง 0.01 บาท -0.53% จากราคาวันก่อนหน้า
ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ราคาหุ้น SIRI อยู่ที่ราคา 1.88 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.8% โดยเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2566 เคยขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 2.10 บาท