คำถามคลาสสิคสำหรับใครหลายคนที่อดจะสงสัยไม่ได้ว่า ชีวิตคู่ที่อยู่กันไปนาน ๆ มีเบื่อกันบ้างไหม ?
มันเป็นคำถามง่าย ๆ ที่ตอบยาก และเช่นกันต้องตอบยาวค่ะ
วันนี้ เลยจะมาขอแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทุกท่านว่า “เคยเบื่อกันบ้างไหม ? แล้วแต่ละท่านทำอย่างไรกันบ้าง ?”
ก่อนอื่น ต้องชัดเจนก่อนว่า เบื่อของแต่ละคนแปลว่า อะไร และมันเกิดจากอะไร ?
อะไร ๆ ซ้ำ ๆ ที่คุณชอบ คุณจะมองว่า มันเป็นความอบอุ่นใจสบายใจ เป็นที่ปลอดภัย
แต่อะไรที่ซ้ำ ๆ เดิม ๆ แล้วคุณไม่ชอบ คุณจะมองว่ามันน่าเบื่อ
บางครั้ง คุณอาจจะไม่ได้เบื่อเองหรอก แต่คุณเปรียบเทียบคู่คุณเองกับคนอื่น
เวลาคุณคุยกับเพื่อน ไถจอตามโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เห็นอะไร ๆ ที่คุณชอบใจและคิดว่ามันเป็นแรงบันดาลใจ
คุณหันกลับมามองที่คู่ของคุณเอง แล้วก็อาจจะเริ่มคิดว่า สิ่งที่คู่ของคุณเป็นนั้นมันน่าเบื่อ ทั้งที่คนเดิมของคุณนั้น ก็ทำสิ่งเดิม ๆ ที่ครั้งหนึ่งคุณเคยชื่นชมนักหนา
ทุกสิ่งในโลกล้วนมีพลวัต คำว่า อนิจจัง ใช้ได้กับทุกอย่างในโลกจริง ๆ ค่ะ
กับเรื่องความรักก็เช่นกัน
มันอาจยังคงอยู่ เปลี่ยนรูป หรือ แตกหักไปเลย
บางเรื่องก็อาจดีขึ้น บางเรื่องก็อาจแย่ลง
ดิฉันมีเพื่อนบางคนเปลี่ยนเพศสภาพจากที่เคยแต่งงานอยู่กับผู้ชายมาหลายปี วันหนึ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสุขเลย หย่า แล้วมาคบ คุย แต่งกับเพศเดียวกัน โพสเฟสบุ๊คหวานชื่นกับคู่ตัวเองที่เป็นเพศเดียวกันแทบทุกอาทิตย์
ครั้งหนึ่งเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว มีหนุ่มรุ่นน้องที่เป็นคู่ค้าของสามี ดิฉันไม่ได้สนิทด้วยมาก แต่ก็ถือว่าคุ้นเคยกันพอสมควร
วันหนึ่ง น้องเคาะประตูห้องทำงานดิฉันมาสวัสดีและแวะคุยปรับทุกข์ด้วย เรื่องไม่อยากแต่งงาน
บ่นว่าที่ภรรยาเสียมากมาย สารพัดเรื่อง และดิฉันจับใจความได้ว่า ว่าที่ภรรยาของน้องท้องค่ะ เลยทำให้ต้องแต่ง
หนุ่มน้อยคนนี้ ก็ถือว่ามีความรับผิดชอบดีทีเดียว กล้าทำท้อง ก็กล้าแต่ง แต่ก็บ่นปรับทุกข์สารพัด
และเท่าที่ดิฉันรู้ น้องก็ไม่ได้บ่นให้ดิฉันฟังคนเดียวแน่ ๆ เล่นบ่นไปทั่ว เล่าแต่เรื่องด้านลบของว่าที่แฟนให้ผู้ใหญ่หลายคนที่น้องคุ้นเคยด้วยฟัง
ก็แน่ละว่า เวลาเล่าก็เล่าแต่ด้านลบ คอมเมนต์บางมุม ก็เป็นเรื่องลบ
ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งให้ความเห็น ทำนองว่า เคยเห็นคนหนุ่มอนาคตไกล พื้นฐานดี หน้าที่การงานดีอย่างน้อง โดนผู้หญิงจับ
ดิฉันฟังแล้ว ก็ไม่ได้ออกความเห็นอะไรมาก แต่ก็มาบ่นให้สามีฟังว่า ถ้าแฟนน้องมาได้ยินคงเสียความรู้สึกแย่
น้องผู้ชายทำงานจนถึงวันแต่งงาน คือ แต่งเย็น ตอนเช้ายังมาทำงาน
ทำเหมือนไม่อยากไปเข้าพิธีที่ฝ่ายหญิงเป็นคน organize วางแผน และ run ทั้งหมด
ไม่กี่เดือนต่อมา ภรรยาน้องก็คลอด ดิฉันก็ยังได้ฟังคำบ่นของน้องอยู่บ่อย ๆ ทำให้ได้รับรู้ว่า ภรรยาน้องก็มีมุมแสบใช่เล่น
เวลาผ่านไปเหมือนโกหก สิบปีต่อจากวันนั้น น้องมีลูกรวมถึงสามคน (ไหนบอกว่า ไม่อยากแต่งไง)
เที่ยวกับภรรยาพร้อมลูก ๆ บ่อยขึ้น และเพิ่งโพสต์สเตตัสขอบคุณภรรยาที่เป็นแม่ที่ดี
ส่วนภรรยาก็โพสต์ฉลองครบรอบแต่งงาน แถมยังอ้อนขอเงินรางวัลสามีหน้าจอ ท่าทางหวานชื่นกันดีมาก
ดิฉันขำเลยค่ะ บอกกับสามีว่า ถ้าวันนั้น ไม่เก็บปากไว้กินข้าว เผลอผสมโรงวิจารณ์อะไรไป มาวันนี้ คงได้เคี้ยวเพดดิกรี หรือ Royal Canin แล้วล่ะมั้ง
แต่ในบางคู่ ก็ไม่ได้ต้นร้าย ปลายดีแบบนั้น
รุ่นน้องที่สนิทกันเล่าเรื่องรุ่นพี่ที่ทำงานตำแหน่งสูงส่ง น่าจะประมาณสัก C... อย่าบอกเลยดีกว่า โลกมันใบเล็กนัก
เริ่มต้นชีวิตครอบครัวด้วยการไล่ตามจีบรุ่นพี่คนหนึ่งหัวปักหัวปำ จนได้ลงเอยแต่งงานสร้างครอบครัวกัน มีลูกด้วยกัน
วันหนึ่ง ฝ่ายชายก็ไปเจอสาวโพรไฟล์ดี จบมหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของโลก
ของใหม่มันก็คงสดกว่า ประวัติน่าประทับใจ
ฮีก็ควงสาวคนใหม่ออกงาน ออกหน้า ออกตา และพยายามเต้นเร่าๆมาขอหย่ากับภรรยา
ฝ่ายภรรยาไม่ยอมหย่าค่ะ แม้จะโดนฝ่ายสามีทำร้ายน้ำใจแบบแสนสาหัส
คือ มาพร่ำเพ้อ ถึงหญิงใหม่ว่า เป็นหญิงในฝัน ตามหามานาน บลา บลาบลา ...
แต่ฝ่ายภรรยาก็ไม่ยอมหย่า ทำไมต้องเตะ
เข้าปาก
เธอทำอะไรผิด ? อดทนทุ่มเท ยอมลาออกจากงานที่ถ้าเธอทำอยู่ตำแหน่งก็คงจะไม่แพ้สามี มาเพื่อดูแลครอบครัว แล้วนี่คือรางวัลที่ได้รับหรือ ?
ดิฉันฟังแล้วก็ได้แต่ถอนใจ ...
เอาจริง ๆ ถ้าเราจะมองว่าคนก็เป็นหนึ่งในสปีชีส์ของสิ่งมีชีวิต ตอนเรากำลังหลง หน้ามืดตามัว ถ้ากำลังสติไม่แรงพอ หรือมีคนช่วยเตือนให้รู้ถึงผิดชอบชั่วดี จะดร.หรือ ป. 4 ก็แทบไม่ต่างอะไรกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่ “ติดสัด”
กรณีนี้ ไม่ได้สงสารเฉพาะเมียหลวง
เมียน้อย (จะโดยรู้มาก่อนหรือไม่รู้มาก่อน จะโดนหลอกก่อน หรือเมื่อรู้ว่าโดนหลอกแล้วไม่ยอมถอยหลัง) ก็น่าสงสารเช่นกัน
ผู้ชายหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีเงิน มีตำแหน่ง ประสบความสำเร็จ บางทีก็เลือกผู้หญิงโพรไฟล์ดี ๆ การศึกษาสูง ๆ แถมด้วยหน้าตาดี มาเพื่อประดับบารมีเช่นกัน เดี๋ยวนี้เลี้ยงเด็กเลาจน์มันไม่ได้โก้เท่าไรแล้ว สู้หาที่ทั้งเก่ง ทั้งสวย ทั้งการศึกษาสูงมาไม่ได้ มันดูเหนือกว่าเยอะเลย
เสียดายผู้หญิงดี ๆ การศึกษาดี ๆ ที่จะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ต้องมาทนกับป้าย “เมียน้อย” แปะบนหน้าผากหรา
ความอนิจจัง ความแปรเปลี่ยน มันเกิดขึ้นได้จริง ๆ ค่ะ
คู่ที่ดิฉันรู้จักบางคู่ ก็บ่นว่าเบื่อคู่ชีวิต ? บางคนก็บ่นว่าอยากหย่า บางคนหย่าไปแล้วก็จะมาเล่าให้ฟัง
หลังจากที่แก่จนได้ยิน ได้เห็นเรื่องเล่ามามากมาย ตอนนี้ ไม่ห้ามใครแล้วค่ะเวลามีคนมาบ่นว่าอยากหย่า
เอาจริง คำแนะนำที่ดิฉันบอกลูกสาววัยรุ่นของตัวเองคือ
“ถ้าจะมีแฟนนะ ให้ตกลงกันก่อนว่า หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยากเลิก ต้องให้เลิกนะ ถ้าอยู่ด้วยกันแล้ว มันแย่มาก มัน toxic มาก แยกกันไปดีกว่า ไม่งั้น ถ้ายิ่งอยู่ด้วยกัน ยิ่งเกลียดกัน เลิกกันไปดีกว่า ทำความตกลงเรื่องนี้กันตั้งแต่ก่อนคบกันนะ”
แต่แม้ดิฉันจะไม่ห้ามใครเวลามาบ่นว่าอยากเลิก แต่ก็จะไม่ยุให้เลิก
สิ่งที่ดิฉันมักทำเสมอ ก็คือ นั่งฟังเพื่อนบ่น ด่า ว่าแฟนตัวเอง ฟังเพื่อนทบทวนความรู้สึก
พอมีช่อง ก็จะชี้ให้เห็นข้อดีของคู่เค้า ถ้าทำขนาดนี้แล้ว เค้ายังอยากเลิก นี่ก็จะไม่ห้ามแล้วค่ะ
เพื่อนบางคน ก็มาขอบคุณดิฉันทีหลังว่า ถ้าดิฉันไม่ได้เตือนสติเค้าในวันนั้น ป่านนี้ครอบครัวเค้าคงแตกหักกันไปแล้ว แทนที่จะได้ช่วยกันดูแลลูกจนลูกสอบเข้าโรงเรียนแพทย์ริมน้ำได้ในวันนี้
ในขณะที่เพื่อนบางคน เลิกด้วยความชื่นบานและดูจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม
บางคนไม่ยอมเลิก แต่ก็ไม่แก้ปัญหาให้เด็ดขาด เฝ้าแต่บ่นถึงความรักของตัวเองว่า ไม่มีประกายไฟ ไม่สดชื่นหอมหวาน แล้วไพล่ไปสานสัมพันธ์นอกสมรสจนลูกสาวจับได้และถามเธอด้วยความสะเทือนใจว่า
“ทำไมแม่ทำกับพ่ออย่างนี้”
คนเป็นแม่จะรู้สึกถึงความผิดที่กัดกร่อนใจขนาดไหน และจะมองหน้าลูกสาวอย่างไรกับสิ่งที่ทำลงไป
ในกรณีฆาตกรรมสะเทือนขวัญคดีหนึ่ง รุ่นพี่ที่พอรู้เบื้องหน้าเบื้องหลัง เคยเล่าให้ฟังว่า ผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เคยไกล่เกลี่ยไม่ให้เค้าเลิกกันสำเร็จมาหลายครั้งแล้ว (สังเกตเห็นอะไรตรงนี้ไหมคะ “หลายครั้ง” แปลว่า ปัญหาความไม่เข้ากันมันแก้ไม่เคยหาย หรือมันไม่เคยถูกแก้) มานั่งนึกเสียใจว่าตัวเองน่าจะปล่อยให้เค้าเลิกกันไป อย่างน้อยมันก็จะไม่เกิดโศกนาฏกรรมอย่างนี้ขึ้น
ส่วนตัว ดิฉันไม่ได้คิดว่ามันมีคำตอบสำเร็จรูปคำตอบเดียวสำหรับปัญหาความสัมพันธ์
ในทุกความสัมพันธ์ มันจะมีช่วงตื่นเต้นหวือหวา
เป็นช่วงที่ต้องทุ่มเททำคะแนน ซึ่งความทรงจำดี ๆ ที่น่าประทับใจ มันจะโดดเด่นและสะสมกันมาตั้งแต่ช่วงนี้แหละค่ะ
และสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งค่านิยมเดี๋ยวนี้มันเผยแพร่ สื่อสาร สร้างแรงบันดาลใจผ่านโซเชียลมีเดียได้สารพัด เลยทำให้หลาย ๆ คนจะสรุปเอาดื้อ ๆ ว่า ความตื่นเต้น หวือหวา โรแมนติค เซอร์ไพรส์ เป็นแก่นแกนหลักของความรักและความสัมพันธ์ที่ดี
บางคน พอชีวิตคู่เริ่มไม่หวานแล้ว กลับรีบวาดบทสรุปเสียดื้อ ๆ เลยว่า มันไม่เวิร์คแล้ว มันจบแล้ว
บางคน ก็เสพติดความซู่ซ่า หวานชื่นในชีวิตคู่จนคิดว่า มันคือทุกอย่าง
กระทู้ไตรภาคความรัก 3/3 รับมือกับความน่าเบื่อในชีวิตคู่
มันเป็นคำถามง่าย ๆ ที่ตอบยาก และเช่นกันต้องตอบยาวค่ะ
วันนี้ เลยจะมาขอแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทุกท่านว่า “เคยเบื่อกันบ้างไหม ? แล้วแต่ละท่านทำอย่างไรกันบ้าง ?”
ก่อนอื่น ต้องชัดเจนก่อนว่า เบื่อของแต่ละคนแปลว่า อะไร และมันเกิดจากอะไร ?
อะไร ๆ ซ้ำ ๆ ที่คุณชอบ คุณจะมองว่า มันเป็นความอบอุ่นใจสบายใจ เป็นที่ปลอดภัย
แต่อะไรที่ซ้ำ ๆ เดิม ๆ แล้วคุณไม่ชอบ คุณจะมองว่ามันน่าเบื่อ
บางครั้ง คุณอาจจะไม่ได้เบื่อเองหรอก แต่คุณเปรียบเทียบคู่คุณเองกับคนอื่น
เวลาคุณคุยกับเพื่อน ไถจอตามโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เห็นอะไร ๆ ที่คุณชอบใจและคิดว่ามันเป็นแรงบันดาลใจ
คุณหันกลับมามองที่คู่ของคุณเอง แล้วก็อาจจะเริ่มคิดว่า สิ่งที่คู่ของคุณเป็นนั้นมันน่าเบื่อ ทั้งที่คนเดิมของคุณนั้น ก็ทำสิ่งเดิม ๆ ที่ครั้งหนึ่งคุณเคยชื่นชมนักหนา
ทุกสิ่งในโลกล้วนมีพลวัต คำว่า อนิจจัง ใช้ได้กับทุกอย่างในโลกจริง ๆ ค่ะ
กับเรื่องความรักก็เช่นกัน
มันอาจยังคงอยู่ เปลี่ยนรูป หรือ แตกหักไปเลย
บางเรื่องก็อาจดีขึ้น บางเรื่องก็อาจแย่ลง
ดิฉันมีเพื่อนบางคนเปลี่ยนเพศสภาพจากที่เคยแต่งงานอยู่กับผู้ชายมาหลายปี วันหนึ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสุขเลย หย่า แล้วมาคบ คุย แต่งกับเพศเดียวกัน โพสเฟสบุ๊คหวานชื่นกับคู่ตัวเองที่เป็นเพศเดียวกันแทบทุกอาทิตย์
ครั้งหนึ่งเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว มีหนุ่มรุ่นน้องที่เป็นคู่ค้าของสามี ดิฉันไม่ได้สนิทด้วยมาก แต่ก็ถือว่าคุ้นเคยกันพอสมควร
วันหนึ่ง น้องเคาะประตูห้องทำงานดิฉันมาสวัสดีและแวะคุยปรับทุกข์ด้วย เรื่องไม่อยากแต่งงาน
บ่นว่าที่ภรรยาเสียมากมาย สารพัดเรื่อง และดิฉันจับใจความได้ว่า ว่าที่ภรรยาของน้องท้องค่ะ เลยทำให้ต้องแต่ง
หนุ่มน้อยคนนี้ ก็ถือว่ามีความรับผิดชอบดีทีเดียว กล้าทำท้อง ก็กล้าแต่ง แต่ก็บ่นปรับทุกข์สารพัด
และเท่าที่ดิฉันรู้ น้องก็ไม่ได้บ่นให้ดิฉันฟังคนเดียวแน่ ๆ เล่นบ่นไปทั่ว เล่าแต่เรื่องด้านลบของว่าที่แฟนให้ผู้ใหญ่หลายคนที่น้องคุ้นเคยด้วยฟัง
ก็แน่ละว่า เวลาเล่าก็เล่าแต่ด้านลบ คอมเมนต์บางมุม ก็เป็นเรื่องลบ
ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งให้ความเห็น ทำนองว่า เคยเห็นคนหนุ่มอนาคตไกล พื้นฐานดี หน้าที่การงานดีอย่างน้อง โดนผู้หญิงจับ
ดิฉันฟังแล้ว ก็ไม่ได้ออกความเห็นอะไรมาก แต่ก็มาบ่นให้สามีฟังว่า ถ้าแฟนน้องมาได้ยินคงเสียความรู้สึกแย่
น้องผู้ชายทำงานจนถึงวันแต่งงาน คือ แต่งเย็น ตอนเช้ายังมาทำงาน
ทำเหมือนไม่อยากไปเข้าพิธีที่ฝ่ายหญิงเป็นคน organize วางแผน และ run ทั้งหมด
ไม่กี่เดือนต่อมา ภรรยาน้องก็คลอด ดิฉันก็ยังได้ฟังคำบ่นของน้องอยู่บ่อย ๆ ทำให้ได้รับรู้ว่า ภรรยาน้องก็มีมุมแสบใช่เล่น
เวลาผ่านไปเหมือนโกหก สิบปีต่อจากวันนั้น น้องมีลูกรวมถึงสามคน (ไหนบอกว่า ไม่อยากแต่งไง)
เที่ยวกับภรรยาพร้อมลูก ๆ บ่อยขึ้น และเพิ่งโพสต์สเตตัสขอบคุณภรรยาที่เป็นแม่ที่ดี
ส่วนภรรยาก็โพสต์ฉลองครบรอบแต่งงาน แถมยังอ้อนขอเงินรางวัลสามีหน้าจอ ท่าทางหวานชื่นกันดีมาก
ดิฉันขำเลยค่ะ บอกกับสามีว่า ถ้าวันนั้น ไม่เก็บปากไว้กินข้าว เผลอผสมโรงวิจารณ์อะไรไป มาวันนี้ คงได้เคี้ยวเพดดิกรี หรือ Royal Canin แล้วล่ะมั้ง
แต่ในบางคู่ ก็ไม่ได้ต้นร้าย ปลายดีแบบนั้น
รุ่นน้องที่สนิทกันเล่าเรื่องรุ่นพี่ที่ทำงานตำแหน่งสูงส่ง น่าจะประมาณสัก C... อย่าบอกเลยดีกว่า โลกมันใบเล็กนัก
เริ่มต้นชีวิตครอบครัวด้วยการไล่ตามจีบรุ่นพี่คนหนึ่งหัวปักหัวปำ จนได้ลงเอยแต่งงานสร้างครอบครัวกัน มีลูกด้วยกัน
วันหนึ่ง ฝ่ายชายก็ไปเจอสาวโพรไฟล์ดี จบมหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของโลก
ของใหม่มันก็คงสดกว่า ประวัติน่าประทับใจ
ฮีก็ควงสาวคนใหม่ออกงาน ออกหน้า ออกตา และพยายามเต้นเร่าๆมาขอหย่ากับภรรยา
ฝ่ายภรรยาไม่ยอมหย่าค่ะ แม้จะโดนฝ่ายสามีทำร้ายน้ำใจแบบแสนสาหัส
คือ มาพร่ำเพ้อ ถึงหญิงใหม่ว่า เป็นหญิงในฝัน ตามหามานาน บลา บลาบลา ...
แต่ฝ่ายภรรยาก็ไม่ยอมหย่า ทำไมต้องเตะ เข้าปาก
เธอทำอะไรผิด ? อดทนทุ่มเท ยอมลาออกจากงานที่ถ้าเธอทำอยู่ตำแหน่งก็คงจะไม่แพ้สามี มาเพื่อดูแลครอบครัว แล้วนี่คือรางวัลที่ได้รับหรือ ?
ดิฉันฟังแล้วก็ได้แต่ถอนใจ ...
เอาจริง ๆ ถ้าเราจะมองว่าคนก็เป็นหนึ่งในสปีชีส์ของสิ่งมีชีวิต ตอนเรากำลังหลง หน้ามืดตามัว ถ้ากำลังสติไม่แรงพอ หรือมีคนช่วยเตือนให้รู้ถึงผิดชอบชั่วดี จะดร.หรือ ป. 4 ก็แทบไม่ต่างอะไรกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่ “ติดสัด”
กรณีนี้ ไม่ได้สงสารเฉพาะเมียหลวง
เมียน้อย (จะโดยรู้มาก่อนหรือไม่รู้มาก่อน จะโดนหลอกก่อน หรือเมื่อรู้ว่าโดนหลอกแล้วไม่ยอมถอยหลัง) ก็น่าสงสารเช่นกัน
ผู้ชายหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีเงิน มีตำแหน่ง ประสบความสำเร็จ บางทีก็เลือกผู้หญิงโพรไฟล์ดี ๆ การศึกษาสูง ๆ แถมด้วยหน้าตาดี มาเพื่อประดับบารมีเช่นกัน เดี๋ยวนี้เลี้ยงเด็กเลาจน์มันไม่ได้โก้เท่าไรแล้ว สู้หาที่ทั้งเก่ง ทั้งสวย ทั้งการศึกษาสูงมาไม่ได้ มันดูเหนือกว่าเยอะเลย
เสียดายผู้หญิงดี ๆ การศึกษาดี ๆ ที่จะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ต้องมาทนกับป้าย “เมียน้อย” แปะบนหน้าผากหรา
ความอนิจจัง ความแปรเปลี่ยน มันเกิดขึ้นได้จริง ๆ ค่ะ
คู่ที่ดิฉันรู้จักบางคู่ ก็บ่นว่าเบื่อคู่ชีวิต ? บางคนก็บ่นว่าอยากหย่า บางคนหย่าไปแล้วก็จะมาเล่าให้ฟัง
หลังจากที่แก่จนได้ยิน ได้เห็นเรื่องเล่ามามากมาย ตอนนี้ ไม่ห้ามใครแล้วค่ะเวลามีคนมาบ่นว่าอยากหย่า
เอาจริง คำแนะนำที่ดิฉันบอกลูกสาววัยรุ่นของตัวเองคือ
“ถ้าจะมีแฟนนะ ให้ตกลงกันก่อนว่า หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยากเลิก ต้องให้เลิกนะ ถ้าอยู่ด้วยกันแล้ว มันแย่มาก มัน toxic มาก แยกกันไปดีกว่า ไม่งั้น ถ้ายิ่งอยู่ด้วยกัน ยิ่งเกลียดกัน เลิกกันไปดีกว่า ทำความตกลงเรื่องนี้กันตั้งแต่ก่อนคบกันนะ”
แต่แม้ดิฉันจะไม่ห้ามใครเวลามาบ่นว่าอยากเลิก แต่ก็จะไม่ยุให้เลิก
สิ่งที่ดิฉันมักทำเสมอ ก็คือ นั่งฟังเพื่อนบ่น ด่า ว่าแฟนตัวเอง ฟังเพื่อนทบทวนความรู้สึก
พอมีช่อง ก็จะชี้ให้เห็นข้อดีของคู่เค้า ถ้าทำขนาดนี้แล้ว เค้ายังอยากเลิก นี่ก็จะไม่ห้ามแล้วค่ะ
เพื่อนบางคน ก็มาขอบคุณดิฉันทีหลังว่า ถ้าดิฉันไม่ได้เตือนสติเค้าในวันนั้น ป่านนี้ครอบครัวเค้าคงแตกหักกันไปแล้ว แทนที่จะได้ช่วยกันดูแลลูกจนลูกสอบเข้าโรงเรียนแพทย์ริมน้ำได้ในวันนี้
ในขณะที่เพื่อนบางคน เลิกด้วยความชื่นบานและดูจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม
บางคนไม่ยอมเลิก แต่ก็ไม่แก้ปัญหาให้เด็ดขาด เฝ้าแต่บ่นถึงความรักของตัวเองว่า ไม่มีประกายไฟ ไม่สดชื่นหอมหวาน แล้วไพล่ไปสานสัมพันธ์นอกสมรสจนลูกสาวจับได้และถามเธอด้วยความสะเทือนใจว่า
“ทำไมแม่ทำกับพ่ออย่างนี้”
คนเป็นแม่จะรู้สึกถึงความผิดที่กัดกร่อนใจขนาดไหน และจะมองหน้าลูกสาวอย่างไรกับสิ่งที่ทำลงไป
ในกรณีฆาตกรรมสะเทือนขวัญคดีหนึ่ง รุ่นพี่ที่พอรู้เบื้องหน้าเบื้องหลัง เคยเล่าให้ฟังว่า ผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เคยไกล่เกลี่ยไม่ให้เค้าเลิกกันสำเร็จมาหลายครั้งแล้ว (สังเกตเห็นอะไรตรงนี้ไหมคะ “หลายครั้ง” แปลว่า ปัญหาความไม่เข้ากันมันแก้ไม่เคยหาย หรือมันไม่เคยถูกแก้) มานั่งนึกเสียใจว่าตัวเองน่าจะปล่อยให้เค้าเลิกกันไป อย่างน้อยมันก็จะไม่เกิดโศกนาฏกรรมอย่างนี้ขึ้น
ส่วนตัว ดิฉันไม่ได้คิดว่ามันมีคำตอบสำเร็จรูปคำตอบเดียวสำหรับปัญหาความสัมพันธ์
ในทุกความสัมพันธ์ มันจะมีช่วงตื่นเต้นหวือหวา
เป็นช่วงที่ต้องทุ่มเททำคะแนน ซึ่งความทรงจำดี ๆ ที่น่าประทับใจ มันจะโดดเด่นและสะสมกันมาตั้งแต่ช่วงนี้แหละค่ะ
และสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งค่านิยมเดี๋ยวนี้มันเผยแพร่ สื่อสาร สร้างแรงบันดาลใจผ่านโซเชียลมีเดียได้สารพัด เลยทำให้หลาย ๆ คนจะสรุปเอาดื้อ ๆ ว่า ความตื่นเต้น หวือหวา โรแมนติค เซอร์ไพรส์ เป็นแก่นแกนหลักของความรักและความสัมพันธ์ที่ดี
บางคน พอชีวิตคู่เริ่มไม่หวานแล้ว กลับรีบวาดบทสรุปเสียดื้อ ๆ เลยว่า มันไม่เวิร์คแล้ว มันจบแล้ว
บางคน ก็เสพติดความซู่ซ่า หวานชื่นในชีวิตคู่จนคิดว่า มันคือทุกอย่าง