ระหว่างออมทอง เทรดทองคำแท่งอันไหนดีกว่ากัน แนะนำด้วยค่ะ

ตอนนี้ลองสมัครแอพ get gold ของ YLG ยังไม่ได้เริ่มเลย
อยากรู้ว่าเราควรลงทุนแบบออมทอง หรือ ซื้อ-ขายรายวันตามราคาเรียลไทม์
ไปเลยแบบไหนได้ผลตอบแทนดีกว่ากัน 
ใครที่รู้ช่วยแนะนำด้วยคะ พอดีทุนไม่หนาแต่อยากเริ่มลงทุน
เพี้ยนขำหนักมาก
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
การลงทุน มีความเสี่ยง แต่ การไม่ลงทุน อะไร เลย เสี่ยง มากกว่า
ลงทุน กระจาย ความเสี่ยง อย่า ใส่ไข่ ไว้ในตะกร้า ใบเดียว
การลงทุน มีความเสี่ยง ผู้ลงทุน ควรศึกษา ทำความเข้าใจ ก่อน ซื้อ
การลงทุน ในความรู้ ไม่มีความเสี่ยง ลงทุน ในความ ไม่รู้ ด้วยความ รู้

ลงทุน อย่า โลภ โลภ มาก ลาภ หาย
ลงทุน ไม่ได้ มี กำไร เสมอ ขาดทุน
ลงทุน ถ้า ขาดทุน ถูก หลอก จะ อนุโมทนาบุญ ได้ แค่ไหน

ทอง ลง ซื้อ ทอง ขึ้น ขาย

ออมทอง ขั้นต่ำ 5-1,000
กองทุน ทอง 1 บาท บาทเดียว 500 1,000 3,000
หุ้น ทอง

แนวรับ คืออะไร ? แนวรับ ถ้าพูดแบบง่าย ๆ เลย ก็คือ จุดที่เวลาที่ราคาหุ้นลงมาตรงนี้เมื่อไหร่ ราคาหุ้น ทองก็มักจะไม่หลุดราคานี้ และจะเด้งกลับไปทุกที ซึ่งวิธีดูแนวรับแบบง่าย ๆ ที่แนะนำ ก็คือ บริเวณที่กราฟลงมาแตะบริเวณนั้นมากที่สุด

ออมทอง YLG 100-1,000 ถ้า เงิน น้อย เริ่ม จาก ออมทอง ก็ได้
วิธีออม Website Application
ขั้นต่ำที่รับทอง 1 กรัม
วิธีรับทอง รับด้วยตนเอง/จัดส่ง

ออมทอง
ข้อดีคือออมได้ตลอด สามารถถอนออกมาเป็นทองและเงินสดได้ และไม่ต้องกลัวทองหาย ข้อเสียคือราคาทองจะผันผวนตลอดเวลา อาจเสี่ยงขาดทุนได้ ไม่มีดอกเบี้ยหรือปันผลเหมือนเงินฝาก จะได้กำไรก็ต่อเมื่อราคาทองสูงกว่าราคาที่เราเคยซื้อไว้

การออมทอง

เป็นระบบการซื้อทองเพื่อออมทองออนไลน์ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนมาซื้อทอง สามารถซื้อทองคำในจำนวนเงินน้อย ๆ เพียงหลักร้อยหลักพันตามความสะดวก แล้วทยอยซื้อทองคำสะสมไปเรื่อย ๆ

ข้อดีของการออมทอง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เพราะไม่ต้องออกจากบ้านไปร้านทอง สามารถซื้อได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่สำคัญกว่านั้นราคาในการซื้อขายทองคำแท่งยังเป็นราคาเรียลไทม์ ตอนราคาทองลงก็กดซื้อได้ในราคาดี ตอนราคาทองขึ้นก็กดคำสั่งขายได้ทันที

ข้อเสียการออมทอง คือ ไม่สามารถถือทองคำจริงได้ในทันที แต่ใช่ว่าจะไม่สามารถถือทองคำจริงได้ เพียงแต่ต้องออมทองให้ครบตามเงื่อนไขของบริษัทเสียก่อน ซึ่งจะสามารถถอนทองคำจริงได้ก็ต่อเมื่อออมทองครบ 1 กรัมขึ้นไป และทองคำที่ถอนได้ก็จะมีเพียงทองคำแท่งเท่านั้น ทั้งนี้ก็จะมีค่าใช้จ่ายในการถอนทองตามมาอีก เป็นค่าประกัน ค่าขนส่ง ค่า Vat และยังมีค่าบล็อกเช่นเดียวกับที่เราไปซื้อทองคำที่ร้านทอง

กองทุนรวมทองคำ หรือ Gold Fund คือ การลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในทองคำ การเคลื่อนไหวของมูลค่าหน่วยลงทุนจะเป็นไปตามการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก เปรียบเสมือนลงทุนในทองคำแท่งทางอ้อมผ่านกองทุนหลักในต่างประเทศ ซึ่งจะนำเงินไปลงทุนในทองคำแท่ง 99.99% หรือ 99.50% อีกทีหนึ่ง มูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนรวมจึงไม่ได้ขึ้นลงตามราคาทองคำในประเทศ แต่จะอิงกับราคาทองคำโลก  อย่างไรก็ดี การที่กองทุนนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ จึงมีความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนมาเกี่ยวข้องด้วย

ในการเลือกซื้อกองทุนรวมทองคำ หากคุณสนใจเฉพาะผลตอบแทนจากราคาทองคำเพียงอย่างเดียว โดยไม่สนใจผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยน ก็อาจเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้เต็มจำนวน (Fully Hedged)

หากคุณมองหาโอกาสทำกำไรเพิ่มเติมจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ก็ควรเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงไว้เลย (Non-hedged) แต่ต้องระวังไว้ว่าคุณก็มีโอกาสขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้เช่นกัน

ในขณะที่บางกองทุนที่ให้ผู้จัดการกองทุนเป็นผู้พิจารณาว่าจะทำการป้องกันความเสี่ยงนี้เท่าใด ในช่วงเวลาใด (Partial Hedged) ซึ่งความเสี่ยงและผลตอบแทนก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้จัดการกองทุนรวม ซึ่งประเด็นนี้คุณควรขอให้คนขายอธิบายเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนมากขึ้นด้วย

ข้อดีของการลงทุนทองคำผ่านกองทุนรวมคือ ซื้อขายได้ง่าย ทำบนออนไลน์ได้ทุกที่ และสามารถจัดเป็นพอร์ตรวมกับกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ได้ ติดตามดูแลได้สะดวก ส่วนผลตอบแทนก็ได้เทียบเท่ากับการลงทุนเป็นทองคำจริงๆ ไม่ผิดเพี้ยนกัน

บางคนอาจจะกังวลว่ากองทุนรวมจะคิดค่าธรรมเนียมแพงรึเปล่า กองทุนทองส่วนใหญ่เป็นกอง Passive Fund (ลงทุนล้อตามดัชนี ในที่นี่คือล้อกับราคาทองคำโลก) ดังนั้นค่าธรรมเนียมจะไม่สูงเท่ากอง Active Fund จะอยู่ที่ประมาณ 1% ต่อปี ซึ่งในการลงทุนแบบซื้อทองคำจริงๆ ก็จะมีค่าพรีเมี่ยม ค่าบริการรวมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถือว่าได้เปรียบไม่ต่างกันมาก

นอกจากซื้อทองจริงๆ และซื้อผ่านกองทุนรวม ก็สามารถลงทุนทองผ่านตลาดฟิวเจอร์ด้วยเช่นกัน แต่กรณีนั้นจะมีความเสี่ยงสูงจากการใช้ Leverage ถ้าหากไม่มีเวลาดูแล ไม่มีการบริหารความเสี่ยงที่ดี ก็อาจจะล้างพอร์ตได้

จัดพอร์ต ทอง
จัดพอร์ตพอร์ตการลงทุนระยะสั้น

1.ระยะเวลาการลงทุน 6 – 12 เดือน

2.สัดส่วนทองคำแท่ง 30%, เงินสด 70%

3.ระดับความเสี่ยงต่ำมาก

4.ผลตอบแทนที่คาดหวังประมาณ 4 – 5% ต่อปี

การลงทุนระยะสั้นสะท้อนว่า นักลงทุนยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ และไม่สามารถสูญเสียเงินต้นจากการลงทุนได้มาก เพราะว่าลงทุนในทองคำยังมีโอกาสขาดทุนในช่วงสั้นๆ อยู่ จึงเน้นถือเงินสดมากถึง 70% และเหลือเงินลงทุนในทองคำแท่งที่มีความเสี่ยงต่ำสุดในบรรดาเครื่องมือการลงทุนทองคำเพียง 30%

พอร์ตการลงทุนระยะกลาง

1.ระยะเวลาการลงทุน 1 – 5 ปี

2.สัดส่วนทองคำแท่ง 40%, กองทุนรวมทองคำ 20% และเงินสด 40%

3.ระดับความเสี่ยงปานกลาง

4.ผลตอบแทนที่คาดหวังประมาณ 10 – 12% ต่อปี

แม้ระยะหลัง การลงทุนในทองคำให้ผลตอบแทนเป็นบวกทุกปี แต่เนื่องจากทองคำเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีวัฏจักร หากลงทุนช่วงตลาดขาลงอาจต้องใช้เวลา 1 – 3 ปี เพื่อให้วัฏจักรเป็นขาขึ้น แปลว่าการลงทุนยังมีความเสี่ยงและมีโอกาสสูญเงินต้น จึงควรถือเงินสดควบคู่ในระดับสูงประมาณ 40%

เนื่องจากระยะเวลาการลงทุนค่อนข้างนาน สะท้อนได้ว่านักลงทุนยอมรับความเสี่ยงได้ระดับหนึ่ง จึงเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกองทุนรวมทองคำประมาณ 20% ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าทองคำแท่งเล็กน้อย

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

1.ระยะเวลาการลงทุนมากกว่า 5 ปี

2.สัดส่วนทองคำแท่ง 50%, กองทุนรวมทองคำ 30% และ Gold Futures 20%

3.ระดับความเสี่ยงสูง

4.ผลตอบแทนที่คาดหวังประมาณ 20 – 25% ต่อปี

เนื่องจากลงทุนนานกว่า 5 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทองคำมักให้ผลตอบแทนเป็นบวก และทองคำได้รับการยอมรับว่าสามารถป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อในระยะยาวได้ด้วย ดังนั้นการลงทุนระยะยาวจึงสามารถถือครองทองคำได้เต็ม 100%

การถือยาวแบบนี้ สะท้อนว่านักลงทุนรับความเสี่ยงได้สูง จึงสามารถเพิ่ม Gold Futures เข้าไปช่วยป้องกันความเสี่ยงในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวลงหรือเกิดความไม่มั่นใจในการลงทุนช่วงสั้นๆ โดยการเปิดสถานะ Short ซึ่งจะมีต้นทุนในการทำธุรกรรมต่ำกว่าการขายออกไปก่อนแล้วซื้อกลับเข้ามาใหม่

ในทำนองเดียวกัน ช่วงเวลาที่เกิดความมั่นใจในการลงทุนมากๆ ก็สามารถใช้ Gold Futures เพื่อเพิ่มผลตอบแทนโดยการเปิดสถานะ Long ซึ่งจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายในการลงทุนได้ อย่างไรก็ตาม การใช้ Gold Futures เป็นองค์ประกอบในการลงทุนต้องคำนึงถึงระยะเวลาของสัญญาที่ค่อนข้างจำกัดด้วย



การลงทุนทองคำก็เหมือนการลงทุนสินทรัพย์ประเภทอื่น ก่อนตัดสินใจต้องศึกษาข้อมูลและถามตัวเองก่อนว่ารับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน และพร้อมลงทุนหรือไม่

4 เทคนิคการลงทุนทองคำให้ได้กำไร
ทั้งนี้การลงทุนทองคำในประเทศไทยจะนิยมกันอยู่ 4 รูปแบบคือ

1.การลงทุนโดยตรงผ่านการซื้อทองคำจากร้านขายทอง

2.การลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีการลงทุนให้ทองคำ

3.การลงทุนในสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าของไทยผ่านตลาด‘Thailand Futures Exchange’ (TFEX)

4.การลงทุนด้วยการซื้อหุ้นในบริษัทที่ทำกิจการเหมืองทองคำผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

โดยการจะสร้างกำไรจากการลงทุนทองคำได้นั้นควรเริ่มต้นจากเทคนิคเหล่านี้
1.สำรวจตนเองว่าเป็นนักลงทุนประเภทใด?

ก่อนที่เราจะเริ่มต้นลงทุนอะไรนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการสำรวจตนเองเพื่อค้นหาสไตล์การลงทุนที่เหมาะกับเรา เช่น เป็นคนที่ไม่ค่อยรู้ข้อมูลข่าวสารไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจอเพื่ออัพเดตข้อมูล ดังนั้นการลงทุนประเภทหุ้นหรือใดๆ ที่มีความผันผวนต้องหมั่นตรวจสอบข้อมูลอยู่ตลอดเวลาจึงอาจไม่เหมาะกับเรา เป็นต้น

2.ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนทองคำ

การลงทุน‘ทองคำ’ก็เหมือนกับการลงทุนประเภทอื่นๆ ที่จำเป็นจะต้องมีการศึกษาข้อมูลขั้นพื้นฐานเล็กๆ น้อยๆ ให้เข้าใจเสียก่อนเพื่อที่จะได้วางแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับเรา เช่น ราคาทองคำจะขึ้นอยู่กับความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ, หากซื้อขายทองคำแท่งที่มีราคาต่ำกว่า 5 บาทจะต้องเสียค่ากำเหน็จ หรือ เราสามารถใช้ตั๋วสัญญาแทนการครอบครองทองคำแท่งที่อาจก่อให้เกิดอันตรายในครอบครองได้ เป็นต้น

3.ลงทุนในปริมาณที่เหมาะสมต่อการสร้างกำไร

การลงทุนทองคำจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องลงทุนในปริมาณให้เหมาะสมเพื่อสร้างผลตอบแทน โดยการลงทุนที่แนะนำคือการครอบครองทองคำตั้งแต่ 10 บาทขึ้นไปจึงจะสามารถทำกำไรให้ได้ ยิ่งโดยเฉพาะในบางช่วงที่มีการผันผวนของตลาดราคาทองคำค่อนข้างสูง การครอบครองที่น้อยเกินไปจะทำให้ขายทำกำไรได้ไม่คุ้มค่า

4.หาจังหวะทำกำไรให้ได้

เมื่อมีการครอบครองได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว การหาจังหวะขายออกเพื่อทำกำไร จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการดูแนวโน้มตลาดและราคาทองคำที่เพิ่มขึ้น โดยยึดหลักที่ว่า ให้ขายทำกำไรเมื่อทองคำมีราคาพุ่งสูงเกินกว่าราคาปกติในตลาดราวๆ 2-5% จากนั้นค่อยรอจังหวะซื้อทองคำกลับมาเมื่อราคาถึงจุดต่ำสุดในรอบนั้นๆ (อาจใช้ Indicators ในการหาจุดต่ำสุดของราคาทองคำก็ย่อมได้)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่