กระทู้ไตรภาคความรัก 1/3 เลือกแฟนอย่างไร ? เอางี้ ทำยังไงให้หาแฟนได้ก่อนดีกว่า ?

ห้าโมงเย็นแล้ว พักงานมาแป๊บนึง เริ่มเขียนอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ผ่อนคลายก่อนดีกว่า
พาพันแอบดู

นี่คงเป็นนิสัยของคนเริ่มมีอายุ เขียนอะไรสั้น ๆ ไม่ค่อยเป็น ชอบเขียนยืดยาว เลยตัดกระทู้เป็นไตรภาคดีกว่า  เขียนทีละนิด ทีละนิดไปพอมีอะไรมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันสนุก ๆ 

มีกระทู้มากมายที่มักจะถามในประเด็นเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ว่า 
“ทำยังไงถึงจะมีแฟน”
“หาแฟนจากไหน”
“เล่น tinder ดีไหม ?”

แล้วบางทีประเด็นพวกนี้ มันจะแตกยิบย่อยเป็นประเภท แนวบ่น
เช่น
“อายุปีนี้ 30 แล้ว ชาตินี้ไม่เคยมีแฟนเลย ทำไงดี ?”
“เราเป็นแบบนี้ ... นี้ ... นี้ แปลกไหม ? ไม่เคยมีแฟน”
“เราเป็นคนระดับต่ำ ถึงจะมีเงิน หาเงินได้มากกว่าคนนั้น แต่กลับไม่เคยจีบใครได้เลย”

เม่าเศร้า

นี่ก็เลยจะขอประมวลสิ่งที่เคยเจอ เคยเห็น เคยได้ยินมาเล่ารวม ๆ กันแล้วกันค่ะว่า ควรจะเลือกแฟนกันอย่างไรดี ? และทำยังไงให้หาแฟนได้

1.ง่าย ๆ ก่อนอื่นเลยนะ  จะหาแฟนให้ได้ คุณต้องสวย ต้องหล่อ ต้องน่ามอง หรือมีเสน่ห์บางอย่าง

เม่าบัลเล่ต์

  เชื่อไหมว่า พอแนะนำแบบนี้ รับรองเลยว่า ดิฉันจะได้ฟีดแบคมา 2 อย่าง
เพี้ยนขำหนักมาก
อย่างแรกเลยคือ คนส่วนใหญ่ต้องบอกเลยว่า “ความเห็นกลวง ๆ “

อย่างที่สอง คนที่รู้จักดิฉันตัวจริง จะต้องเอามือทาบอก มองบน ทำปากบึ๋น ๆ แล้วบอกว่า 
“หน้าอย่างเธอนี่ ... เอากำลังใจที่ไหนมาพูดคำนี้จ๊ะ มั่นหน้าไปไหม ?”

555

เฉลยไว้ตรงนี้เลยว่า เราไม่ใช่คนสวยนะคะ คนที่เคยสนิทด้วยยังเคยพูดเหมือนจะทวงบุญคุณบ่อย ๆ ว่า 
“อย่างเธอนี่ไม่สวย ... แต่เราก็ยังคบ”
“จ่ะ”
เม่าเป็นลม

เราเคยเขียนกระทู้เรื่องที่ว่าด้วยความสวย ความไม่สวยมานานแล้ว ขอยกมาแปะไว้อีกที เขียนไว้ละเอียดละออมาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

  มูลเหตุที่ทำให้ดิฉันพูดแบบนี้ ก็เพราะอาทิตย์ที่แล้วไปเจอหน้า feed ของรุ่นน้องคนหนึ่ง  
หล่อ รวย นักเรียนนอกจบอังกฤษมอดัง น้องทั้งดูดี รวย อยู่คอนโดสวยหรู เฟอร์ครบ 
เป็นคนต้น ๆ ในลิสต์ประเภทต้องได้การ์ดเชิญเขียนด้วยลายมือจากแบรนด์เนม top top ทั้งหลาย

เม่าชอปปิ้ง

  คือ น้องเป็นคนนิสัยดีมากนะคะ แต่ปากจัด และบางครั้งก็ตรงเว่อร์ และฟีดนี้ คาดว่ามาจากประเทศที่น่าจะพูดอะไร practical แนว ๆ พวกจีนมาเลย์แน่ ๆ 
ฟีดน้องขึ้นมาทำนองว่า (ขอแปลแบบ paraphrase ละกัน เดี๋ยวลอกมาตรง ๆ แล้วน้องมาอ่านเจอ พี่จะโป๊ะเอา)

เม่าดี๊ด๊า

  “โอ๊ย...ถ้าขี้เหร่ ... ก็แค่ยอมรับว่าขี้เหร่ ไม่ต้องมาทำเป็นพูดไปทั่วหรอกว่า ให้มองที่ความงามข้างใน  ผู้ชายจะเที่ยวเดินไปทั่วแล้วมีตา x ray มองทะลุไปเห็นความงามภายในพวกเธอได้ยังไง ฮึ ?”

  นี่อ่านแล้วขำเลย  ขำทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็น่าจะเป็นหนึ่งในคนที่ถูกมองว่าขี้เหร่นั่นแหละ

เพี้ยนหัวเราะ

  ประเด็นสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่การมองฉาบฉวย หรือดูแค่เปลือกอะไรทั้งนั้น ก็ถ้าเพิ่งเจอกันครั้งแรกจากบรรดาคนเป็นร้อยเป็นพันที่เดินผ่านกันอ่ะ ... ถ้าไม่มีอะไรดึงดูดสักนิดเลย  มันยากนะตัวเธอ

  เพราะงั้น อย่ารังเกียจเลยค่ะกับการปรับลุคบ้าง แต่งตัวสดใสบ้าง โกนหนวดบ้าง (ถ้าคุณไว้หนวด แล้วดูทรงโจรจนน่ากลัวอ่ะนะคะ)

  แล้วควรเลิกอย่างยิ่งกับทัศนคติที่ว่า “คนสมัยนี้ มันตื้นเขิน มองกันแค่ภายนอก”
  ใจเย็นค่ะน้อง ... ก็ถ้าคนมันไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ใครจะมีตา x ray ไปถึงความงามภายในคุณล่ะคะ ?

  นี่บอกอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า เป็นคำแนะนำจากคนที่ (มักจะถูกมองว่า) ไม่สวย คนที่ไม่แต่งหน้า และคนที่สามีเคยซื้อผงพิเศษตราร่มชูชีพมาฝากเพราะตอนเป็นแฟนกันแล้วดิฉันเป็นสิวค่ะ 

  คือ บางที การปรับลุคเล็ก ๆ น้อย ๆ มันจะช่วยเพิ่มความ “น่ารู้จัก” ของตัวคุณขึ้นมาได้นะคะ  

  ถ้าคุณสายแต่งตัว ก็แต่งให้สวย ให้ดูดี  แต่ถ้าคุณไม่ใช่สายแต่งตัว (แบบดิฉัน) อย่างน้อยก็ควรยิ้มแย้มแจ่มใส มีท่าทีเป็นมิตร พูดจาน่าฟัง เพื่อดึงดูด prospect เข้ามาก่อน ถ้าคุณเพิ่มโอกาสตรงนี้ได้ คุณก็มีตัวเลือกมากขึ้น 

  การมีตัวเลือกไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ตราบใดที่คุณซื่อสัตย์กับตนเองและอีกฝ่าย
มันไม่ใช่ว่าคุณต้องจมปลักกับผู้ชายที่มีนิสัยที่คุณไม่ชอบหลายอย่าง เพียงเพราะเขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่เข้ามาจีบคุณ 

  แล้ว introvert ทำไงอ่ะ ? แถม...เป็น introvert ที่ไม่ชอบแต่งตัว ไม่ยิ้ม ไม่คุยกับใครก่อนด้วย แต่ introvert ก็เหงาเป็นและอยากมีแฟนนะ ?

  ถ้างั้น คุณต้องโชว์ของแล้วค่ะ เล่นกีฬาเป็น ก็ไปเล่นซะหน่อย กระโดดชู้ทบาสแบบ 3 แต้ม วอลเล่ย์กลางอากาศเข้าโกลแบบหล่อ ๆ หรือ  เล่นดนตรีเป็นก็ไปซะหน่อย มีงานอดิเรกอะไรก็ไปเข้ากลุ่มบ้าง  สร้างแรงดึงดูดเล็กๆน้อย ๆ ที่มันดูสร้างสรรค์

  พาพันปั่นจักรยาน

2.จากคนรู้จักที่เคยยิ้มให้กัน ทักทายกันเล็กน้อยก่อน มันถึงค่อย ๆ จะก้าวข้ามมาที่ขั้นตอนที่ 2 อย่างปลอดภัย
  หลายคนมักเริ่มสงสัยว่า 

“เฮ้ย...ผมรวยกว่าหมอนี่ตั้งเยอะ ทำไมจีบหญิงไม่เคยติดเลยสักคน คนนี้ก็แค่หล่อ หนี้ท่วมหัว หมุนเงินก็ไม่ทัน แต่ผมนี่สิ หาเงินได้เน็ต ๆ เดือนละ 6 หลัก แต่เพราะหน้าตาไม่ดีใช่ไหม เลยแพ้ตั้งแต่ต้น”

เม่าเซย์โน

หยุดค่ะ...

ต้องบอกก่อนว่า ถ้าเริ่มต้นด้วยทัศนคติอย่างนี้ มันคงยากที่คุณจะหาแฟนที่ดีและดำรงสัมพันธภาพที่ดีเอาไว้ได้

คือ ถ้ากระเหี้ยนกระหือในการโชว์เสน่ห์ที่เงินในกระเป๋ามากนัก เชิญที่ค็อกเทลเลาจน์ ผับ หรือ อะไรก็ตามที่คุณสามารถหว่านซื้อ drink เพื่อสร้างความประทับใจให้น้อง ๆ ดีกว่าค่ะ 

น้องมาหาตังค์ คุณช่วยกระจายรายได้ ... ถูกฝาถูกตัวค่ะ

ดิฉันไม่ปฏิเสธว่า ความสัมพันธ์ที่จะพัฒนาต่อไปจนถึงการสร้างครอบครัวมันต้องอาศัยเงิน ... แต่ก็อย่ารีบเหมารวมไปว่า ทุกคนจะมัวแต่จ้องที่เงินของคุณอย่างเดียวจนไม่ได้พิจารณานิสัย ความเข้ากันได้ และเป้าหมายชีวิตเลย

การพิจารณาที่ ความน่ามองทางกายภาพ และบุคลิกภาพ ไม่ใช่เรื่องของความกลวง ไม่ใช่เรื่องความฉาบฉวย  และอย่ารีบสรุปไปก่อนว่า เราต้องมีเบ้าหน้า หรือหุ่นที่เป๊ะปังเว่อร์วังถึงจะสามารถดึงดูดได้  

ต่างคนก็ต่างรสนิยม มันก็ต้องมีคนที่ชอบทรงหมี ทรงเนิร์ด ทรงตัวเล็กตัวใหญ่ต่างกันไปบ้าง 

แต่เบสิคที่ควรจะมีจะเป็นคือ ความสะอาด และการสบตาเวลาพูดคุยบ้างรึเปล่าคะ ?

3.เล่น tinder ดีไหม ?

  ดิฉันไม่เคยเล่นนะคะ เลยไม่ค่อยเข้าใจหลักการปัดซ้ายปัดขวาอะไรเท่าไร  แต่เพื่อนดิฉันในวัยกลาง 40 ก็ยังได้สามีโพรไฟล์ดี และนิสัยดีมาจาก tinder คือ match ปุ๊บ คบแล้วโอเค ก็ลบ app ประมาณนั้น 

  แม้ว่า ตอนแรกเพื่อนดิฉันจะบอกกลั้วหัวเราะว่า 

  “แก...เปิด tinder มา    เจอแต่ปั๋วเพื่อน”

แต่ไม่ใช่ว่า เพื่อนดิฉันจะได้คนดีตั้งแต่ปัดแรกนะคะ  ต้องปัดทิ้งเยอะเหมือนกัน โดยเฉพาะถ้าเริ่มรู้สึกว่า หมอนี่ เหมือนแอบแฟน แอบเมียมาคุยด้วย

คือ ต้องบอกว่า พวก platform หรือบริการ matching อะไรต่าง ๆ นี่มันเหมือนแค่บานหน้าต่างใหม่ ๆ บานประตูใหม่ ๆ ที่จะเปิดคุณไปสู่วงสังคมใหม่ ๆ เท่านั้นเอง มันมีความเสี่ยง มันมีความตื่นเต้น ความลุ้น เช่นเดียวกับช่องทางอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน  

ถ้าอยากลองหาสังคมหรือคนรู้จักใหม่ ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเอง แนะนำว่า ไปลงเรียนคอร์ส การสัมมนา หรือหัวข้อใหม่ ๆ ที่น่าสนใจดีกว่า นอกจากจะได้เจอคนที่ความสนใจคล้ายกันแล้ว  ต่อให้คุณไม่เจอแฟน  คุณก็ได้ความรู้มาอยู่ดี หรือบางทีก็ได้เพื่อนที่ดี ๆ มาขยายความรู้คุณให้กว้างไกลขึ้น
ขี้เกียจเรียนก็ไปทัวร์ก็ได้ค่ะ ประมาณทัวร์เดินรอบเมืองที่จัดกันเต็มไปหมด

4.หมดจาก step 3 แล้วก็มาถึงการ take ความเสี่ยง และการทำความรู้จักกันจริง ๆ 

  แม้ว่า การ online จะทำให้เราได้รู้จัก พูดคุยกับคนอีกจังหวัด อีกภาค อีกประเทศ อีกทวีปกันได้ง่ายขึ้น  ขอเตือนจากใจว่า อย่าตกลงเป็นแฟนกับใครทาง online จนกว่าจะได้พบเจอกันจริง ๆ มองเข้าไปในลูกตาของอีกฝ่าย กินข้าวด้วยกัน ใช้เวลาด้วยกัน ได้เห็นตอนอีกฝ่ายปฏิบัติกับผู้อื่น ได้เห็นตอนอีกฝ่ายอารมณ์เสียว่าเป็นยังไง 

  ตอนนี้ เท่าที่เห็นแฟนทางไกล (ที่ไม่เคยเจอกันเลย) เต็มเน็ตไปหมด มันดูน่ากลัวมาก และไม่สามารถรับประกันความยั่งยืนได้เลย  กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็อาจจะถลำใจไปมากแล้ว

  
  เคยฟัง podcast ของนักจิตวิทยาฝรั่งเล่าไว้ว่า ระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการทำความรู้จักกันก่อนตัดสินใจร่วมชีวิตคือประมาณเกือบ ๆ 2 ปี  

  เหตุผลคือ ในช่วงต้น ๆ ของความสัมพันธ์ มันเป็นช่วงหอมหวาน เมามัว ต่างคนยังคงหลงใหลซึ่งกันและกันจนมองไม่เห็นข้อเสียของอีกฝ่าย 

พอเวลาผ่านไปช่วงหนึ่งแล้ว คุณจะผ่าน “ฤดูกาล” ของความรักพอที่จะเห็นว่า อีกฝ่ายเป็นยังไง  
เวลาโมโหเค้าทำยังไง หยาบคายไหม ? วีไอกับเทคนิคหรือเอาแต่นิ่งเงียบ เก็บซ่อนตัวจากคุณ  

เวลาเค้าไม่สมหวัง เค้ามีปฏิกริยาอย่างไร ? เวลาเหนื่อย พาลไหม ? 
เม่าโศก

ไปเที่ยวด้วยกัน ช่วยคุณเก็บของไหม ? เกี่ยงให้คุณจ่ายคนเดียวรึเปล่า ?

เวลาเค้าปวดท้องเมนส์ เค้าเหวี่ยงใส่คุณแบบไร้เหตุผลไหม ?

  ที่สำคัญที่สุด คุณสนใจในเรื่องเดียวกันรึเปล่า ? นอกเหนือจากการพยายามอยากจะเดินจับมือกันตลอดเวลาแล้ว  มีเรื่องอื่น ๆ ที่คุณคุยกันได้รึเปล่า ? เบื่อกันง่ายไหม ?

  การคุยกันได้นี่สำคัญมากนะคะ เพราะเวลาที่คุณอยู่กันไปนาน ๆ เวลาความหวานชื่น โรแมนติคเริ่มจะจาง ๆ ไปแล้ว  ความเป็นเพื่อนจะเข้ามาแทนที่และสิ่งนี้มันยั่งยืน อบอุ่นและจำเป็นจะต้องมีในความสัมพันธ์มากกว่า  

  เวลาเรามองไปที่แฟนเรา สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรายิ้มกับตัวเองได้เสมอคือ 

  “คนนี้ไม่ใช่แค่เป็นคนรัก แต่ยังเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข แบ่งปันความคิดความเห็นด้วยกันได้ทุกเรื่องด้วย”

  คุณอาของเพื่อนเคยสอนพวกเราตอนเรายังรุ่น ๆ ว่า “จงเลือกแฟนที่คุณมีความสุข และภูมิใจที่ได้เดินกับเค้า”

  อันนี้ กินความกว้างมากนะคะ 

  บางคนอาจจะได้คู่ที่สังคมมองว่า น่าอิจฉาจังเลย หน้าตาดี ฐานะดี ความรู้ดี การงานดี  แต่เวลาอยู่ด้วยแล้ว อาจจะอึดอัดมาก เพราะเค้าหรือเธออาจทำให้คุณรู้สึก “ตัวเล็ก รู้สึกต่ำต้อย” ตลอดเวลา หรือบางคน อาจจะชอบคู่ของตัวเองมาก  แต่เวลาเดิน “ไม่กล้าให้ใครมาเจอ” 

  แบบนี้ ก็ไม่ดีกับความสัมพันธ์เช่นกัน
  
เขียนสั้น ๆ แค่นี้ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่