ระบายหน่อยค่ะ รู้สึกเสียใจมาก เสียสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตไป เพราะความงี่เง่าของตัวเอง
เรื่องมีอยู่ว่า เรามีแฟนคนนึง เป็นผู้ชายที่ดีคนนึง ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน ทำงานบ้าน และทำอาหารเก่งมาก เป็นคนเก่งมาก ๆ หาเงินเก่ง ทำทุกอย่างเก่งไปหมด แต่แต่งตัวไม่เก่ง ทำบัญชีรายรับรายจ่าย วางแผนการเงินเสมอ ชอบสะสมโมเดลอุลตร้าแมน มดแดง ข้อเสียโดยส่วนตัวคิดว่า เขาเป็นคนไม่ขับรถ ขับไม่เป็น และไม่คิดจะขับเลย ชีวิตมีแต่มอไซค์ กับ บิ๊กไบค์
ซึ่งก่อนคบเราก็รู้สึกแปลก ๆ ที่ทำไมถึงมีมอไซค์ถึง 4 คัน แต่ไม่มีรถยนต์เลย แล้วมอไซค์แต่ละคันไม่ใช่รถแม่บ้านถูก ๆ แต่ราคาหลักแสนขึ้นทั้งนั้น ขนาดรถจ่ายตลาดของเขา เป็นเวสป้าราคาแสนกว่า และมอไซค์แพงสุดเกือบล้าน แต่ไม่ยอมซื้อรถยนต์ ตอนหลังเค้าบอก มอไซค์มันคนละสไตล์ ไว้ขี่ในแต่ละสถาณการณ์ ส่วนรถยนต์เขาไม่ชอบ ส่วนเราขับรถเป็นอยู่แล้ว มีใบขับขี่ แล้วก็มีรถยนต์อยู่แล้ว เป็นรถเก่าของแม่ อัลติส ปี 2008 เก่า ๆ เวลาไปไหนด้วยกันที่ต้องใช้รถยนต์ เขาจะเป็นคนนั่ง เราขับ ซึ่งเขาไม่ชอบแอร์รถยนต์ ชอบเปิดกระจกรถ เราก็จะเปิดกระจกให้เขา ยกเว้นวันที่ฝนตก จะเปิดไม่ได้ เขาจะเงียบกว่าปกติ เขาบอกเขาเมารถ
เขาชอบขี่มอไซค์ไปกางเต็นท์มาก ๆ ก่อนมาคบกับเรา เดือนนึงคือไปอย่างต่ำ 2-3 ครั้ง (คือเกือบทุกอาทิตย์) ไปที ขั้นต่ำคือ 200 โลขึ้น ซึ่งเราก็เป็นห่วงเพราะมันอันตราย แต่เขาเป็นคนขับรถไม่เร็ว เพราะเค้าชอบนึกจะจอดถ่ายรูปวิวก็จอดเลย ขับเร็วจะจอดไม่ทัน เยอะสุดเคยลางานไปกางเต็นท์อาทิตย์นึง ขี่มอไซค์ไป 2 พันกว่าโล ช่วงหลัง ๆ คือเริ่มลามไปลงสนามแข่งรถที่ค่ายรถจัด และในสนามขี่กันเร็วมาก ๆ
จนเรามีแผนจะแต่งงานกัน สร้างครอบครัวจริงจังหลังจากย้ายมาอยู่ด้วยกันแรมปี แล้วเราก็บอกเค้าว่า น่าจะมีรถยนต์คันใหญ่ไว้สักคันเป็นรถครอบครัวประจำบ้าน และอยากให้ลดการขี่มอไซค์ลง ซึ่งใจจริงเราอยากให้เลิกขี่เลย เพราะที่ผ่านมารอบ ๆ ตัวเค้าเสียชีวิตจากมอไซค์กันหลายคน เขาก็รับฟังไม่พูดอะไร จนเราคอยไซโคเขาทุกวัน ผ่านไปสองเดือน เขาน่าจะรำคาญ จู่ ๆ ก็ขายมอไซค์ทุกคันในบ้านไปซื้อรถยนต์ แล้วก็ไปลงเรียนขับรถ ทำใบขับขี่จากโรงเรียนสอนขับรถ
ตั้งแต่ที่มีรถยนต์ เขาเหมือนเปลี่ยนไปคนละคน กลายเป็นคนเงียบ ๆ ขรึม ๆ ไม่ค่อยคุยหยอกเล่นเหมือนสมัยก่อน กลายเป็นคนติดบ้าน เลิกงานกลับบ้าน ไม่ชวนเราไปกินข้าวที่ไหนหรือไปเที่ยวที่ไหนเลย จากเมื่อก่อนจะคอยหาร้านมาชวนเราไปกิน โซเชียลก็ไม่โพสต์อะไรปล่อยร้าง ไม่แท็กเรา ไม่กดไลค์ ซึ่งเมื่อก่อนเขาจะคอยแท็กตามโพสต์ต่าง ๆ กดไลค์เราตลอด ส่วนเขาจะลงแค่รูปอุลตร้าแมน กับ มอไซค์
แต่เขามาติดยูทูปหนักมาก คือเลิกงานเพื่อจะมาเปิดดูยูทูปที่บ้าน วันหยุดก็อยากจะดูยูทูปอยู่ที่บ้าน ซึ่งช่องที่เขาดูจะเป็น ขี่มอไซค์ไปกางเต็นท์ทั้งหมด ทั้งไทยและต่างประเทศ จนเรารู้สึกเหมือนเขากดดันเรา เราเลยขอให้เขาเลิกดูเฉพาะตอนเราอยู่ ดูอย่างอื่นได้ เราบอกเขาว่ายิ่งดูพวกนี้ จิตใจเขาจะยิ่งยึดติด เขาก็ไม่มีความสุขเพราะใจยังโหยหา เราก็พลอยเครียดไปด้วย ทำให้บรรยากาศในบ้านอึดอัด เราอยากรักษาครอบครัวไว้ เลยขอให้เขาเลิกดูทุกอย่างเกี่ยวกับมอไซค์ เขาก็บอกว่าอืม สั้น ๆ ตอนนั้นเราคิดว่าเขารับปากแล้ว ถึงจะตอบส่ง ๆ ก็ตาม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะเสียใจไปตลอดชีวิต
จนช่วงหลัง เขาเริ่มกลับบ้านช้า วันหยุดก็ออกจากบ้านหายไปทั้งวัน แต่เขาจะบอกตลอดว่าไปไหนกับใคร ซึ่งเราสังเกตพฤติกรรมดูแล้วเห็นว่าเขาดูมีความสุขขึ้นไม่อมทุกข์เหมือนเมื่อก่อน เราคิดว่าเขานอกใจไปมีคนอื่น วันหยุดตอนเขาออกจากบ้านเราเลยแอบตามเขาไป
ปรากฏว่าเขาไม่ได้นอกใจ แต่ไปศูนย์รถมอไซค์ เนื่องด้วยเมื่อก่อนเขาเคยขี่ เลยรู้จักคนในศูนย์เป็นอย่างดี ซึ่งพนักงานในศูนย์ก็เป็นน้องในกลุ่มของเขาอีกที เราเลยถามน้องเขา น้องพนักงานก็บอกว่า เขามาเกือบทุกวัน บางวันก็ไปสนามแข่งรถที่นครปฐม เช่ารถจากเพื่อนของเขาในกลุ่มอีกทีมาลงสนาม แล้วรู้มาอีกว่าเขาวางแผนจะกลับมาขี่รถจากปากของน้องพนักงาน
เรารู้สึกเสียใจมากที่เขาโกหก เพราะเคยคุยกันว่ามีอะไรให้บอกกันตรง ๆ เราเลยไปคุยกับเขาเชิงตำหนิ ว่าทำไมถึงโกหกกัน เราเกลียดคนโกหกที่สุด แล้วต่อไปนี้เราจะเชื่อใจเขาได้ยังไง เขาไม่ตอบอะไรเราเลย นั่งฟังเงียบ ๆ จนสุดท้ายเขาขอเลิกกับเรา เราตกใจมาก ไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้ เราบอกให้เขาทบทวนให้แน่ใจก่อนจะพูดอะไรออกมา เขายืนยันว่าจะเลิก แล้วอยากให้ย้ายออกจากบ้านไปทันที
เขาไปเปิดเช่าคอนโดแล้วจ่ายค่าเช่าให้เรา 6 เดือน จ้างคนมาขนเฟอร์นิเจอร์ที่ซื้อมาหลังจากเราย้ายไปบ้านเขาทั้งหมด และให้เงินที่เก็บมาเป็นกองกลางกับเงินที่จะแต่งงานทั้งหมดให้เรา เขาไม่เอาอะไรเลยสักบาท เขาบอกเราจะได้เริ่มตั้งตัวใหม่ได้ แต่เราไม่ได้อยากได้เงิน เราอยากได้ครอบครัวเรากลับมา แต่ทำยังไงเขาก็ไม่ยอม
หลังจากเราย้ายมาคอนโดที่เขาเช่าให้ เขาก็ขายรถยนต์ที่เพิ่งซื้อมาทิ้ง แล้วกลับไปซื้อมอไซค์มาขี่เหมือนเดิม แล้วไปเที่ยวกางเต็นท์เหมือนเดิม เขากลับมาโพสต์เฟสบุ๊คอีกครั้ง ส่วนเรานอนร้องไห้คนเดียวที่ห้อง กินไม่ได้นอนไม่หลับ การทำงานก็แย่ลง เราเสียใจมากกับทุกอย่างที่เราไปกดดันเขา แม้เราจะทำเพราะความเป็นห่วง และหวังดีต่อครอบครัวเราก็ตาม ซึ่งเขาก็ไม่ได้หายไปจากชีวิตเราทันที ช่วงแรก ๆ ยังซื้อของกินมาให้เราทุกวัน เราพยายามง้อ แต่เขาไม่พูดอะไรบอกแค่เอาของกินมาให้เฉย ๆ
เรารู้สึกเสียใจมากที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เราไม่อยากเลิกกับเขา เราพยายามง้อเขาสุดชีวิต บอกว่าจะซื้อมอไซค์ก็ได้ ขอแค่อย่าเลิกกับเรา พยายามไปคุยกับพ่อแม่เขาให้ช่วยหน่อย แต่เขาหนักแน่นมากว่าจะเลิก แล้วบอกว่าเราเป็นเพื่อนกันดีกว่า เราเสียใจจนไม่รู้จะทำยังไง เลยมาระบายความเลวของตัวเองลงพันทิป เพราะเมื่อก่อนเขาจะมาตั้งกระทู้พันทิปเวลาเขาไปเที่ยวที่ไหนมาเสมอ อยากให้เขามาอ่าน ว่าเราขอโทษจริง ๆ เราเป็นคนผิดเองทั้งหมด ผิดที่ไปกดดันให้เขาเลิกในสิ่งที่เขารัก ไปบังคับในสิ่งที่เขาไม่อยากทำ เราผิดเองทุกอย่าง และเราเสียใจมาก ๆ ขอโทษด้วยจริง ๆ
ขอให้เธอเจอคนที่เหมาะกับเธอนะ
ระบาย ความงี่เง่าของตัวเองทำให้เสียคนรักที่ดีที่สุดไป
เรื่องมีอยู่ว่า เรามีแฟนคนนึง เป็นผู้ชายที่ดีคนนึง ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน ทำงานบ้าน และทำอาหารเก่งมาก เป็นคนเก่งมาก ๆ หาเงินเก่ง ทำทุกอย่างเก่งไปหมด แต่แต่งตัวไม่เก่ง ทำบัญชีรายรับรายจ่าย วางแผนการเงินเสมอ ชอบสะสมโมเดลอุลตร้าแมน มดแดง ข้อเสียโดยส่วนตัวคิดว่า เขาเป็นคนไม่ขับรถ ขับไม่เป็น และไม่คิดจะขับเลย ชีวิตมีแต่มอไซค์ กับ บิ๊กไบค์
ซึ่งก่อนคบเราก็รู้สึกแปลก ๆ ที่ทำไมถึงมีมอไซค์ถึง 4 คัน แต่ไม่มีรถยนต์เลย แล้วมอไซค์แต่ละคันไม่ใช่รถแม่บ้านถูก ๆ แต่ราคาหลักแสนขึ้นทั้งนั้น ขนาดรถจ่ายตลาดของเขา เป็นเวสป้าราคาแสนกว่า และมอไซค์แพงสุดเกือบล้าน แต่ไม่ยอมซื้อรถยนต์ ตอนหลังเค้าบอก มอไซค์มันคนละสไตล์ ไว้ขี่ในแต่ละสถาณการณ์ ส่วนรถยนต์เขาไม่ชอบ ส่วนเราขับรถเป็นอยู่แล้ว มีใบขับขี่ แล้วก็มีรถยนต์อยู่แล้ว เป็นรถเก่าของแม่ อัลติส ปี 2008 เก่า ๆ เวลาไปไหนด้วยกันที่ต้องใช้รถยนต์ เขาจะเป็นคนนั่ง เราขับ ซึ่งเขาไม่ชอบแอร์รถยนต์ ชอบเปิดกระจกรถ เราก็จะเปิดกระจกให้เขา ยกเว้นวันที่ฝนตก จะเปิดไม่ได้ เขาจะเงียบกว่าปกติ เขาบอกเขาเมารถ
เขาชอบขี่มอไซค์ไปกางเต็นท์มาก ๆ ก่อนมาคบกับเรา เดือนนึงคือไปอย่างต่ำ 2-3 ครั้ง (คือเกือบทุกอาทิตย์) ไปที ขั้นต่ำคือ 200 โลขึ้น ซึ่งเราก็เป็นห่วงเพราะมันอันตราย แต่เขาเป็นคนขับรถไม่เร็ว เพราะเค้าชอบนึกจะจอดถ่ายรูปวิวก็จอดเลย ขับเร็วจะจอดไม่ทัน เยอะสุดเคยลางานไปกางเต็นท์อาทิตย์นึง ขี่มอไซค์ไป 2 พันกว่าโล ช่วงหลัง ๆ คือเริ่มลามไปลงสนามแข่งรถที่ค่ายรถจัด และในสนามขี่กันเร็วมาก ๆ
จนเรามีแผนจะแต่งงานกัน สร้างครอบครัวจริงจังหลังจากย้ายมาอยู่ด้วยกันแรมปี แล้วเราก็บอกเค้าว่า น่าจะมีรถยนต์คันใหญ่ไว้สักคันเป็นรถครอบครัวประจำบ้าน และอยากให้ลดการขี่มอไซค์ลง ซึ่งใจจริงเราอยากให้เลิกขี่เลย เพราะที่ผ่านมารอบ ๆ ตัวเค้าเสียชีวิตจากมอไซค์กันหลายคน เขาก็รับฟังไม่พูดอะไร จนเราคอยไซโคเขาทุกวัน ผ่านไปสองเดือน เขาน่าจะรำคาญ จู่ ๆ ก็ขายมอไซค์ทุกคันในบ้านไปซื้อรถยนต์ แล้วก็ไปลงเรียนขับรถ ทำใบขับขี่จากโรงเรียนสอนขับรถ
ตั้งแต่ที่มีรถยนต์ เขาเหมือนเปลี่ยนไปคนละคน กลายเป็นคนเงียบ ๆ ขรึม ๆ ไม่ค่อยคุยหยอกเล่นเหมือนสมัยก่อน กลายเป็นคนติดบ้าน เลิกงานกลับบ้าน ไม่ชวนเราไปกินข้าวที่ไหนหรือไปเที่ยวที่ไหนเลย จากเมื่อก่อนจะคอยหาร้านมาชวนเราไปกิน โซเชียลก็ไม่โพสต์อะไรปล่อยร้าง ไม่แท็กเรา ไม่กดไลค์ ซึ่งเมื่อก่อนเขาจะคอยแท็กตามโพสต์ต่าง ๆ กดไลค์เราตลอด ส่วนเขาจะลงแค่รูปอุลตร้าแมน กับ มอไซค์
แต่เขามาติดยูทูปหนักมาก คือเลิกงานเพื่อจะมาเปิดดูยูทูปที่บ้าน วันหยุดก็อยากจะดูยูทูปอยู่ที่บ้าน ซึ่งช่องที่เขาดูจะเป็น ขี่มอไซค์ไปกางเต็นท์ทั้งหมด ทั้งไทยและต่างประเทศ จนเรารู้สึกเหมือนเขากดดันเรา เราเลยขอให้เขาเลิกดูเฉพาะตอนเราอยู่ ดูอย่างอื่นได้ เราบอกเขาว่ายิ่งดูพวกนี้ จิตใจเขาจะยิ่งยึดติด เขาก็ไม่มีความสุขเพราะใจยังโหยหา เราก็พลอยเครียดไปด้วย ทำให้บรรยากาศในบ้านอึดอัด เราอยากรักษาครอบครัวไว้ เลยขอให้เขาเลิกดูทุกอย่างเกี่ยวกับมอไซค์ เขาก็บอกว่าอืม สั้น ๆ ตอนนั้นเราคิดว่าเขารับปากแล้ว ถึงจะตอบส่ง ๆ ก็ตาม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะเสียใจไปตลอดชีวิต
จนช่วงหลัง เขาเริ่มกลับบ้านช้า วันหยุดก็ออกจากบ้านหายไปทั้งวัน แต่เขาจะบอกตลอดว่าไปไหนกับใคร ซึ่งเราสังเกตพฤติกรรมดูแล้วเห็นว่าเขาดูมีความสุขขึ้นไม่อมทุกข์เหมือนเมื่อก่อน เราคิดว่าเขานอกใจไปมีคนอื่น วันหยุดตอนเขาออกจากบ้านเราเลยแอบตามเขาไป
ปรากฏว่าเขาไม่ได้นอกใจ แต่ไปศูนย์รถมอไซค์ เนื่องด้วยเมื่อก่อนเขาเคยขี่ เลยรู้จักคนในศูนย์เป็นอย่างดี ซึ่งพนักงานในศูนย์ก็เป็นน้องในกลุ่มของเขาอีกที เราเลยถามน้องเขา น้องพนักงานก็บอกว่า เขามาเกือบทุกวัน บางวันก็ไปสนามแข่งรถที่นครปฐม เช่ารถจากเพื่อนของเขาในกลุ่มอีกทีมาลงสนาม แล้วรู้มาอีกว่าเขาวางแผนจะกลับมาขี่รถจากปากของน้องพนักงาน
เรารู้สึกเสียใจมากที่เขาโกหก เพราะเคยคุยกันว่ามีอะไรให้บอกกันตรง ๆ เราเลยไปคุยกับเขาเชิงตำหนิ ว่าทำไมถึงโกหกกัน เราเกลียดคนโกหกที่สุด แล้วต่อไปนี้เราจะเชื่อใจเขาได้ยังไง เขาไม่ตอบอะไรเราเลย นั่งฟังเงียบ ๆ จนสุดท้ายเขาขอเลิกกับเรา เราตกใจมาก ไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้ เราบอกให้เขาทบทวนให้แน่ใจก่อนจะพูดอะไรออกมา เขายืนยันว่าจะเลิก แล้วอยากให้ย้ายออกจากบ้านไปทันที
เขาไปเปิดเช่าคอนโดแล้วจ่ายค่าเช่าให้เรา 6 เดือน จ้างคนมาขนเฟอร์นิเจอร์ที่ซื้อมาหลังจากเราย้ายไปบ้านเขาทั้งหมด และให้เงินที่เก็บมาเป็นกองกลางกับเงินที่จะแต่งงานทั้งหมดให้เรา เขาไม่เอาอะไรเลยสักบาท เขาบอกเราจะได้เริ่มตั้งตัวใหม่ได้ แต่เราไม่ได้อยากได้เงิน เราอยากได้ครอบครัวเรากลับมา แต่ทำยังไงเขาก็ไม่ยอม
หลังจากเราย้ายมาคอนโดที่เขาเช่าให้ เขาก็ขายรถยนต์ที่เพิ่งซื้อมาทิ้ง แล้วกลับไปซื้อมอไซค์มาขี่เหมือนเดิม แล้วไปเที่ยวกางเต็นท์เหมือนเดิม เขากลับมาโพสต์เฟสบุ๊คอีกครั้ง ส่วนเรานอนร้องไห้คนเดียวที่ห้อง กินไม่ได้นอนไม่หลับ การทำงานก็แย่ลง เราเสียใจมากกับทุกอย่างที่เราไปกดดันเขา แม้เราจะทำเพราะความเป็นห่วง และหวังดีต่อครอบครัวเราก็ตาม ซึ่งเขาก็ไม่ได้หายไปจากชีวิตเราทันที ช่วงแรก ๆ ยังซื้อของกินมาให้เราทุกวัน เราพยายามง้อ แต่เขาไม่พูดอะไรบอกแค่เอาของกินมาให้เฉย ๆ
เรารู้สึกเสียใจมากที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เราไม่อยากเลิกกับเขา เราพยายามง้อเขาสุดชีวิต บอกว่าจะซื้อมอไซค์ก็ได้ ขอแค่อย่าเลิกกับเรา พยายามไปคุยกับพ่อแม่เขาให้ช่วยหน่อย แต่เขาหนักแน่นมากว่าจะเลิก แล้วบอกว่าเราเป็นเพื่อนกันดีกว่า เราเสียใจจนไม่รู้จะทำยังไง เลยมาระบายความเลวของตัวเองลงพันทิป เพราะเมื่อก่อนเขาจะมาตั้งกระทู้พันทิปเวลาเขาไปเที่ยวที่ไหนมาเสมอ อยากให้เขามาอ่าน ว่าเราขอโทษจริง ๆ เราเป็นคนผิดเองทั้งหมด ผิดที่ไปกดดันให้เขาเลิกในสิ่งที่เขารัก ไปบังคับในสิ่งที่เขาไม่อยากทำ เราผิดเองทุกอย่าง และเราเสียใจมาก ๆ ขอโทษด้วยจริง ๆ
ขอให้เธอเจอคนที่เหมาะกับเธอนะ