ตอนแรกเราอยู่กัน2คนแม่ลูกที่คอนโดแห่งนึง ยังผ่อนไม่หมด มีรถเก๋งอีก 1 คัน
แม่บอกอยากให้รถเรามีที่จอดรถดีๆ ไม่ต้องวนหาที่จอดแบบนี้ แต่จะซื้อบ้านสักหลังคงไม่ไหว เพราะหนี้สินพันรอบตัวไปหมด
เราอายุ 18 ปี หาเงินได้หนึ่งแสนบาท เอามาให้แม่ปิดรถ แต่ไม่พอ แม่ออกเพิ่มอีกประมาณแปดหมื่น
หลังจากนั้นก็เริ่มวางแผนซื้อบ้าน... จนสำเร็จ....
เราขอให้แม่เลิกทำงานโรงงาน ให้เงินห้าหมื่นบาทเป็นขวัญถุง หลังจากนั้นก็ออกรถกระบะมือสอง ราคา 305,000บาท เงินสดของเรา100% ให้เป็นชื่อแม่ เผื่อเขาจะอยากขายผลไม้ หรือเสื้อผ้า เพราะแม่เราไม่ชอบอยู่บ้านเฉยๆ
เราซื้อคอนโดไว้ปล่อยเช่า อายุน้อยก็ผ่อนน้อย ปล่อยเช่าแล้ว มีส่วนต่างไว้เก็บด้วย
เราอายุได้ 19 ปี มีธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเอง เก็บเงินวางแผนทำห้องแถวเล็กๆ ในกลางเมือง ใกล้รพ. รร. ตลาด นั้นเป็นเงินของเรา100% เราก็ยกให้เป็นชื่อแม่ทั้งหมดเหมือนเดิม
หลังจากนั้น น้องหมาในหมู่บ้านมาแอบคลอดลูกในบ้านเรา เราสงสารเลยให้อยู่อาศัย ปรากฏว่าคนในหมู่บ้านรังเกียจ เรารีบหาบ้านในเด็กๆทั้ง9ตัว เหลือ3ตัวไม่มีใครเอา เราตัดสินใจเลี้ยงเอง โดยเอาแม่หมามาด้วย และหาซื้อที่ดินปลูกบ้านใหม่
สำเร็จ... ที่ดิน100ตร.วา บ้านชั้นเดียว ยกให้เป็นชื่อแม่เหมือนเดิม
บ้านเก่าก็ปล่อยเช่า แต่ปล่อยราคาต่ำกว่าเงินผ่อนเพราะแม่อายุเยอะเลยผ่อนเยอะ ตั้งใจว่าครบ 3 ปี จะรีไฟแนนซ์มาเป็นเชื่อเรา
ปกติที่บ้านมีน้องหมาพันธุ์เล็กอยู่แล้ว 3 ตัว พอมีหมาใหญ่เพิ่มมา 4 ตัว เป็น 7 ตัว พื้นที่100 ตร.วา ก็ดูเล็กลง เราเลยหาซื้อที่ดินเพิ่ม เอาไว้สำหรับเลี้ยงหมาบ้าน และให้แม่ได้ทำสวนผักเล็กๆ
สำเร็จ.... 50ตร.วา เงินของเรา100% ให้เป็นชื่อของแม่เหมืนเดิม แต่ยังไม่ได้สร้าง
มาถึงจุดเปลี่ยน......
ธุรกิจมีปัญหา คอนโดของเราก็โดนคนเช่าทำห้องเละ แม่แนะนำช่างให้ เขาเป็นแฟนใหม่แม่
เพื่อตัดปัญหาพ่อเลี้ยงลูกเลี้ยง แม่ออกเงินสร้างบ้านอีกหลังใช้ที่ดินของน้องหมา
ทุกอย่างแย่ลง เราเลิกทำธุรกิจไปทำงานออฟฟิศ
เราตัดสินใจขายคอนโดของเราทิ้ง กลัวปัญหาคนทำห้องเช่าพังอีก และเพื่อที่จะผ่อนคอนโดของแม่ต่อได้แบบไม่ขัดสน
คอนโดของแม่ก็ปล่อยเช่า แม่เป็นคนเก็บเงินค่าเช่า เราเป็นคนผ่อน
แฟนแม่ขับวิน ไม่ค่อยมีเงิน เเม่เลยชวนไปขายผลไม้ แต่รถกระบะพังบ่อย แม่อยากได้รถป้ายแดง
เราไม่มีตัง ไม่อยากให้ซื้อ กลัวผ่อนไม่ไหว แต่ไม่กล้าขัดใจ เลยบอกว่าถ้าจะซื้อ เราช่วยผ่อนไม่ได้นะ ต้องผ่อนเอง
แม่ขายรถคันเก่า ดาวน์คันใหม่ ผ่อนเดือนละ 9,000+
บ้านเช่า คนเช่าทำบ้านพังอีกแล้ว แฟนใหม่แม่เป็นคนซ่อม
เราบอกให้แม่ขายบ้าน เพื่อลดภาระ ยิ่งไม่มีคนเช่า ค่าใช้จ่ายยิ่งหนัก
แม่เสียดายตอนแรกจะไม่ขาย เราเอาบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้เขาดู เขายอมขาย ตอนนี้ยังขายไม่ได้
ทุกวันนี้ แม่กับแฟนใหม่ช่วยกันขายของผ่อนรถภาระของพวกเขาคือ ค่าน้ำ ค่าไฟ บ้านที่พวกเขาสร้าง ค่ารถ และค่ากิน
ภาระของเรา ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ตบ้าน ค่าเน็ตแม่ ค่าเน็ตของตัวเอง ของใช้ในบ้านทุกอย่าง เรื่องหมาเราออกค่าใช้จ่ายเองทุกอย่าง เอามาเลี้ยงแล้วทิ้งไม่ลง รบกวนให้เขาช่วยให้อาหาร จุดยากันยุง ให้เจ้าพวกที่สวน ส่วนที่บ้านเราทำเองหมด แม่กลับมานอนบ้านเราทุกวัน ช่วงเราหยุดงานถึงจะไปนอนสวน
เสื้อผ้าแฟนแม่เอากลับมาซักที่บ้าน งานบ้านช่วงวันหยุดเราทำเองทั้งหมด
ค่าบ้าน ค่าคอนโด เราใช้เงินห้องแถวจ่ายเท่ากับเงินเก็บเราลดลงเรื่อยๆ วันนึงขายบ้านได้ส่วนต่างถ้าเหลือ เรายกให้แม่ทั้งหมด
เราไม่ได้ให้เงินแม่เป็นรายเดือน แต่วันสำคัญเราให้เเม่ตลอด เราช่วยแม่ซ่อมบ้าน 10,000 บาท วันเกิดเขาเราให้ 3,000 บาท
ระยะเวลาที่ธุรกิจพังลง เราทำงานออฟฟิศแม่อายที่เราทำงานไม่มียศไม่มีตำแหน่ง แม่ไม่กล้าบอกญาติให้เราโกหก เราก็โกหก ว่าไม่ทำงาน
บ่อยครั้งที่เขาบอกว่าเราโง่ ชอบพูดว่าเขาต้องพึ่งพาตัวเองไม่มีใครช่วยเขาได้
ให้เราสำนึกบุญคุณแฟนใหม่ของแม่ เพราะเขาซ่อมบ้านให้เราถึง 2 ครั้ง ยังมาช่วยทำงานผ่อนรถอีก
วันนี้เขาพูดว่า คนรู้จักเขามีหนี้รายวันเยอะมากทั้งๆที่ลูกส่งเงินให้ใช้ ดูแม่สิลูกไม่ให้เงินใช้สักบาทแต่ไม่มีหนี้รายวันเลย นี่แม่ก็โกหกเขาว่าลูกให้เดือนละ 5,000 บาทนะ แต่ความจริงไม่เคยได้สักบาท ต้องพึ่งพาตัวเอง ดีแค่ไหนที่เรามีแม่แบบแม่
เราเสียใจมาก เราเสียใจมาตลอดกับคำพูดพวกนี้ ท้อแท้เหลือเกิน รู้สึกไร้ค่าไม่มีความสามารถขนาดนั้นเชียวหรือ ไม่มีข้อดีสักข้อให้พูดถึงเลยเหรอ เราพยายามตั้งใจส่งตัวเองเรียนจนจบป.ตรี โดยไม่ใช้เงินแม่แม้แต่บาทเดียว เราเคยรู้สึกภูมิใจกับมันมาก ตอนนี้แม้แต่กระดาษแผ่นนั้นแม่ก็เห็นเป็นแค่กระดาษธรรมดาไม่มีราคาอะไร
บางครั้งอยากหนีปัณหา แต่คงย้ายออกจากบ้านหลังนี้ไม่ได้ น้องหมาทุกตัวต้องการเรา แม่เขาเก่งสนคำพูดของเขาจริงๆ เขาอยู่ได้อยู่แล้วถึงไม่มีเรา แต่ถ้าเราหนีไปคงกลายเป็นทิ้งภาระน้องหมาไว้ให้แม่ เราทำแบบนั้นไม่ได้
เราแค่อยากระบาย อยากรู้สึกว่าแม่ภูมิใจในตัวเรา ทำไมถึงยังดีไม่พอสักทีนะ....
แม่ไม่เคยมองเห็นความดี หรือเราไม่ดีจริงๆ
แม่บอกอยากให้รถเรามีที่จอดรถดีๆ ไม่ต้องวนหาที่จอดแบบนี้ แต่จะซื้อบ้านสักหลังคงไม่ไหว เพราะหนี้สินพันรอบตัวไปหมด
เราอายุ 18 ปี หาเงินได้หนึ่งแสนบาท เอามาให้แม่ปิดรถ แต่ไม่พอ แม่ออกเพิ่มอีกประมาณแปดหมื่น
หลังจากนั้นก็เริ่มวางแผนซื้อบ้าน... จนสำเร็จ....
เราขอให้แม่เลิกทำงานโรงงาน ให้เงินห้าหมื่นบาทเป็นขวัญถุง หลังจากนั้นก็ออกรถกระบะมือสอง ราคา 305,000บาท เงินสดของเรา100% ให้เป็นชื่อแม่ เผื่อเขาจะอยากขายผลไม้ หรือเสื้อผ้า เพราะแม่เราไม่ชอบอยู่บ้านเฉยๆ
เราซื้อคอนโดไว้ปล่อยเช่า อายุน้อยก็ผ่อนน้อย ปล่อยเช่าแล้ว มีส่วนต่างไว้เก็บด้วย
เราอายุได้ 19 ปี มีธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเอง เก็บเงินวางแผนทำห้องแถวเล็กๆ ในกลางเมือง ใกล้รพ. รร. ตลาด นั้นเป็นเงินของเรา100% เราก็ยกให้เป็นชื่อแม่ทั้งหมดเหมือนเดิม
หลังจากนั้น น้องหมาในหมู่บ้านมาแอบคลอดลูกในบ้านเรา เราสงสารเลยให้อยู่อาศัย ปรากฏว่าคนในหมู่บ้านรังเกียจ เรารีบหาบ้านในเด็กๆทั้ง9ตัว เหลือ3ตัวไม่มีใครเอา เราตัดสินใจเลี้ยงเอง โดยเอาแม่หมามาด้วย และหาซื้อที่ดินปลูกบ้านใหม่
สำเร็จ... ที่ดิน100ตร.วา บ้านชั้นเดียว ยกให้เป็นชื่อแม่เหมือนเดิม
บ้านเก่าก็ปล่อยเช่า แต่ปล่อยราคาต่ำกว่าเงินผ่อนเพราะแม่อายุเยอะเลยผ่อนเยอะ ตั้งใจว่าครบ 3 ปี จะรีไฟแนนซ์มาเป็นเชื่อเรา
ปกติที่บ้านมีน้องหมาพันธุ์เล็กอยู่แล้ว 3 ตัว พอมีหมาใหญ่เพิ่มมา 4 ตัว เป็น 7 ตัว พื้นที่100 ตร.วา ก็ดูเล็กลง เราเลยหาซื้อที่ดินเพิ่ม เอาไว้สำหรับเลี้ยงหมาบ้าน และให้แม่ได้ทำสวนผักเล็กๆ
สำเร็จ.... 50ตร.วา เงินของเรา100% ให้เป็นชื่อของแม่เหมืนเดิม แต่ยังไม่ได้สร้าง
มาถึงจุดเปลี่ยน......
ธุรกิจมีปัญหา คอนโดของเราก็โดนคนเช่าทำห้องเละ แม่แนะนำช่างให้ เขาเป็นแฟนใหม่แม่
เพื่อตัดปัญหาพ่อเลี้ยงลูกเลี้ยง แม่ออกเงินสร้างบ้านอีกหลังใช้ที่ดินของน้องหมา
ทุกอย่างแย่ลง เราเลิกทำธุรกิจไปทำงานออฟฟิศ
เราตัดสินใจขายคอนโดของเราทิ้ง กลัวปัญหาคนทำห้องเช่าพังอีก และเพื่อที่จะผ่อนคอนโดของแม่ต่อได้แบบไม่ขัดสน
คอนโดของแม่ก็ปล่อยเช่า แม่เป็นคนเก็บเงินค่าเช่า เราเป็นคนผ่อน
แฟนแม่ขับวิน ไม่ค่อยมีเงิน เเม่เลยชวนไปขายผลไม้ แต่รถกระบะพังบ่อย แม่อยากได้รถป้ายแดง
เราไม่มีตัง ไม่อยากให้ซื้อ กลัวผ่อนไม่ไหว แต่ไม่กล้าขัดใจ เลยบอกว่าถ้าจะซื้อ เราช่วยผ่อนไม่ได้นะ ต้องผ่อนเอง
แม่ขายรถคันเก่า ดาวน์คันใหม่ ผ่อนเดือนละ 9,000+
บ้านเช่า คนเช่าทำบ้านพังอีกแล้ว แฟนใหม่แม่เป็นคนซ่อม
เราบอกให้แม่ขายบ้าน เพื่อลดภาระ ยิ่งไม่มีคนเช่า ค่าใช้จ่ายยิ่งหนัก
แม่เสียดายตอนแรกจะไม่ขาย เราเอาบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้เขาดู เขายอมขาย ตอนนี้ยังขายไม่ได้
ทุกวันนี้ แม่กับแฟนใหม่ช่วยกันขายของผ่อนรถภาระของพวกเขาคือ ค่าน้ำ ค่าไฟ บ้านที่พวกเขาสร้าง ค่ารถ และค่ากิน
ภาระของเรา ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ตบ้าน ค่าเน็ตแม่ ค่าเน็ตของตัวเอง ของใช้ในบ้านทุกอย่าง เรื่องหมาเราออกค่าใช้จ่ายเองทุกอย่าง เอามาเลี้ยงแล้วทิ้งไม่ลง รบกวนให้เขาช่วยให้อาหาร จุดยากันยุง ให้เจ้าพวกที่สวน ส่วนที่บ้านเราทำเองหมด แม่กลับมานอนบ้านเราทุกวัน ช่วงเราหยุดงานถึงจะไปนอนสวน
เสื้อผ้าแฟนแม่เอากลับมาซักที่บ้าน งานบ้านช่วงวันหยุดเราทำเองทั้งหมด
ค่าบ้าน ค่าคอนโด เราใช้เงินห้องแถวจ่ายเท่ากับเงินเก็บเราลดลงเรื่อยๆ วันนึงขายบ้านได้ส่วนต่างถ้าเหลือ เรายกให้แม่ทั้งหมด
เราไม่ได้ให้เงินแม่เป็นรายเดือน แต่วันสำคัญเราให้เเม่ตลอด เราช่วยแม่ซ่อมบ้าน 10,000 บาท วันเกิดเขาเราให้ 3,000 บาท
ระยะเวลาที่ธุรกิจพังลง เราทำงานออฟฟิศแม่อายที่เราทำงานไม่มียศไม่มีตำแหน่ง แม่ไม่กล้าบอกญาติให้เราโกหก เราก็โกหก ว่าไม่ทำงาน
บ่อยครั้งที่เขาบอกว่าเราโง่ ชอบพูดว่าเขาต้องพึ่งพาตัวเองไม่มีใครช่วยเขาได้
ให้เราสำนึกบุญคุณแฟนใหม่ของแม่ เพราะเขาซ่อมบ้านให้เราถึง 2 ครั้ง ยังมาช่วยทำงานผ่อนรถอีก
วันนี้เขาพูดว่า คนรู้จักเขามีหนี้รายวันเยอะมากทั้งๆที่ลูกส่งเงินให้ใช้ ดูแม่สิลูกไม่ให้เงินใช้สักบาทแต่ไม่มีหนี้รายวันเลย นี่แม่ก็โกหกเขาว่าลูกให้เดือนละ 5,000 บาทนะ แต่ความจริงไม่เคยได้สักบาท ต้องพึ่งพาตัวเอง ดีแค่ไหนที่เรามีแม่แบบแม่
เราเสียใจมาก เราเสียใจมาตลอดกับคำพูดพวกนี้ ท้อแท้เหลือเกิน รู้สึกไร้ค่าไม่มีความสามารถขนาดนั้นเชียวหรือ ไม่มีข้อดีสักข้อให้พูดถึงเลยเหรอ เราพยายามตั้งใจส่งตัวเองเรียนจนจบป.ตรี โดยไม่ใช้เงินแม่แม้แต่บาทเดียว เราเคยรู้สึกภูมิใจกับมันมาก ตอนนี้แม้แต่กระดาษแผ่นนั้นแม่ก็เห็นเป็นแค่กระดาษธรรมดาไม่มีราคาอะไร
บางครั้งอยากหนีปัณหา แต่คงย้ายออกจากบ้านหลังนี้ไม่ได้ น้องหมาทุกตัวต้องการเรา แม่เขาเก่งสนคำพูดของเขาจริงๆ เขาอยู่ได้อยู่แล้วถึงไม่มีเรา แต่ถ้าเราหนีไปคงกลายเป็นทิ้งภาระน้องหมาไว้ให้แม่ เราทำแบบนั้นไม่ได้
เราแค่อยากระบาย อยากรู้สึกว่าแม่ภูมิใจในตัวเรา ทำไมถึงยังดีไม่พอสักทีนะ....