อยากจะแบ่งปัน และสอบถามเพื่อนใน Pantip ไปพร้อมกันน่ะครับ เรื่องเซ็บเดิร์ม
คือผมเป็นเซ็บเดิร์มมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่นอายุ 17 ครับ ซึ่งปัญหาก็เหมือนๆกับที่ทุกคนเจอกันคือ ผิวแห้งแต่หน้ามัน เป็นผื่นแพ้ แห้ง ลอก บนผิวหน้า (โชคดีที่ไม่ได้ลามไปส่วนอื่นของร่างกายด้วย) แล้วก็ไปจบที่คลีนิค และถูกเลี้ยงไข้อีกราวๆ 2 ปี โดยเสียเงินไปอีกพอสมควร แต่ก็จับใจความจากหมอได้ว่าให้ใช้เจลล้างหน้าชนิดไม่มีฟองจะไม่ทำให้หน้าแห้ง และใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่บำรุงผิวเข้มข้น ชนิดที่ทาแล้วหน้ามันกันไปเลย แล้วก็ไปจบที่ใช้ Cetaphil กับ Physio gel ล้างหน้า ส่วนครีมก็ใช้วันๆระหว่าง Eucerin, Physio gel Ai cream, La Roche Posay, Vichy, Ezerra แต่ปัญหาคือทำได้แค่กดอาการให้ไม่กำเริบ ถ้าไปเจอปัญหาอดนอน ฝุ่น เครียด ก็ไม่วายกำเริบอยู่ดี และไม่สามารถใช้ครีมตัวเดิมต่อเนื่องได้เกิน 2 ปีครับ เพราะเหมือนผิวจะเคยชิน และกดอาการไม่อยู่จนกำเริบอยู่ดี
สุดท้ายเลยค้นคว้าเองครับ ควรใช้ส่วนผสมตัวไหน อะไรยังบ้าง ที่ไหนขายส่วนผสมบ้าง ใช่ครับ ผมหัดปั่นครีมเองเลย โดยเริ่มจากเอาช้อนคนๆๆส่วนผสมเอานี่แหละ แต่สุดท้ายก็ต้องซื้อเครื่องปั่นผสมยกชุดอยู่ดี
เอาล่ะ ขออธิบายละกันครับว่าผมเลือกส่วนผสมยังไงบ้าง ถึงกดเซ็บเดิร์มไว้อยู่ และไม่กำเริบมา 5 ปีแล้ว และผมใช้แค่ 2 อย่างเท่านั้นคือ เจลล้างหน้า และครีมทาก่อนนอนเท่านั้นครับ
ตัวเจลล้างหน้า ใช้สารทำความสะอาดผิวชนิดที่ปราศจากซัลเฟต และใช้สารกันเสียชนิดอ่อนโยน ผสมกับ Hyaluronic acid ประจุบวกซึ่งสามารถเกาะผิวหน้าได้แม้ถูกน้ำล้างออก เท่านี้ก็ได้เจลล้างหน้าชนิดที่ล้างแล้วหน้าไม่แห้ง ไม่ตึง แถมบำรุงผิวได้นิดหน่อยแล้ว
ส่วนครีม ผมว่าเราโดนการตลาดของแต่ละบริษัทหลอกครับ ว่าต้องใช้นู่น นี่ นั่น หลายๆอย่าง ทาก่อน ทาหลัง ทาเช้า ทาเย็น เรียงลำดับให้งงวางของประทินผิวเต็มชั้นวางไปหมด เพราะพอลองผสมเองแล้ว จริงๆแล้วมันก็เอามารวมอยู่ในขวดเดียวกันได้หมดเลยนิ... ซึ่งผมใส่ส่วนผสมที่ลดการอักเสบ ลดการระคายเคือง ลดรอยแดง ลดอาการแพ้ ให้ความชุ่มชื้น ควบคุมสมดุลความมัน ฟื้นฟูและสร้างเกราะคุ้มกันให้ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ต่อต้านไกลเคชั่น ต่อต้านอนุมูลอิสระ ซ่อมแซม DNA ผิวที่ถูกทำลายจากแสงยูวี (ตัวเดียวกับที่ใส่ใน Advanced Night Repair) ปกป้องผิวจากมลภาวะ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียบนผิวหน้า แต่ก็แถมส่วนผสมลดและต่อต้านริ้วรอย กับกระจ่างใสเพิ่มไปด้วย แต่ผิวแบบเราๆควรเลี่ยงสารตระกูลผลัดเซลผิวกับ whitenning ครับ เพราะต่อให้ใช้ตัวอ่อนโยนแล้วก็กระตุ้นให้ระคายเคืองผิวได้อยู่ดี และแน่นอนใช้สารกันเสียชนิดที่อ่อนโยนที่สุด แต่ก็ทำให้ต้องแช่ครีมไว้ในตู้เย็นตลอด
และจากที่ทดลองกับหน้าเพื่อนที่แพ้สเตียรอยด์รุนแรงมาก็ช่วยฟื้นฟูผิวที่เสียหายจากสเตียรอยด์ได้เหมือนกันครับ
สำหรับคนที่ซื้อครีมใช้เอง ให้เน้นที่มีส่วนผสมของ Beta Glucan กับพวก Ceramide ครับ แล้วก็น้ำมันตระกูล Shea butter ร่วมกับพวกสารออกฤทธิ์ลดระคายเคืองอย่างพวก Licorice Extract หรือสารตระกูลชาเขียว แล้วก็ที่มีพวกสารตระกูลปกป้องผิวจากสภาพแวดล้อมอย่าง Planton ครับ
และหยุดครีมได้ไม่เกิน 2-3 เดือนครับ ก่อนที่อาการแพ้จะกลับมาอีกรอบ เป็นโรคเวรโรคกรรมอย่างที่เขาว่ากันจริงๆ รักษาไม่หาย ทำได้แค่กดอาการไว้
อ้อ ผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงานเกือบทุกวันนะครับ bts มันแพง คนก็แน่น ขับรถก็เจอรถติดอีก ซึ่งอาการแพ้ก็ไม่ได้กำเริบจากการอยู่บนถนนวันละเป็นชั่วโมงครับ
สุดท้ายนี้ ผมอยากลองถามทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่านกระทู้ดูครับ ว่าผมจะลองผลิตขายดีมั้ย เพราะเท่าที่ลองหาดูในตลาดก็คงไม่มีของแบรนด์ไหนทำครีมออกฤทธิ์ครอบจักรวาลเท่านี้แล้วล่ะมั้ง
รักษาเซ็บเดิร์ม และฟื้นฟูผิวหน้า
คือผมเป็นเซ็บเดิร์มมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่นอายุ 17 ครับ ซึ่งปัญหาก็เหมือนๆกับที่ทุกคนเจอกันคือ ผิวแห้งแต่หน้ามัน เป็นผื่นแพ้ แห้ง ลอก บนผิวหน้า (โชคดีที่ไม่ได้ลามไปส่วนอื่นของร่างกายด้วย) แล้วก็ไปจบที่คลีนิค และถูกเลี้ยงไข้อีกราวๆ 2 ปี โดยเสียเงินไปอีกพอสมควร แต่ก็จับใจความจากหมอได้ว่าให้ใช้เจลล้างหน้าชนิดไม่มีฟองจะไม่ทำให้หน้าแห้ง และใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่บำรุงผิวเข้มข้น ชนิดที่ทาแล้วหน้ามันกันไปเลย แล้วก็ไปจบที่ใช้ Cetaphil กับ Physio gel ล้างหน้า ส่วนครีมก็ใช้วันๆระหว่าง Eucerin, Physio gel Ai cream, La Roche Posay, Vichy, Ezerra แต่ปัญหาคือทำได้แค่กดอาการให้ไม่กำเริบ ถ้าไปเจอปัญหาอดนอน ฝุ่น เครียด ก็ไม่วายกำเริบอยู่ดี และไม่สามารถใช้ครีมตัวเดิมต่อเนื่องได้เกิน 2 ปีครับ เพราะเหมือนผิวจะเคยชิน และกดอาการไม่อยู่จนกำเริบอยู่ดี
สุดท้ายเลยค้นคว้าเองครับ ควรใช้ส่วนผสมตัวไหน อะไรยังบ้าง ที่ไหนขายส่วนผสมบ้าง ใช่ครับ ผมหัดปั่นครีมเองเลย โดยเริ่มจากเอาช้อนคนๆๆส่วนผสมเอานี่แหละ แต่สุดท้ายก็ต้องซื้อเครื่องปั่นผสมยกชุดอยู่ดี
เอาล่ะ ขออธิบายละกันครับว่าผมเลือกส่วนผสมยังไงบ้าง ถึงกดเซ็บเดิร์มไว้อยู่ และไม่กำเริบมา 5 ปีแล้ว และผมใช้แค่ 2 อย่างเท่านั้นคือ เจลล้างหน้า และครีมทาก่อนนอนเท่านั้นครับ
ตัวเจลล้างหน้า ใช้สารทำความสะอาดผิวชนิดที่ปราศจากซัลเฟต และใช้สารกันเสียชนิดอ่อนโยน ผสมกับ Hyaluronic acid ประจุบวกซึ่งสามารถเกาะผิวหน้าได้แม้ถูกน้ำล้างออก เท่านี้ก็ได้เจลล้างหน้าชนิดที่ล้างแล้วหน้าไม่แห้ง ไม่ตึง แถมบำรุงผิวได้นิดหน่อยแล้ว
ส่วนครีม ผมว่าเราโดนการตลาดของแต่ละบริษัทหลอกครับ ว่าต้องใช้นู่น นี่ นั่น หลายๆอย่าง ทาก่อน ทาหลัง ทาเช้า ทาเย็น เรียงลำดับให้งงวางของประทินผิวเต็มชั้นวางไปหมด เพราะพอลองผสมเองแล้ว จริงๆแล้วมันก็เอามารวมอยู่ในขวดเดียวกันได้หมดเลยนิ... ซึ่งผมใส่ส่วนผสมที่ลดการอักเสบ ลดการระคายเคือง ลดรอยแดง ลดอาการแพ้ ให้ความชุ่มชื้น ควบคุมสมดุลความมัน ฟื้นฟูและสร้างเกราะคุ้มกันให้ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ต่อต้านไกลเคชั่น ต่อต้านอนุมูลอิสระ ซ่อมแซม DNA ผิวที่ถูกทำลายจากแสงยูวี (ตัวเดียวกับที่ใส่ใน Advanced Night Repair) ปกป้องผิวจากมลภาวะ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียบนผิวหน้า แต่ก็แถมส่วนผสมลดและต่อต้านริ้วรอย กับกระจ่างใสเพิ่มไปด้วย แต่ผิวแบบเราๆควรเลี่ยงสารตระกูลผลัดเซลผิวกับ whitenning ครับ เพราะต่อให้ใช้ตัวอ่อนโยนแล้วก็กระตุ้นให้ระคายเคืองผิวได้อยู่ดี และแน่นอนใช้สารกันเสียชนิดที่อ่อนโยนที่สุด แต่ก็ทำให้ต้องแช่ครีมไว้ในตู้เย็นตลอด
และจากที่ทดลองกับหน้าเพื่อนที่แพ้สเตียรอยด์รุนแรงมาก็ช่วยฟื้นฟูผิวที่เสียหายจากสเตียรอยด์ได้เหมือนกันครับ
สำหรับคนที่ซื้อครีมใช้เอง ให้เน้นที่มีส่วนผสมของ Beta Glucan กับพวก Ceramide ครับ แล้วก็น้ำมันตระกูล Shea butter ร่วมกับพวกสารออกฤทธิ์ลดระคายเคืองอย่างพวก Licorice Extract หรือสารตระกูลชาเขียว แล้วก็ที่มีพวกสารตระกูลปกป้องผิวจากสภาพแวดล้อมอย่าง Planton ครับ
และหยุดครีมได้ไม่เกิน 2-3 เดือนครับ ก่อนที่อาการแพ้จะกลับมาอีกรอบ เป็นโรคเวรโรคกรรมอย่างที่เขาว่ากันจริงๆ รักษาไม่หาย ทำได้แค่กดอาการไว้
อ้อ ผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงานเกือบทุกวันนะครับ bts มันแพง คนก็แน่น ขับรถก็เจอรถติดอีก ซึ่งอาการแพ้ก็ไม่ได้กำเริบจากการอยู่บนถนนวันละเป็นชั่วโมงครับ
สุดท้ายนี้ ผมอยากลองถามทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่านกระทู้ดูครับ ว่าผมจะลองผลิตขายดีมั้ย เพราะเท่าที่ลองหาดูในตลาดก็คงไม่มีของแบรนด์ไหนทำครีมออกฤทธิ์ครอบจักรวาลเท่านี้แล้วล่ะมั้ง