สวัสดีครับ
ก่อนอื่นเลยวันนี้ผมอยากจะมาเล่าประสบการณ์กับเรื่อง "หนี้นอกระบบ" ที่ผมกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ ถ้าให้พูดถึงเรื่องนี้คงเป็นเพราะตัวผมเองและคนที่เป็นเจ้าหนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไร อาจจะผิดที่ตัวผมล้วนๆ ก่อนหน้านี้ผมเป็นแค่พนักงานบริษัทธรรมดาคนนึงที่รับเงินรายเดือนและค่าคอมมิชชั่นทุกเดือน แต่ด้วยความที่อยากมีเหมือนคนอื่นๆ ผมจึงตัดสินใจผิดมหันต์กับการก้าวเดินของชีวิตผมเอง การทำงานทำให้ผมได้รู้จักใครต่อใครมากมายจนวันนึงผมได้รู้จักกับรุ่นพี่คนนึงที่ก็เคยอยู่ในสายงานที่ผมเคยทำอยู่ ได้สนิทกันในระดับนึง แต่ตอนนั้นผมรู้สึกว่าเงินผมขาดมือด้วยภาระต่างๆที่แบกรับไว้เพียงคนเดียวทำให้ผมตัดสินใจ เข้าไปในขุมนรกนั้นด้วยตัวผมเอง ผมเริ่มสอบถามและก็ได้มีน้องคนนึงแนะนำผมมาว่าคนนี้ผล่อยกู้นะ ซึ่งด้วยความที่เรากำลังร้อนเงินแค่เงินจะกินข้าวยังไม่มีมันเลยทำให้ผมตัดสินใจที่จะกู้เงินนั้นมาเพื่อไว้หมุนจ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งเรารับรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นรายวันการต้องหาเงินจ่ายดอกทุกๆวันทั้งที่เรารับเงินเป็นรายเดือนนั้นยังพอถูๆไถๆได้ในช่วงแรก เพราะเราคิดว่าเรามีงานเสริมที่ได้รายวันอยู่ และด้วยความที่ตัวเองหัวสูงเห็นเค้ามีเงินเยอะเพราะปล่อยเงินก็เริ่มทำบ้างด้วยการคิดที่ตื้นเกินไป ไปหากู้เงินมาเพิ่มจาก 1 กลายเป็น 10 อย่างก้าวกระโดด ในช่วงแรกๆมันก็ดีที่เรายังหาหมุนได้อยู่ ปต่พอช่วงกลางๆ มันเริ่มเยอะขึ้นกลายเป็นว่าเราต้องหากู้เจ้านั้นมาจ่ายเจ้านี้แต่มันมากขึ้นเรื่อยๆจนทำให้เราไปอยู่ในจุดที่เริ่มจ่ายดอกต่อวัน วันละ 7000 กว่า ทำแบบนี้มาได้แค่ 1 เดือนก็เริ่มไม่ไหว ความคิดเริ่มติดลบและเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนมาวันนึงผมตัดสินใจขายมอเตอร์ไซค์ที่ยังค้างไฟแนนซ์อยู่ แต่ขายแบบมือต่อมือ นั่นแปลว่าผมไม่ได้ผ่อนต่อกับทางไฟแนนซ์ปละผมรู้ชะตาตัวเองว่าคงจะต้องโดนหมายฟ้องเร็วๆนี้แน่นอน ได้เงินมาแค่หมื่นกว่าบาทก็เอาไปปิดได้แค่นิดหน่อย และผมก็เริ่มรู้ตัวเองว่ามันไม่พอ จุดเริ่มต้นตอนขายรถเพียงเพราะผมกำลังคิดจะ "หนีหนี้" แค่อยากมีเงนสำรองไว้ตั้งตัว แต่ผมก็รู้ว่ามันคงไม่พ้น ผมเริ่มหลบไปหาโรงแรมถูกๆนอน ก่อนคิดว่าจะหนีออกไปต่างจังหวัด แต่ด้วยความที่เจ้าหนี้บางคนเค้าดีกับผม ผมเลยเลือกที่จะบอกกับเค้าตรงๆ เค้าก็ช่วยเรื่องหลบหนีแต่ทำสัญญากันว่าต้องทำงานหามาจ่ายเค้าเป็นรายเดือน ซึ่งพอมีคนรู้มากขึ้นผมก็เริ่มติดต่อเจ้าใหญ่ๆที่ยอดเยอะๆ ก่อนเพื่อนนัดชำระเป็นเดือน ตอนนี้ผมหนีมาได้ 2 เดือนแล้ว แต่ก็ยังต้องชำระหนี้อยู่รวมๆแล้วแล้วเดือนละหมื่นกว่าบาท ซึ่งพอมาหางานใหม่ตอนนี้เงินเดือนผมแค่9000 และก็เป็นรายวัน ฉะนั้นสิ่งที่ผมต้องจ่ายกับสิ่งที่ผมได้รับมันสวนทางกันอีกแล้ว ผมติดลบมาแล้ว 2 เดือน แค่เงินกินเงินประทังชีวิตตอนนี้ผมเองก็ไม่มีติดตัว ผมไม่เคยโทษใครและเจ้าหนี้เหล่านั้นไม่เคยผิด แต่ที่ผิดตอนนี้คือตัวผมเอง และผมอยากบอกว่าผมเองก็เริ่มไม่ไหวแล้วเหมือนกันผมคิดจะจบชีวิตตัวเองในวันเกิดที่กำลังจะถึง และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมคิด และผมมีสติรับรู้100% ว่าสิ่งที่ผมทำมันไม่ถูกต้อง กับการที่จะจบชีวิตตัวเองเพื่อหนีปัญหา ผมบอกได้คำเดียวเลยว่าตอนนี้ผมคิดได้อย่างเดียวว่านรกอาจจะรู้สึกดีกว่าตอนนี้ด้วยซ้ำไป
ขอบคุณที่อ่านกันนะครับ
ชีวิตล้มเพราะหนี้นอกระบบ
ก่อนอื่นเลยวันนี้ผมอยากจะมาเล่าประสบการณ์กับเรื่อง "หนี้นอกระบบ" ที่ผมกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ ถ้าให้พูดถึงเรื่องนี้คงเป็นเพราะตัวผมเองและคนที่เป็นเจ้าหนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไร อาจจะผิดที่ตัวผมล้วนๆ ก่อนหน้านี้ผมเป็นแค่พนักงานบริษัทธรรมดาคนนึงที่รับเงินรายเดือนและค่าคอมมิชชั่นทุกเดือน แต่ด้วยความที่อยากมีเหมือนคนอื่นๆ ผมจึงตัดสินใจผิดมหันต์กับการก้าวเดินของชีวิตผมเอง การทำงานทำให้ผมได้รู้จักใครต่อใครมากมายจนวันนึงผมได้รู้จักกับรุ่นพี่คนนึงที่ก็เคยอยู่ในสายงานที่ผมเคยทำอยู่ ได้สนิทกันในระดับนึง แต่ตอนนั้นผมรู้สึกว่าเงินผมขาดมือด้วยภาระต่างๆที่แบกรับไว้เพียงคนเดียวทำให้ผมตัดสินใจ เข้าไปในขุมนรกนั้นด้วยตัวผมเอง ผมเริ่มสอบถามและก็ได้มีน้องคนนึงแนะนำผมมาว่าคนนี้ผล่อยกู้นะ ซึ่งด้วยความที่เรากำลังร้อนเงินแค่เงินจะกินข้าวยังไม่มีมันเลยทำให้ผมตัดสินใจที่จะกู้เงินนั้นมาเพื่อไว้หมุนจ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งเรารับรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นรายวันการต้องหาเงินจ่ายดอกทุกๆวันทั้งที่เรารับเงินเป็นรายเดือนนั้นยังพอถูๆไถๆได้ในช่วงแรก เพราะเราคิดว่าเรามีงานเสริมที่ได้รายวันอยู่ และด้วยความที่ตัวเองหัวสูงเห็นเค้ามีเงินเยอะเพราะปล่อยเงินก็เริ่มทำบ้างด้วยการคิดที่ตื้นเกินไป ไปหากู้เงินมาเพิ่มจาก 1 กลายเป็น 10 อย่างก้าวกระโดด ในช่วงแรกๆมันก็ดีที่เรายังหาหมุนได้อยู่ ปต่พอช่วงกลางๆ มันเริ่มเยอะขึ้นกลายเป็นว่าเราต้องหากู้เจ้านั้นมาจ่ายเจ้านี้แต่มันมากขึ้นเรื่อยๆจนทำให้เราไปอยู่ในจุดที่เริ่มจ่ายดอกต่อวัน วันละ 7000 กว่า ทำแบบนี้มาได้แค่ 1 เดือนก็เริ่มไม่ไหว ความคิดเริ่มติดลบและเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนมาวันนึงผมตัดสินใจขายมอเตอร์ไซค์ที่ยังค้างไฟแนนซ์อยู่ แต่ขายแบบมือต่อมือ นั่นแปลว่าผมไม่ได้ผ่อนต่อกับทางไฟแนนซ์ปละผมรู้ชะตาตัวเองว่าคงจะต้องโดนหมายฟ้องเร็วๆนี้แน่นอน ได้เงินมาแค่หมื่นกว่าบาทก็เอาไปปิดได้แค่นิดหน่อย และผมก็เริ่มรู้ตัวเองว่ามันไม่พอ จุดเริ่มต้นตอนขายรถเพียงเพราะผมกำลังคิดจะ "หนีหนี้" แค่อยากมีเงนสำรองไว้ตั้งตัว แต่ผมก็รู้ว่ามันคงไม่พ้น ผมเริ่มหลบไปหาโรงแรมถูกๆนอน ก่อนคิดว่าจะหนีออกไปต่างจังหวัด แต่ด้วยความที่เจ้าหนี้บางคนเค้าดีกับผม ผมเลยเลือกที่จะบอกกับเค้าตรงๆ เค้าก็ช่วยเรื่องหลบหนีแต่ทำสัญญากันว่าต้องทำงานหามาจ่ายเค้าเป็นรายเดือน ซึ่งพอมีคนรู้มากขึ้นผมก็เริ่มติดต่อเจ้าใหญ่ๆที่ยอดเยอะๆ ก่อนเพื่อนนัดชำระเป็นเดือน ตอนนี้ผมหนีมาได้ 2 เดือนแล้ว แต่ก็ยังต้องชำระหนี้อยู่รวมๆแล้วแล้วเดือนละหมื่นกว่าบาท ซึ่งพอมาหางานใหม่ตอนนี้เงินเดือนผมแค่9000 และก็เป็นรายวัน ฉะนั้นสิ่งที่ผมต้องจ่ายกับสิ่งที่ผมได้รับมันสวนทางกันอีกแล้ว ผมติดลบมาแล้ว 2 เดือน แค่เงินกินเงินประทังชีวิตตอนนี้ผมเองก็ไม่มีติดตัว ผมไม่เคยโทษใครและเจ้าหนี้เหล่านั้นไม่เคยผิด แต่ที่ผิดตอนนี้คือตัวผมเอง และผมอยากบอกว่าผมเองก็เริ่มไม่ไหวแล้วเหมือนกันผมคิดจะจบชีวิตตัวเองในวันเกิดที่กำลังจะถึง และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมคิด และผมมีสติรับรู้100% ว่าสิ่งที่ผมทำมันไม่ถูกต้อง กับการที่จะจบชีวิตตัวเองเพื่อหนีปัญหา ผมบอกได้คำเดียวเลยว่าตอนนี้ผมคิดได้อย่างเดียวว่านรกอาจจะรู้สึกดีกว่าตอนนี้ด้วยซ้ำไป
ขอบคุณที่อ่านกันนะครับ