8/8/2566 ข้อมูลนี้เป็นเรื่องจริงล่าสุด จากประสบการณ์ที่ยอม อดทนเสียเวลาทำ 1 เดือนเต็มๆ บอกไว้ก่อนใครที่หวังฐานเงินเดือนแรก ถ้ายังไม่บรรจุเป็นผู้บริหารหน่วย คำตอบ "ไม่มีฐานเงินเดือนนะจ๊ะ" พี่เลี้ยงจะโอนให้เป็นการส่วนตัว ถ้าขายประกันได้ตาม KPI 20,000 บาท (% ที่ลูกค้าชำระเบี้ย แต่ถ้า ล.ค จ่ายเบี้ยเยอะก็ได้ %เยอะ จ่ายเบี้ยน้อยก็ได้%น้อย ก็ต้องรวมๆให้ได้ 20,000 อ่ะ) อันนี้แหละเงินที่เราจะได้ ถ้าขายได้เท่าไหร่ก็ได้เท่านั้น "เสียเวลาชิปหาย!!"
อยากให้ทุกคนที่เห็นจะได้ "ตาสว่าง" เกี่ยวกับ แผนก บริหารการจัดการ ตำแหน่ง ผู้บริหารหน่วย บริษัท ไทยประกันชีวิต สาขาอโศก หรือ สาขาอื่นๆ ที่อ่างตำแหน่งงานนี้เหมือนกัน
งั้นจะอธิบายแบบละเอียด ตั้งแต่วันแรกที่สัมภาษณ์เลยละกัน.
1.ถ้าใครที่ สัมภาษณ์ ไปแล้วกำลังอยู่ช่วงอาทิตย์แรกของการอบรม เขาจะให้เราฟังที่มาที่ไปของบริษัทองค์กร มั่นคงแค่ไหน รายได้เท่าไหร่
(อยู่อันดับ8ของประเทษไทย) บริษัทในเครือมีไรบ้าง ตำแหน่งหน้าที่การงานรายได้ดีเว้อ! เอาผู้จัดการอวุโส มาเปรียบเทียบชีวิตประสบความสำเร็จนุ่นนี้นั้นปูพื้นให้เราสบายใจ ไม่คิดลบ พยายามจะบิ้วให้ สมองคิดบวก กับองค์กร กับงาน เพื่อที่จะได้ไม่ทอดใจไปสะก่อน หึๆ  
รายได้มีหลายช่องทางจริง (**ทั้งค่าตำแหน่ง8000บาท / ค่าบริหารลูกทีมหัวละ2000บาท ป.ล. ถ้าเด็กใหม่ที่มาสมัครงานเหมือนเราได้บรรจุเป็น ผู้บริหารหน่วยนะ / %เบี้ยที่ ล.คชำระเข้ามาในแต่ละ เดือนหรือปี แล้วแต่จำนวนเงินที่ ล.คชำระ / %จากพวกเซลล์ที่เราเป็น partner ให้คำปรึกษา ป.ล.ถ้าได้บรรจุเป็นหน่วย หรือ ศูนย์นะ**)
ถ้ายังไม่บรรจุ (ตำแหน่ง ตัวแทน) ได้แค่ %ค่าคอม KPI ที่ฝึกขายได้  ตำแหน่ง ผู้บริหารหน่วย คนสัมภาษณ์ จะอ้างว่า ไม่ได้ให้ไปขายประกัน ไม่ได้เป็นเซลล์ขาย ให้ไปเรียนรู้งาน ผู้บริหาร แต่!! ความจริงก็ต้องเรียนรู้การขาย ฝึกขาย ขายจริง เพราะทุกตำแหน่งต้องขายเป็น
สรุปคือตั้งแต่ ตำแหน่งผู้หริหารหน่วยขึ้นไป ถึงจะเลือกได้ว่าจะทำเป้าหมายยอดขายยังไงให้บริษัท เพราะมันมี 2 แบบหลักๆ
1.ขายเอง หรือ เป็น partnerเซลล์ กิน %จากพวกเซลล์
2.บริหารคนสร้างลูกทีมของตัวเองให้เป็นงานขายเป็น กิน% จากลูกทีม และให้บรรจุงาน เป็นผู้บริหารหน่วยให้ได้
2. ***ที่ เหี้_ยที่สุดคือ...ใช้คำพูดบีบบังคับทางอ้อมอ่างว่า กลุ่ม ล.ค ที่จะใช้ฝึกขายช่วง 1 เดือนแรก ในการทดลองงานเพื่อบรรจุเป็นผู้บริหารหน่วย คือกลุ่มคนใกล้ตัว (ครอบครัว,เพื่อน,ยาทพี่น้อง)  ทั้งๆที่มันบอกว่ามีกลุ่ม ล.ค 4 กลุ่ม
1.กลุ่มคนรู้จัก 2.กลุ่มคนไม่รู้จัก 3.กลุ่มแบบแนะนำ 4.กลุ่มแบบโยกย้าย
สรุปง่ายๆ ไอ่พี่เลี้ยงที่เป็นคนโทรนัดสัมภาษณ์เรานั้น คือคนดูแลเราสอนงานเราทุกอย่างและ มันจะให้เรา "เป็นตัวกลางทอดสะพานนั้นเอง"
พี่เลี้ยงจะเป็นคนขายแบบประกันให้เรา เพราะถ้าเรายังไม่บรรจุ ไม่สามารถขายได้ยังไม่มีใบอนุญาตตัวแทนขาย ต้องไปสอบก่อนถึงจะขายได้
(ป.ล. ข้อสอบ60ข้อ ยากเอาเรื่องเสียค่าสอบด้วยนะ 200 บาทถ้าไม่ผ่านก็เสียเงินใหม่ พี่เลี้ยงบางคนถ้าใจดีก็ออกให้ / บางคนให้ออกเอง)
อ่ะต่อๆถึงไหนแล้วนะ   อ่อมันจะให้เราไปพูดอ้างกับคนรอบตัวเราว่า ขอรบกวนเวลาอธิบายงานหน่อยพอดีกำลังฝึกขายเพื่อบรรจุงาน,มีปัญหาการเงินสุขภาพไรไหม,มีเงินเก็บเงินออมหรือยัง,เคยทำประกันหรือยัง. มันคงคิดว่า พ่อแม่ป้าน้าลุงเพื่อนเราจะเห็นใจช่วยซื้อแบบประกันไรประมาณนี้ #กลืนไม่เข้าคายไม่ออก {แต่ถ้าครอบครัวใครเห็นด้วย สนับสนุน เต็มที่ จะไปต่อก็ได้นะมันอาจจะเป็นเส้นทางที่ใช้สำหรับคุณ}
ถ้าถามว่าพี่เลี้ยงได้อะไรจากเรามันก็ได้ %จาก ล.ค คนใกล้ตัวที่เราขายได้ไง ถ้าเราออกตอนบรรจุหรือไม่บรรจุ ล.คที่ขายไปก็ตกเป็นของพี่เลี้ยงเขาอยูดีแตถ้าไม่ออก ล.คก็เป็นฐานของเรา เข้าใจตรงกันนะ!
แบบประกันจะมีคร่าวๆก็...
แบบฝากออมเพื่อลงทุน / ออมเกษียณ / ประกันชีวิตสุขภาพ / ประกันอุบัติเหตุ ถามว่าแบบเขาดีไหม ส่วนตัวแบบเขาดีจริงถ้ามีเงินเหลือกินเหลือใช้นะ ตัวเองยังอยากทำแบบออมลงทุนทิ้งไว้ 10-15ปีเลย เพราะดอกเบี้ยได้ดีกว่าธนาคารอ่ะ
>> ก็ประมาณนี้นะทุกคนใครที่ชอบสายงานนี้ คนรอบข้างสนับสนุนก็ดีไปก็เหมาะสำหรับคุณ แต่ถ้าตรงกันข้าม! ก็หนีไปให้ไวสะ! อย่าได้มาเสียเวลาลองผิดลองถูกไปหางานที่ใช้ที่เหมาะกับตัวเองเหอะ