JJNY : เปิดนโยบายเด็ด เพื่อไทย│‘ภาคท่องเที่ยว’ หวังโหวตนายกฯ│แม่ค้าไก่ย่างเครียด จบชีวิต│ขีดเส้นตาย ทหารไนเจอร์คืนอำนาจ

เปิดนโยบายเด็ด พรรคเพื่อไทย ชูเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาสธุรกิจใหม่
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7791663
 
 
เปิดนโยบายเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย เน้นเพิ่มรายได้ ลดหนี้ ขยายโอกาส สร้างโอกาสธุรกิจใหม่ ยกระดับบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค ลดราคาไฟฟ้า น้ำมันทันที
 
เมื่อวันที่ 31 ก.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่าในการประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 4 ส.ค. เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ทางพรรคเพื่อไทย เตรียมเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย ซึ่งมีเสียงตอบรับจากหลายภาคส่วน รวมถึงประชาชนต่างคาดหวังและตอบรับนโยบายเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย
 
โดยหลักการที่เป็นหัวใจในการบริหารประเทศของพรรคเพื่อไทย คือ “เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส” พรรคเพื่อไทยจะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จีดีพี เติบโตเฉลี่ยอย่างต่ำปีละ 5% โดยเพื่อไทยใช้แนวคิด “รดน้ำที่ราก” เพื่อให้ต้นไม้งอกงามทั้งต้น
สำหรับนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่น่าสนใจประกอบด้วย
 
1. กระตุ้นเศรษฐกิจใหญ่ เติมเงินให้ทุกคนระบบ ใช้จ่ายใกล้บ้านผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล เติมเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้ทุกคน ใช้จ่ายใกล้บ้าน 4 กิโลเมตร ระยะเวลาใช้จ่าย 6 เดือน
2. นโยบายสร้างประเทศด้วยนวัตกรรมและดิจิทัลผ่าน เขตธุรกิจใหม่ (New Business Zone)
3. เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ปริญญาตรี เงินเดือน 25,000 บาทต่อเดือน ภายในปี 2570
4. ทุกครัวเรือนมีรายได้ไม่น้อยกว่า 20,000 บาท เติมรายได้ด้วยความรู้และนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์เพาเวอร์
5. แก้หนี้นอกระบบ 14 ล้านราย
6. แก้ปัญหาหนี้ เอสเอ็มอี 2 แสนล้านบาท
7. สนับสนุนธุรกิจสมัยใหม่ลงทุนในไทย เพิ่มฐานภาษีธุรกิจใหม่
8. พักหนี้เกษตรกร 3 ปี เพิ่มรายได้เกษตรกร 3 เท่าภายในปี 2570 จากรายได้เฉลี่ย 10,000 บาท/ไร่/ปี เพิ่มเป็น 30,000 บาท/ไร่/ปี
9. หวยบำเหน็จ ออมเงินผ่านกลไกสลากกินแบ่งรัฐบาล
10. รถไฟฟ้ากทม. 20 บาทตลอดสาย ขยายเส้นทางระบบรางทั่วประเทศ เชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงทั่วประเทศ
11. ยกระดับบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค โดยบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทั่วไทย
12. ปรับลดราคาพลังงาน น้ำมัน ไฟฟ้า ก๊าซ ทันที เพื่อลดภาระในการเข้าถึงแหล่งพลังงานในชีวิตประจำวันให้ประชาชน
13. เปิดประตูการค้า เสริมโอกาสการต่างประเทศ หนังสือเดินทางไทย เดินทางได้ทั่วโลก
14. เร่งรัดออกโฉนด แก้กฎหมายพิสูจน์สิทธิ จัดหาที่ทกิน 50 ล้านไร่ เพิ่มพื้นที่สีเขียวทั่วประเทศ
 

  
‘ภาคท่องเที่ยว’ หวังโหวตนายกฯได้ตาม กม. ชี้ตั้ง รบ.ช้ากระทบ ศก.หนัก ผวาม็อบดุทำนักเที่ยวหนี
https://www.matichon.co.th/economy/news_4106486

‘ภาคท่องเที่ยว’ หวังโหวตนายกฯได้ตามกฎหมาย ชี้ตั้ง รบ.ใหม่ยืดกระทบ ศก.หนัก ผวาม็อบดุทำนักเที่ยวหนี
 
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบการค้าถนนข้าวสาร กล่าวว่า บรรยากาศถนนข้าวสารในช่วงหยุดยาว 6 วันยังเงียบเหงา แม้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประปราย ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่จะเดินทางกลับต่างจังหวัด ทำให้ถนนข้าวสารมีนักท่องเที่ยวจำนวนน้อยลง
 
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลากลางคืนในสถานบันเทิงยังมีนักท่องเที่ยวเต็มในบางร้าน ขณะที่วันพระสถานบันเทิงจะปิดให้บริการก็ไม่ได้ส่งผลกระทบ เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้าใจ และเดินทางในเวลากลางวันเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ ยังมองว่ากำลังซื้อของคนไทยจะยังไม่กลับมา และมีสัดส่วนน้อยลงเพราะกังวลเรื่องการใช้จ่าย เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นดีต่อเนื่อง
 
ราคาต้นทุนของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมีการปรับราคาอาหารขึ้นบ้างแต่ไม่ได้มีการปรับราคาขึ้นทั้งหมด เพราะผู้ประกอบการกลัวว่าถ้าปรับราคาแรงไปนักท่องเที่ยวจะหายไปจากกำลังซื้อที่ลดลงต่อเนื่อง และสิ่งที่กังวลมากที่สุดเรื่องการฟอร์มรัฐบาลว่าจะมีการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างไร เพราะขณะนี้เป็นช่วงเกิดช่องว่างเพราะไม่มีรัฐบาลใหม่ ข้าราชการประจำในกระทรวงต่างๆ ก็ไม่มีอำนาจการอนุมัติงานใหม่ๆ จึงเกิดช่องว่างที่ไม่สามารถทำอะไรได้ชัดเจน” นายสง่ากล่าว

ทั้งนี้ ช่วงนี้เป็นช่วงโลว์ซีซั่น บรรยากาศยังเงียบ ตัวเลขน่าจะลดลงจากไตรมาสแรกประมาณ 30% จากช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 เพราะไตรมาส 2-3 เป็นช่วงโลว์ซีซั่น ซึ่งถ้าเทียบกับช่วงก่อนโควิดก็มีนักท่องเที่ยวค่อนข้างดี แต่ช่วงนี้นักท่องเที่ยวหายจนน่ากลัว เพราะนักท่องเที่ยวจากฝั่งเอเชียเพิ่งเริ่มเดินทาง คนจีนยังไม่ออกจากนอกประเทศ ขณะที่ฝั่งยุโรปเดินทางกลับประเทศ ซึ่งส่วนหนึ่งราคาตั๋วเครื่องบินแพงขึ้น ดังนั้น การดินทางไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อน รวมถึงการตัดสินใจจะยากขึ้น 

นายสง่ากล่าวว่า ด้านปัญหาการเมือง เมื่อจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ในกรณีที่ประชาชนไม่เห็นด้วยกับการตัดสินก็หวังว่าจะไม่มีปัญหาการประท้วง (ม็อบ) เกิดขึ้น เป็นห่วงมากที่สุด เพราะเมื่อมีการลงถนนของประชาชน โดยการดำเนินงานของสถานทูตต่างๆ จะประกาศให้นักท่องเที่ยวประเทศนั้นๆ ระมัดระวังการเดินทาง ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการพิจารณาการเดินทางเข้าไทย เพราะสถานการณ์ในประเทศวุ่นวาย และหลีกเลี่ยงอันตรายที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น โอกาสที่การท่องเที่ยวจะเปิดรับนักท่องเที่ยวจะหายไป หากเกิดในช่วงสำคัญอย่างฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเศรษฐกิจ
 
ขณะเดียวกัน การแก้ปัญหาของรัฐบาลก็อยากให้ดูแลปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคท่องเที่ยวที่ติดอุปสรรคและส่งผลต่อนักท่องเที่ยว เช่น ตลาดคนจีนยังติดปัญหาเรื่องการทำวีซ่า และการตั้งค่าหัวต่อคนที่จะเข้ามาท่องเที่ยว อีกทั้งช่วงที่ผ่านมามีการก่ออาชญากรรมเกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นปัญหาต่อภาพลักษณ์และการตัดสินใจเข้ามาประเทศไทย ดังนั้น เมื่อมีรัฐบาลควรสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น เช่น การถ่ายทำซีรีส์เกาหลีในไทย สร้างรายได้เข้าประเทศมากขึ้น
 
การท่องเที่ยวตอนนี้ทุกประเทศแย่งนักท่องเที่ยวกันหมด ถ้าไทยยังไม่ทำอะไรก็เสียโอกาสและรายได้ และถ้าเกิดปัญหาในประเทศจะเกิดผลกระทบหนัก จึงไม่อยากให้เกิดความรุนแรงขึ้น สำหรับกระแสการเว้นช่วง 10 เดือนเพื่อรอตั้งรัฐบาล มอง 2 กรณี ถ้ารอไปแล้วไม่มีม็อบก็ยังทำธุรกิจได้ แต่ถ้ารอแล้วเกิดความวุ่นวายก็ไม่เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ ทางที่ดีที่สุดควรจะมีรัฐบาลโดยเร็วเพื่อกลับมาบริหารประเทศ” นายสง่ากล่าว
 
ขณะที่ นายวีรวิชญ์ เครือสมบัติ ประธานชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงป่าตอง จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับการท่องเที่ยวมีเรื่องน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะการเมืองไทยที่ยังมีความไม่แน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยด้วย เพราะกังวลปัญหาจะบานปลายกรณีที่การจัดตั้งรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากเสียงส่วนใหญ่ที่ประชาชนยอมรับได้ ซึ่งอาจจะนำไปสู่เหตุการณ์ประท้วงรุนแรง จนถึงขั้นปิดสนามบินอย่างที่เคยมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาก่อน จึงเป็นห่วงว่าจะเกิดเหตุซ้ำรอยกัน ถ้ายังไม่ได้รัฐบาลที่ลงตัว และเป็นรัฐบาลที่ประชาชนยอมรับได้
 
อยากให้การจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างเร็วที่สุด และทำไปด้วยกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งถ้าผิดไปจากนี้กลัวว่าประชาชนจะยอมรับไม่ได้ และถ้าเกิดเหตุเลวร้ายที่สุดคงไม่อยากให้ถึงกับรัฐประหาร เพราะจะมีผลต่อเศรษฐกิจที่จะหยุดลง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นที่สุด” นายวีรวิชญ์กล่าว
 
ทั้งนี้ ถ้ามีการจัดตั้งรัฐบาลได้แล้วอยากให้ดำเนินนโยบายที่ทำให้เศรษฐกิจฟื้นขึ้นอย่างชัดเจน เพราะขณะนี้เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวไม่ได้ทุกพื้นที่ และยังมีคนจำนวนมากขาดรายได้ และมีเงินไม่พอใช้จ่าย จากปัญหาต้นทุนต่างๆ ที่แพงขึ้น เช่น อัตราดอกเบี้ย ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ค่าสาธารณูปโภคต่างๆ โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า ไม่ใช่แต่ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบ แต่ประชาชนทุกคนได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด ดังนั้น ถ้าสามารถลดต้นทุนด้านต่างๆ ลงได้จะช่วยให้ประชาชนมีรายได้พอเลี้ยงชีพ และส่งผลต่อการใช้จ่ายที่จะมากขึ้นตาม



แม่ค้าไก่ย่างเครียด ขายไก่ไม่ดี เป็นหนี้นอกระบบ จ่ายไม่ไหว ตัดสินสินใจจบชีวิตในบ้านพัก
https://www.matichon.co.th/region/news_4106775

แม่ค้าไก่ย่างเครียด ขายไก่ไม่ดี เป็นหนี้นอกระบบ จ่ายไม่ไหว ตัดสินสินใจจบชีวิตในบ้านพัก
 
เวลา 09.00 น. วันที่ 31 กรกฎาคม 2566 สมาคมกู้ยภัยสว่างบุญช่วยเหลือจังหวัดตราด ได้รับแจ้งมีเหตุผู้เสียชีวิต ภายในบ้านพักแขวงทางหลวงตราด  หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมประสานตำรวจสภ.เมืองตราด และแพทย์เวร โรงพยาบาลตราด ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้น

เมื่อ ร.ต.อ.นิจสันต์ พั่วพัวศรี พนักงานสอบสวนสภ.เมืองตราด เดินทางไปถึงที่เกิดเหตุเป็นบ้านพักไม้ 2 ชั้น   อ.เมือง จ.ตราด พบนางสาววราภรณ์ บัวตรี อายุ 34 ปี เสียชีวิตจากสาเหตุผูกคอ โดยมีนายจิรศักดิ์ แจ้งแสง อายุ 32 ปี สามีและลูกชายและญาติพี่น้องกำลังกอดศพร้องไห้อยู่บนเตียงนอน
เบื้องต้นนายจิรศักดิ์  ให้การกับตำรวจเบื่องตัวว่า เมื่อคืนนี้ตนเองและภรรยาพร้อมลูกอีก 1 คน เข้านอนกันตังแต่ 22.00 น. กระทั่งช่วงเช้าหลังจากตนเองตื่น พบว่าภรรยาไม่อยู่บ้านแล้ว คิดว่าภรรยาออกไปขายไก่แล้ว แต่เมื่อออกมาดูรถขายไก่ ปรากฎว่ารถขายไก่ยังจอดอยู่หน้าบ้าน ตนเองถึงตามหาจนพบว่าภรรยาผูกคอด้วยเชือกไนล่อนบริเวณบันไดขึ้นชั้น 2 ตนเองพยายามช่วยเหลือและนำร่างลงมานอนบนนเตียงก็พบว่าภรรยาเสียชีวิตแล้ว

นายจิรศักดิ์ ให้การต่อว่า ตนเองและภรรยาอยู่กินมาด้วยกัน 13 ปี มีลูกชาย 1 คน ลูกสาว 1 คน โดยตนเองเป็นพนักงานทำงานแขวงทางหลวงตราด ส่วนภรรยาขายไก่ย่างอยู่หน้าแขวงทางหลวงตราด มีทะเลาะกันบางแต่ไม่มาก ส่วนเรื่องหนี้สินภรรยาไม่ค่อยแจ้งอะไรมากกว่านัก แต่รู้ว่าจากภรรยาและจากกลุ่มเพื่อน ๆ ว่าไปกู้เงินนอกระบบประมาณ 3-4 เจ้า มียอดเงินกว่า 100,000 บาท
 
ซึ่งน้องสาวภรรยาก็ช่วยจ่ายเงินไปบ้างส่วนแล้ว แต่ก็ยังไม่หมดยังเหลืออีกราว ๆ 80,000 บาท ประกอบกับภรรยาขายไก่ไม่ดี ทำให้ไม่มีเงินมาจ่ายหนี้นอกระบบ ซึ่งคาดว่าภรรยาตนเองน่าจะเครียดจากปัญหาหนี้นอกระบบ จึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย
 
อย่างไรก็ตาม หลังจากตำรวจและแพทย์เวรโรงพยาบาลตราด ได้ชันสูตรศพเบื้องต้นแล้ว ได้มอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่