อีกด้านของเหตุการณ์ความรุนแรงในโรงเรียนที่กำลังเป็นที่พูดถึง และ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างอีดายองและผู้เล่นคนนั้น
อีแจยองผู้หลีกเลี่ยงการติดต่อกับสื่อมวลชนมาตลอดหลังจากเรื่องความรุนแรงในโรงเรียนได้ถูกเปิดเผย ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจออกมาพูด เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม อีดายอง น้องสาวฝาแฝดของเธอได้ประกาศในงานแถลงข่าวที่สนามบินก่อนเดินทางไปลีกฝรั่งเศสว่า “อีแจยองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงในโรงเรียน”
หลังจากได้รับความรักมากมายในฐานะไอคอนของ V-League อยู่สักพัก เธอก็กลายเป็นผู้ก่อความรุนแรงในโรงเรียนและได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ท่ามกลางความคิดเห็นมากมายที่ยังคงสงสัยว่าความรุนแรงในโรงเรียนที่เธอถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำนั้นอาจไม่ได้รับการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเหมาะสม และกลุ่มที่วิพากษ์วิจารณ์เธออย่างต่อเนื่อง อีแจยองพลาดทุกโอกาสที่จะชี้แจงความเข้าใจผิดที่อยู่รอบตัวเธอ นี่คือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงเพิ่งเปลี่ยนใจและยอมเปิดปากพูด
“ฉันปลงแล้ว วอลเลย์บอลไม่ใช่ทุกสิ่งในชีวิตของฉัน ครั้งหนึ่งฉันเคยคิดอย่างนั้น แต่ตอนนี้สิ่งสำคัญคือการเตรียมพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตนอกเหนือจากการเป็นผู้เล่น ฉันไม่ต้องการถูกวิจารณ์ในสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำเพื่อจะได้เล่นวอลเลย์บอลอีก ฉันจะไม่บังคับตัวเองให้อดทนในขณะที่ต้องปกปิดสิ่งที่ไม่ยุติธรรมเอาไว้ จากสิ่งที่ฉันรู้และเคยมีประสบการณ์ หากฉันไม่บอกความจริงกับคนอื่นและฝังมันไว้ ฉันคิดว่าฉันจะต้องเสียใจในภายหลัง ฉันจะบอกคุณทุกเรื่องนับตั้งแต่นี้ ถ้าคุณถามฉันจะบอกคุณทุกอย่างที่ฉันรู้” เธอกล่าว ต่อไปนี้เป็นคำถามและคำตอบกับอีแจยอง
Q : นี่ก็นานแล้ว ก่อนอื่นเลยอยากทราบว่าคุณเป็นอย่างไรบ้าง
A : “เพราะฉันเป็นนักกีฬา ฉันเลยไม่ได้หยุดพักโดยไม่ทำอะไรแบบนั้น เมื่อมีเวลาฉันจะออกไปข้างนอกและออกกำลังกายต่าง ๆ ฉันไม่เคยมีงานอดิเรกอื่นนอกจากวอลเลย์บอลเลยในชีวิต แต่ครั้งนี้ฉันได้ลองเล่นกีฬาอื่นเป็นครั้งแรก ฉันไปเที่ยวในที่ ๆ ไม่เคยไปมาก่อน มันดีที่จะมีชีวิตอยู่อย่างปกติ ฉันได้เรียนรู้ว่ายังมีอีกชีวิตหนึ่งเมื่อฉันเดินออกมาจากชีวิตที่ตึงเครียดของนักกีฬา หลังจากเกิดเรื่องขึ้นก็ต้องขอบคุณคนรอบข้างที่คอยช่วยเหลือและเป็นห่วงฉันมาก ทำให้ฉันสามารถใช้ชีวิตได้ในทุกวันโดยไม่รู้สึกเบื่อ ฉันมีเวลามากพอที่จะฮีลตัวเองจากการดูแลของพวกเขา เมื่อเวลาผ่านไป ฉันไม่รู้สึกเคว้งคว้างหรือต้องต่อสู้กับสิ่งรอบตัวเหมือนเมื่อก่อน ฉันเอาชนะมันได้มากเลยค่ะ จิตใจของฉันแข็งแกร่งขึ้นไหมคะ”
Q : มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายหลังเกิดเหตุ มันคงจะไม่ง่ายเลยที่ผู้หญิงวัย 20s จะทนได้
A : “หลังจากเหตุการณ์นั้น ฉันไม่สามารถออกจากบ้านได้เป็นเวลาหลายเดือน ตอนนั้นฉันช็อกหนักมากจนเป็นโรคตื่นตระหนก (Panic Disorder) อยู่ 2 ปีรวมถึงซึมเศร้า (Depression) ด้วย ฉันอยู่อย่างยากลำบาก เมื่อฉันออกไปข้างนอก หัวใจของฉันก็จะเต้นแรงและเหงื่อก็ไหลออกมาโดยไม่มีเหตุผล มันถึงจุดที่ฉันไม่สามารถออกไปข้างนอกได้สักพักโดยไม่มีใครไปด้วย ฉันไม่กล้าออกไปข้างนอกโดยไม่สวมหมวกและหน้ากาก หลังจากตกจากจุดสูงสุดสู่ก้นเหวในเวลาสั้น ๆ ฉันรู้สึกว่างเปล่า และอาการนอนไม่หลับก็มาเยือน มันเจ็บปวดมากจนยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ถ้าจะให้พูดง่าย ๆ คือการตื่นขึ้นมาในตอนเช้านั้นเป็นความเครียด พอเห็นฉันเป็นแบบนี้ คนรอบข้างก็เป็นห่วง พวกเขาปลอบใจและช่วยเหลือฉันโดยถามว่า ‘วอลเลย์บอลคืออะไร?’ ต้องขอบคุณคนเหล่านั้น ตอนนี้ฉันดีขึ้นแล้ว กลับสู่ชีวิตปกติ หลังจากอดทนมา 2 ปีครึ่ง ร่างกายและจิตใจของฉันก็แข็งแรง ฉันพบความสบายใจจากการวางหลายสิ่งหลายอย่างที่ฉันชอบลง และตอนนี้ฉันรู้สึกมีความสุข”
Q : เมื่อมองย้อนเวลากลับไป คุณรู้สึกเสียใจกับการตอบสนองในตอนแรกที่การเปิดเผยเรื่องความรุนแรงในโรงเรียนเกิดขึ้น
A : “เจ้าหน้าที่ของสโมสรมาที่บ้านของฉันในเมืองเซจองหลายครั้ง และสั่งให้เรางดการให้สัมภาษณ์ โดยบอกว่า ‘เพราะเราคือครอบครัว เราจะรับผิดชอบเองจนถึงที่สุด’ เราต้องการแก้ไขส่วนที่ไม่ถูกต้องเพราะมีหลายส่วนที่ไม่ยุติธรรม แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามคำพูดของเขา สโมสรสัญญาว่าจะรับผิดชอบเงินเดือนประจำปีที่เหลืออยู่ทั้งหมดหากพวกเราปิดปากเงียบ ในท้ายที่สุดสาธารณชนไม่ได้ทราบถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ดังกล่าวเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถตอบโต้ได้อย่างเหมาะสมในเวลานั้น ใครก็ตามในสมาคมวอลเลย์บอล สหพันธ์วอลเลย์บอลเกาหลี หรือสโมสรสามารถตัดสินได้อย่างถูกต้อง หากพวกเขาได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างถูกต้องกับผู้เปิดเผย ผู้นำ และโรงเรียน ณ เวลานั้น และฟังคำพูดของเราสักเล็กน้อย แต่ทุกคนก็กลัว เสียงวิจารณ์ที่หลั่งไหลเข้ามาและกลัวว่าจะจุดประกาย ขึ้น พวกเขาเพียงแค่ต้องการหลีกเลี่ยงการสาดโคลนใส่ตัวเอง”
Q : การตอบสนองในเวลานั้นกลายเป็นบทเรียนที่ดีในอีกทางหนึ่งสำหรับสโมสรอื่น
A : “แม้แต่ตอนนี้ ฉันก็ยังไม่เข้าใจการกระทำของเพื่อนเหล่านั้น ฉันขอโทษหลายครั้งในตอนนั้นโดยพูดว่า 'ฉันขอโทษ' สำหรับพฤติกรรมที่เป็นปัญหาของอีดายองที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมต้น และมันก็จบลงด้วยดี แต่ทันใดนั้นหลังจากผ่านไปกว่า 10 ปีฉันก็สงสัยเกี่ยวกับความตั้งใจที่จะเปิดเผยข้อมูลนี้อีกครั้ง แม้แต่ตอนเปิดโปงครั้งแรกเราก็บอกคนที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจนว่าเราจะไปพบและขอโทษหากเราทำอะไรผิดพลาดไป เราติดต่อพวกเขาทางโทรศัพท์และสื่อสารความตั้งใจของเราอย่างเต็มที่ผ่านผู้ปกครองของเขาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม พวกเขากล่าวว่า “ถ้าคุณเขียนจดหมายขอโทษ ฉันจะยกโทษให้ทุกอย่าง” จากนั้นพวกเราก็เขียนคำขอโทษสำหรับบางสิ่งที่พวกเราไม่ได้ทำด้วยซ้ำ และจากนั้นพวกเขาก็พูดว่า “ฉันไม่ต้องการพบคุณ” และตัดการติดต่อทั้งหมด ในตอนแรกพวกเขากล่าวว่า “ฉันต้องการพบคุณและให้คุณมาขอโทษ” แต่ภายหลังกลับปฏิเสธที่จะพบ และเรียกร้องให้เราทั้งคู่ถูกแบนอย่างถาวร สิ่งที่ไร้สาระยิ่งกว่าคือหลังจากที่ผู้เปิดเผยคนหนึ่งย้ายโรงเรียนไป พวกเขามาพบฉันที่จอนจูและไปดูหนังด้วยกัน ฉันไม่แน่ใจว่าตอนนั้นเราอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 3 หรือชั้นมัธยมปีที่ 4 แต่ถ้าฉันบูลลี่พวกเขาอย่างรุนแรง พวกเขาคงไม่นัดเจอและไปดูหนังด้วยกันขณะที่พวกเขาย้ายโรงเรียนไปแล้ว ถ้าจะพูดให้ชัดเจน ฉันจำไม่ได้ว่าฉันทำอะไรไม่ดีกับพวกเขาที่ฉันจะต้องมารับผิดชอบ ถ้าหากนานมาแล้วสมัยยังเด็ก ฉันไปทำอะไรให้ไม่สบายใจโดยไม่รู้ตัว ฉันสามารถไปพบและแก้ไขความเข้าใจผิดได้ แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปรับผิดชอบในสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำ ในช่วง 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา จุดยืน ความคิด และคำพูดของฉันยังคงเหมือนเดิมเสมอเกี่ยวกับความรุนแรงในโรงเรียน”
Q : อีดายองกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 5 เมื่อเธอเดินทางออกจากประเทศว่าผู้เปิดเผยต้องการเงิน 100 ล้านวอนต่อคน
A : "ใช่แล้วค่ะ พวกเขาเรียกร้องค่าเสียหายคนละ 100 ล้านวอน หลังจากตัดการติดต่อไปนาน จู่ ๆ ก็ติดต่อกลับมาว่า “เราจะคืนดีกัน” ดังนั้นเราจึงคุยกัน และหนึ่งสัปดาห์ต่อมา จู่ ๆ เขาก็แต่งตั้งทนายความและเรียกร้องเงิน ดังนั้นเมื่อทนายความของเรากล่าวว่า “จำนวนเงินที่เรียกร้องนั้นไร้สาระ” เขากล่าวว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะเงินจำนวนนั้น ฉันคงไม่สามารถตายได้” พวกเขาพูดถึงเรื่องนี้หลายครั้ง แต่ฉันไม่เข้าใจความคิดและการกระทำที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของพวกเขา ต่อมาฉันได้ยินจากทนายความว่าพวกเขาขอค่าปรับคนละ 30 ล้านวอน ถ้าฉันให้พวกเขาแม้แต่ 1 วอน ฉันจะถูกมองว่ายอมรับในความผิดพลาดที่ฉันไม่ได้ทำทันที ดังนั้นฉันจึงแจ้งทนายถึงจุดยืนครั้งสุดท้ายของฉันว่า 'ถ้าฉันไม่ได้เล่นวอลเลย์บอล ฉันคงไม่ทำ และฉันก็ไม่สามารถให้เงินได้' จากนั้นหนึ่งในนั้นก็ติดต่อเรามาส่วนตัวโดยบอกว่าเขาจะยอมเขียนข้อตกลงถ้าเราให้เงินเขา 10 ล้านวอนโดยมีเงื่อนไขว่าจะไม่แจ้งให้คนอื่นทราบ จากสถานการณ์เหล่านี้ ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดว่าพวกเขามีเจตนาอื่น”
Q : ปัญหาความขัดแย้งที่ถูกเปิดเผยในการสัมภาษณ์ของอีดายองคือผู้เล่นบางคนไม่ได้ตั้งใจตีบอลที่อีดายองเซตให้ระหว่างการฝึกซ้อม สิ่งนี้เกิดขึ้นบ่อยในวอลเลย์บอลหรือไม่?
A : “ฉันรู้และจำได้แม่นว่าเกิดอะไรขึ้นที่ฮึงกุกแซงมยองในฤดูกาล 2020-2021 เพราะฉันเฝ้าดูมันจากด้านข้างมากกว่าใคร ๆ ในระหว่างการฝึกซ้อม แม้ว่าการเซตบอลของอีดายองจะไม่ดีพอ ผู้เล่นคนนั้นก็จะคว้าตาข่ายและล้มลง สบถพอให้เข้าใจด้วยการอ่านปากของเขา จากนั้นฉันก็กลับไปคุยกับผู้เล่นคนอื่น ๆ ในทางกลับกัน แม้ว่าบอลที่เซตเตอร์คนอื่นจ่ายให้จะแย่อย่างไร ผู้เล่นคนนั้นก็ตีบอลโดยไม่บ่นสักคำ อีดายองรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากจากการกระทำดังกล่าว ในช่วงต้นฤดูกาล ที่กเยยังยิมเนเซียม ระหว่างเกมการแข่งขันกับโทโรกงซา (ไฮพาส) อีดายองร้องไห้เนื่องจากพฤติกรรมที่เป็นปัญหาของผู้เล่นคนดังกล่าว ในระหว่างเกมการแข่งขัน ผู้เล่นคนนั้นได้สบถใส่อีดายองอย่างเปิดเผยด้วยการพูดว่า 'XX' (คำหยาบ) อีดายองออกมาที่โซนผู้เล่นสำรองและร้องไห้ออกมาดัง ๆ สิ่งนี้กลายเป็นปัญหา ดังนั้นเราจึงมีการสัมภาษณ์แยกกันในภายหลัง และอีดายองถามผู้เล่นคนนั้นว่า 'ทำไมคุณถึงด่าฉัน'”
Q : หากสิ่งที่คุณพูดเป็นความจริง นั่นคือการล่วงละเมิดทางวาจาและการล่วงละเมิดในที่ทำงาน
A : “มีบางอย่างที่ฉันจำได้แม่น ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ต้องฝึกซ้อมการปรับตัวในสนามที่กเยยังยิมเนเซียมก่อนเปิดฤดูกาล 2020-2021 ในตอนนั้นฮึงกุกแซงมยองเล่นบอลไหลหลังเยอะมาก หากมีตัวรุก 3 คนในแดนหน้า ตำแหน่ง Opposite จะหลอกเล่นซีหลัง ตำแหน่ง MB จะหลอกเล่นบีควิก และฉันจะแทรกเข้ามาตีบอล (อีแจยองใช้คำว่า 시간차 공격 หรือ Delayed Attack หมายถึงการโจมตีที่มีตัวตีอื่นกระโดดหลอกเพื่อให้ตัวบล็อคฝั่งตรงข้ามสับสนและตัวตีที่แท้จริงจะแทรกเข้ามาตีในตอนสุดท้าย) ในระหว่างการฝึกซ้อมนี้ จู่ ๆ ผู้เล่นที่อยู่แดนหลังก็หยุดการฝึกซ้อมทันทีหลังจากสบถว่า 'โอ๊ย XX (คำหยาบ) จะให้ฉันทำยังไงถ้าคุณวิ่งมาขวางข้างหน้าฉัน?’ ผู้เล่นคนนั้นยังสบถอย่างต่อเนื่องโดยพูดว่า 'คุณเล่นวอลเลย์บอลกันแค่สองคนหรือไง?’ เจ้าหน้าที่ฝึกสอนกล่าวว่า ‘ฮึงกุกเล่นวอลเลย์บอลในรูปแบบนี้ก่อนคุณจะมาด้วยซ้ำ ถ้ามันเป็นปัญหา คุณสามารถเปลี่ยนได้ในอนาคต หยุดเดี๋ยวนี้’ แต่เขายังคงสบถต่อไปอีกเป็นเวลา 30 นาทีโดยไม่หยุด หลังการฝึกซ้อม โค้ชคนหนึ่งขอร้องให้ฉันขอโทษเพื่อเอาใจผู้เล่นคนนั้น แม้ว่าฉันรู้สึกไม่ชอบแต่ก็ยอมทำ” <มีต่อ>
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่มา: https://naver.me/Fepz1HyO
[KOR] อีแจยองยอมออกมาพูดถึงเรื่องทั้งหมดหลังจากเงียบไปนาน
อีแจยองผู้หลีกเลี่ยงการติดต่อกับสื่อมวลชนมาตลอดหลังจากเรื่องความรุนแรงในโรงเรียนได้ถูกเปิดเผย ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจออกมาพูด เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม อีดายอง น้องสาวฝาแฝดของเธอได้ประกาศในงานแถลงข่าวที่สนามบินก่อนเดินทางไปลีกฝรั่งเศสว่า “อีแจยองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงในโรงเรียน”
หลังจากได้รับความรักมากมายในฐานะไอคอนของ V-League อยู่สักพัก เธอก็กลายเป็นผู้ก่อความรุนแรงในโรงเรียนและได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ท่ามกลางความคิดเห็นมากมายที่ยังคงสงสัยว่าความรุนแรงในโรงเรียนที่เธอถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำนั้นอาจไม่ได้รับการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเหมาะสม และกลุ่มที่วิพากษ์วิจารณ์เธออย่างต่อเนื่อง อีแจยองพลาดทุกโอกาสที่จะชี้แจงความเข้าใจผิดที่อยู่รอบตัวเธอ นี่คือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงเพิ่งเปลี่ยนใจและยอมเปิดปากพูด
“ฉันปลงแล้ว วอลเลย์บอลไม่ใช่ทุกสิ่งในชีวิตของฉัน ครั้งหนึ่งฉันเคยคิดอย่างนั้น แต่ตอนนี้สิ่งสำคัญคือการเตรียมพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตนอกเหนือจากการเป็นผู้เล่น ฉันไม่ต้องการถูกวิจารณ์ในสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำเพื่อจะได้เล่นวอลเลย์บอลอีก ฉันจะไม่บังคับตัวเองให้อดทนในขณะที่ต้องปกปิดสิ่งที่ไม่ยุติธรรมเอาไว้ จากสิ่งที่ฉันรู้และเคยมีประสบการณ์ หากฉันไม่บอกความจริงกับคนอื่นและฝังมันไว้ ฉันคิดว่าฉันจะต้องเสียใจในภายหลัง ฉันจะบอกคุณทุกเรื่องนับตั้งแต่นี้ ถ้าคุณถามฉันจะบอกคุณทุกอย่างที่ฉันรู้” เธอกล่าว ต่อไปนี้เป็นคำถามและคำตอบกับอีแจยอง
Q : นี่ก็นานแล้ว ก่อนอื่นเลยอยากทราบว่าคุณเป็นอย่างไรบ้าง
A : “เพราะฉันเป็นนักกีฬา ฉันเลยไม่ได้หยุดพักโดยไม่ทำอะไรแบบนั้น เมื่อมีเวลาฉันจะออกไปข้างนอกและออกกำลังกายต่าง ๆ ฉันไม่เคยมีงานอดิเรกอื่นนอกจากวอลเลย์บอลเลยในชีวิต แต่ครั้งนี้ฉันได้ลองเล่นกีฬาอื่นเป็นครั้งแรก ฉันไปเที่ยวในที่ ๆ ไม่เคยไปมาก่อน มันดีที่จะมีชีวิตอยู่อย่างปกติ ฉันได้เรียนรู้ว่ายังมีอีกชีวิตหนึ่งเมื่อฉันเดินออกมาจากชีวิตที่ตึงเครียดของนักกีฬา หลังจากเกิดเรื่องขึ้นก็ต้องขอบคุณคนรอบข้างที่คอยช่วยเหลือและเป็นห่วงฉันมาก ทำให้ฉันสามารถใช้ชีวิตได้ในทุกวันโดยไม่รู้สึกเบื่อ ฉันมีเวลามากพอที่จะฮีลตัวเองจากการดูแลของพวกเขา เมื่อเวลาผ่านไป ฉันไม่รู้สึกเคว้งคว้างหรือต้องต่อสู้กับสิ่งรอบตัวเหมือนเมื่อก่อน ฉันเอาชนะมันได้มากเลยค่ะ จิตใจของฉันแข็งแกร่งขึ้นไหมคะ”
Q : มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายหลังเกิดเหตุ มันคงจะไม่ง่ายเลยที่ผู้หญิงวัย 20s จะทนได้
A : “หลังจากเหตุการณ์นั้น ฉันไม่สามารถออกจากบ้านได้เป็นเวลาหลายเดือน ตอนนั้นฉันช็อกหนักมากจนเป็นโรคตื่นตระหนก (Panic Disorder) อยู่ 2 ปีรวมถึงซึมเศร้า (Depression) ด้วย ฉันอยู่อย่างยากลำบาก เมื่อฉันออกไปข้างนอก หัวใจของฉันก็จะเต้นแรงและเหงื่อก็ไหลออกมาโดยไม่มีเหตุผล มันถึงจุดที่ฉันไม่สามารถออกไปข้างนอกได้สักพักโดยไม่มีใครไปด้วย ฉันไม่กล้าออกไปข้างนอกโดยไม่สวมหมวกและหน้ากาก หลังจากตกจากจุดสูงสุดสู่ก้นเหวในเวลาสั้น ๆ ฉันรู้สึกว่างเปล่า และอาการนอนไม่หลับก็มาเยือน มันเจ็บปวดมากจนยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ถ้าจะให้พูดง่าย ๆ คือการตื่นขึ้นมาในตอนเช้านั้นเป็นความเครียด พอเห็นฉันเป็นแบบนี้ คนรอบข้างก็เป็นห่วง พวกเขาปลอบใจและช่วยเหลือฉันโดยถามว่า ‘วอลเลย์บอลคืออะไร?’ ต้องขอบคุณคนเหล่านั้น ตอนนี้ฉันดีขึ้นแล้ว กลับสู่ชีวิตปกติ หลังจากอดทนมา 2 ปีครึ่ง ร่างกายและจิตใจของฉันก็แข็งแรง ฉันพบความสบายใจจากการวางหลายสิ่งหลายอย่างที่ฉันชอบลง และตอนนี้ฉันรู้สึกมีความสุข”
Q : เมื่อมองย้อนเวลากลับไป คุณรู้สึกเสียใจกับการตอบสนองในตอนแรกที่การเปิดเผยเรื่องความรุนแรงในโรงเรียนเกิดขึ้น
A : “เจ้าหน้าที่ของสโมสรมาที่บ้านของฉันในเมืองเซจองหลายครั้ง และสั่งให้เรางดการให้สัมภาษณ์ โดยบอกว่า ‘เพราะเราคือครอบครัว เราจะรับผิดชอบเองจนถึงที่สุด’ เราต้องการแก้ไขส่วนที่ไม่ถูกต้องเพราะมีหลายส่วนที่ไม่ยุติธรรม แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามคำพูดของเขา สโมสรสัญญาว่าจะรับผิดชอบเงินเดือนประจำปีที่เหลืออยู่ทั้งหมดหากพวกเราปิดปากเงียบ ในท้ายที่สุดสาธารณชนไม่ได้ทราบถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ดังกล่าวเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถตอบโต้ได้อย่างเหมาะสมในเวลานั้น ใครก็ตามในสมาคมวอลเลย์บอล สหพันธ์วอลเลย์บอลเกาหลี หรือสโมสรสามารถตัดสินได้อย่างถูกต้อง หากพวกเขาได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างถูกต้องกับผู้เปิดเผย ผู้นำ และโรงเรียน ณ เวลานั้น และฟังคำพูดของเราสักเล็กน้อย แต่ทุกคนก็กลัว เสียงวิจารณ์ที่หลั่งไหลเข้ามาและกลัวว่าจะจุดประกาย ขึ้น พวกเขาเพียงแค่ต้องการหลีกเลี่ยงการสาดโคลนใส่ตัวเอง”
Q : การตอบสนองในเวลานั้นกลายเป็นบทเรียนที่ดีในอีกทางหนึ่งสำหรับสโมสรอื่น
A : “แม้แต่ตอนนี้ ฉันก็ยังไม่เข้าใจการกระทำของเพื่อนเหล่านั้น ฉันขอโทษหลายครั้งในตอนนั้นโดยพูดว่า 'ฉันขอโทษ' สำหรับพฤติกรรมที่เป็นปัญหาของอีดายองที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมต้น และมันก็จบลงด้วยดี แต่ทันใดนั้นหลังจากผ่านไปกว่า 10 ปีฉันก็สงสัยเกี่ยวกับความตั้งใจที่จะเปิดเผยข้อมูลนี้อีกครั้ง แม้แต่ตอนเปิดโปงครั้งแรกเราก็บอกคนที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจนว่าเราจะไปพบและขอโทษหากเราทำอะไรผิดพลาดไป เราติดต่อพวกเขาทางโทรศัพท์และสื่อสารความตั้งใจของเราอย่างเต็มที่ผ่านผู้ปกครองของเขาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม พวกเขากล่าวว่า “ถ้าคุณเขียนจดหมายขอโทษ ฉันจะยกโทษให้ทุกอย่าง” จากนั้นพวกเราก็เขียนคำขอโทษสำหรับบางสิ่งที่พวกเราไม่ได้ทำด้วยซ้ำ และจากนั้นพวกเขาก็พูดว่า “ฉันไม่ต้องการพบคุณ” และตัดการติดต่อทั้งหมด ในตอนแรกพวกเขากล่าวว่า “ฉันต้องการพบคุณและให้คุณมาขอโทษ” แต่ภายหลังกลับปฏิเสธที่จะพบ และเรียกร้องให้เราทั้งคู่ถูกแบนอย่างถาวร สิ่งที่ไร้สาระยิ่งกว่าคือหลังจากที่ผู้เปิดเผยคนหนึ่งย้ายโรงเรียนไป พวกเขามาพบฉันที่จอนจูและไปดูหนังด้วยกัน ฉันไม่แน่ใจว่าตอนนั้นเราอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 3 หรือชั้นมัธยมปีที่ 4 แต่ถ้าฉันบูลลี่พวกเขาอย่างรุนแรง พวกเขาคงไม่นัดเจอและไปดูหนังด้วยกันขณะที่พวกเขาย้ายโรงเรียนไปแล้ว ถ้าจะพูดให้ชัดเจน ฉันจำไม่ได้ว่าฉันทำอะไรไม่ดีกับพวกเขาที่ฉันจะต้องมารับผิดชอบ ถ้าหากนานมาแล้วสมัยยังเด็ก ฉันไปทำอะไรให้ไม่สบายใจโดยไม่รู้ตัว ฉันสามารถไปพบและแก้ไขความเข้าใจผิดได้ แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปรับผิดชอบในสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำ ในช่วง 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา จุดยืน ความคิด และคำพูดของฉันยังคงเหมือนเดิมเสมอเกี่ยวกับความรุนแรงในโรงเรียน”
Q : อีดายองกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 5 เมื่อเธอเดินทางออกจากประเทศว่าผู้เปิดเผยต้องการเงิน 100 ล้านวอนต่อคน
A : "ใช่แล้วค่ะ พวกเขาเรียกร้องค่าเสียหายคนละ 100 ล้านวอน หลังจากตัดการติดต่อไปนาน จู่ ๆ ก็ติดต่อกลับมาว่า “เราจะคืนดีกัน” ดังนั้นเราจึงคุยกัน และหนึ่งสัปดาห์ต่อมา จู่ ๆ เขาก็แต่งตั้งทนายความและเรียกร้องเงิน ดังนั้นเมื่อทนายความของเรากล่าวว่า “จำนวนเงินที่เรียกร้องนั้นไร้สาระ” เขากล่าวว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะเงินจำนวนนั้น ฉันคงไม่สามารถตายได้” พวกเขาพูดถึงเรื่องนี้หลายครั้ง แต่ฉันไม่เข้าใจความคิดและการกระทำที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของพวกเขา ต่อมาฉันได้ยินจากทนายความว่าพวกเขาขอค่าปรับคนละ 30 ล้านวอน ถ้าฉันให้พวกเขาแม้แต่ 1 วอน ฉันจะถูกมองว่ายอมรับในความผิดพลาดที่ฉันไม่ได้ทำทันที ดังนั้นฉันจึงแจ้งทนายถึงจุดยืนครั้งสุดท้ายของฉันว่า 'ถ้าฉันไม่ได้เล่นวอลเลย์บอล ฉันคงไม่ทำ และฉันก็ไม่สามารถให้เงินได้' จากนั้นหนึ่งในนั้นก็ติดต่อเรามาส่วนตัวโดยบอกว่าเขาจะยอมเขียนข้อตกลงถ้าเราให้เงินเขา 10 ล้านวอนโดยมีเงื่อนไขว่าจะไม่แจ้งให้คนอื่นทราบ จากสถานการณ์เหล่านี้ ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดว่าพวกเขามีเจตนาอื่น”
Q : ปัญหาความขัดแย้งที่ถูกเปิดเผยในการสัมภาษณ์ของอีดายองคือผู้เล่นบางคนไม่ได้ตั้งใจตีบอลที่อีดายองเซตให้ระหว่างการฝึกซ้อม สิ่งนี้เกิดขึ้นบ่อยในวอลเลย์บอลหรือไม่?
A : “ฉันรู้และจำได้แม่นว่าเกิดอะไรขึ้นที่ฮึงกุกแซงมยองในฤดูกาล 2020-2021 เพราะฉันเฝ้าดูมันจากด้านข้างมากกว่าใคร ๆ ในระหว่างการฝึกซ้อม แม้ว่าการเซตบอลของอีดายองจะไม่ดีพอ ผู้เล่นคนนั้นก็จะคว้าตาข่ายและล้มลง สบถพอให้เข้าใจด้วยการอ่านปากของเขา จากนั้นฉันก็กลับไปคุยกับผู้เล่นคนอื่น ๆ ในทางกลับกัน แม้ว่าบอลที่เซตเตอร์คนอื่นจ่ายให้จะแย่อย่างไร ผู้เล่นคนนั้นก็ตีบอลโดยไม่บ่นสักคำ อีดายองรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากจากการกระทำดังกล่าว ในช่วงต้นฤดูกาล ที่กเยยังยิมเนเซียม ระหว่างเกมการแข่งขันกับโทโรกงซา (ไฮพาส) อีดายองร้องไห้เนื่องจากพฤติกรรมที่เป็นปัญหาของผู้เล่นคนดังกล่าว ในระหว่างเกมการแข่งขัน ผู้เล่นคนนั้นได้สบถใส่อีดายองอย่างเปิดเผยด้วยการพูดว่า 'XX' (คำหยาบ) อีดายองออกมาที่โซนผู้เล่นสำรองและร้องไห้ออกมาดัง ๆ สิ่งนี้กลายเป็นปัญหา ดังนั้นเราจึงมีการสัมภาษณ์แยกกันในภายหลัง และอีดายองถามผู้เล่นคนนั้นว่า 'ทำไมคุณถึงด่าฉัน'”
Q : หากสิ่งที่คุณพูดเป็นความจริง นั่นคือการล่วงละเมิดทางวาจาและการล่วงละเมิดในที่ทำงาน
A : “มีบางอย่างที่ฉันจำได้แม่น ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ต้องฝึกซ้อมการปรับตัวในสนามที่กเยยังยิมเนเซียมก่อนเปิดฤดูกาล 2020-2021 ในตอนนั้นฮึงกุกแซงมยองเล่นบอลไหลหลังเยอะมาก หากมีตัวรุก 3 คนในแดนหน้า ตำแหน่ง Opposite จะหลอกเล่นซีหลัง ตำแหน่ง MB จะหลอกเล่นบีควิก และฉันจะแทรกเข้ามาตีบอล (อีแจยองใช้คำว่า 시간차 공격 หรือ Delayed Attack หมายถึงการโจมตีที่มีตัวตีอื่นกระโดดหลอกเพื่อให้ตัวบล็อคฝั่งตรงข้ามสับสนและตัวตีที่แท้จริงจะแทรกเข้ามาตีในตอนสุดท้าย) ในระหว่างการฝึกซ้อมนี้ จู่ ๆ ผู้เล่นที่อยู่แดนหลังก็หยุดการฝึกซ้อมทันทีหลังจากสบถว่า 'โอ๊ย XX (คำหยาบ) จะให้ฉันทำยังไงถ้าคุณวิ่งมาขวางข้างหน้าฉัน?’ ผู้เล่นคนนั้นยังสบถอย่างต่อเนื่องโดยพูดว่า 'คุณเล่นวอลเลย์บอลกันแค่สองคนหรือไง?’ เจ้าหน้าที่ฝึกสอนกล่าวว่า ‘ฮึงกุกเล่นวอลเลย์บอลในรูปแบบนี้ก่อนคุณจะมาด้วยซ้ำ ถ้ามันเป็นปัญหา คุณสามารถเปลี่ยนได้ในอนาคต หยุดเดี๋ยวนี้’ แต่เขายังคงสบถต่อไปอีกเป็นเวลา 30 นาทีโดยไม่หยุด หลังการฝึกซ้อม โค้ชคนหนึ่งขอร้องให้ฉันขอโทษเพื่อเอาใจผู้เล่นคนนั้น แม้ว่าฉันรู้สึกไม่ชอบแต่ก็ยอมทำ” <มีต่อ>
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้