มาเเชร์ด้านมืดในจิตใจกันค่ะ ความชิงชังริษยาหมั่นไส้ + ระบายเเรงเสียดทานที่ต้องเจอ

เราคนหนึ่งที่เมื่อก่อนเเต่นานเเล้ว ช่วงมหาลัย  มีความชิงชังอิจฉาริษยา คนที่สวยกว่า เราเลยพูดให้เค้าเสียหาย
เมื่อรู้ว่าเค้าศัลยกรรม ก็จะพูดเหน็บเเนมเค้า ต่อหน้า / ลับหลังก็พยายามพูดให้คนอื่นรู้ ว่าเค้าศัลยกรรม เลยสวย
เเต่เราโชคดีอยู่อย่างคือ เพื่อนเกย์เตือนสติ  เเต่คำพูดของเค้าไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย มันเเค่สะท้อนจิตใจเราก็เท่านั้น
เเล้วเราก็ตาสว่างไว  เค้าพูดเเค่ว่า  " นี้แกหมั่นไส้เค้านะ "
เเค่นั้นแหละ เราเห็นจิตใจที่ต่ำ มืดบอดของตัวเองเลย ว่า เออ เรานี้เห็นแต่ว่าเค้าทำนู้นทำนี้ อย่างนั้นอย่างนี้
แต่ไม่เห็นจิตใจตัวเองเลยเนอะ ว่ามันแย่เเค่ไหน มีความริษยาหมั่นไส้มุ่งร้ายเเค่ไหน
เเละเราไม่รู้สึกโกรธอะไรเพื่อนเลย

หลังจากนั้นเราก็ศึกษาเรื่องจิตใจมนุษย์มากขึ้น ทั้งในเเง่ศาสนาที่พระพุทธเจ้าสอน  เเละเรื่องมนุษย์ เรื่องการวิวัฒนาการของมนุษย์ ทำให้เราเข้าใจมนุษย์มากขึ้น  ว่า  ที่เราเคยเป็นแบบนั้นมันไม่ใช่เรื่องผิดปกติเลย มนุษย์วิวัฒนาการมาแบบนี้ ความชิงชังริษยาหมั้นไส้ มันเกิดจาก การขับเคลื่อนของ DNA ที่อยากจะอยู่รอด อยากเป็นผู้ถูกเลือก  ดังนั้น การเจอคนที่ สวยกว่า หล่อกว่า เด่นกว่า เก่งกว่า ธรรมชาติเลยทำให้เรา พยายามที่จะข่มเค้าลง ดึงเค้าลง  ทำร้ายเค้สด้วยหอกปาก เเม้เค้าไม่ได้ไม่ทำอะไรให้เราเดือดร้อน

เเต่นั้นแหละ มันสร้างปัญหาให้มนุษย์ทำร้ายกัน ไม่ว่าจะด้วย การกระทำหรือคำพูด
เลยต้องมีศาสนามาขัดเกลาจิตใจ เเต่ใช่ว่า จะขัดเกลาได้ง่าย ไม่งั้นสังคมคงไม่เต็มไปด้วย
การนินทาให้ร้าย ใส่ไฟพูดจาเสียดเเทงกัน   เพราะแต่ละคนธุลีในดวงตามากน้อยต่างกัน  มีน้อยก็ขัดเกลาได้เร็วได้ไว  มีมาก ก็ขัดเกลายาก

พอทำงาน เราเเยก จุดประสงค์ ของคนที่เอาเรื่องคนอื่นมาพูดออก ว่ามีเจตนาไม่ดียังไง เพราะนั้นมันสะท้อนจิตใจเราในอดีตช่วงวัยรุ่น /
เเต่จะบอกว่า การที่เราสะท้อนเค้ากลับเหมือน ที่เพื่อนเคยสะท้อนเรา  ไม่ได้หมายความว่า คนที่อยู่ต่อหน้าเค้าจะ get  และเห็นว่าเราเป็นกัลยาณมิตรเหมือนที่เรามองเพื่อนเรา  เเต่เค้าอาจจะเกลียดเราไปเลยก็ได้   บางครั้งเราไม่ได้สะท้อนเค้า  เเต่พูดทัศนคติองเราออกมา เวลามีประเด็ยสังคมใดๆ  คนบางกลุ่มก็เกลียดเเล้ว  อย่างเช่นเเค่พูดว่า

- ไม่ชอบไม่เห็นด้วยเลย กับการเอาเรื่องส่วนบุคคล เชิงเสียหายของคนอื่นมาพูด  เรื่องใต้สะดือของเค้าก็คือของเค้า  เราไม่ได้ไปสนุก หรือทุกข์กะเค้าด้วย
- ไม่ชอบเค้าเต้นยั่ว แต่งตัวโป๊ะ ( นักร้องลูกทุ่งคนหนึ่ง ) ,เเล้วไปตามดูเค้าทำไม ? เค้าไม่ได้มายัดเยียดมห้ดูต่อหน้า  ไม่เลื่อนผ่านก็บบล๊อค 
- ไม่ชอบเค้าอวดลงในโซเชียล ก็ไม่ต้องดู  เค้าไม่ได้ยัดเยียดให้ดู   /  พวกยัดเยียดโอ่อวดในที่ที่เราหนีไปไหนไม่ได้ ( ที่ทำงาน ) น่ารำคาญกว่า 
- ไม่พอใจกัน ประเด็นส่วนตัวทั่วไป ไม่ใช่ปัญหาระดับประเทศ หรือระดับโลก  ก็ต่างคนต่างอยู่ ถ้ามาตามระราน เเซะ ถากถาง กีดกั้นทางสังคม สร้างความแตกแยก  ก็เป็นการสร้างบาปกรรมให้ตัวเอง

* หลักที่เรานำมาคิด คือ ดูเเค่ว่าสิ่งนั้นมันเบียดเบียน ไม่เบียดเบียน  มันมีคนดือดร้อนจริงๆ หรือเเค่ คน comment ไปตามสัณชาตญาณดิบของมนุษย์เที่ทำให้เกิดอากาศชิงชังหมั่นไส้ เลยเเสดงวาจาหรือ coment ออกมาเชิงลบเสียดเเทงด้อยค่า

เเต่เช่นกัน สิ่งที่เราพูดออกมา มันคงไปเเทงใจคนอื่น  เค้าเลยเกลียเรา  นี้คือเเรงเสียดทางที่เราต้องเจอ 
มันทำให้เราคิดว่า คนส่วนมาก ยังไม่ยอมรับจิตด้านมืดของตัวเอง เลยยังไม่พัฒนาจิตใจค่ะ

เเต่เราก็ยอมรับนะคะ ว่าเราก็ไม่ได้ดี ยังต้องขัดเกลาอีกเยอะ  เรายังมีความหยาบคาย เเละใช้วาจาเชิงเสียดเเทงอยู่เหมือนกัน 
เเต่ใดๆ คือ เราไม่ได้ อยู่ๆ จะไปขัดเกลาใคร  มันเหมือน เกิดประเด็นใดๆในสังคมขึ้นมาก่อน  หรือมีคนมาเล่าใดๆก่อน 
เช่น   
- กรณีมีคนเอาเรื่องส่วนตัวคนอื่นแบบลับมาพูดให้เสียหาย แบบที่ไม่ได้มี big impact กับประเทศ /
       > เราจะพูดเเทงเค้า ลอยๆ ว่าา เป็น คนที่รู้เรื่องคนอื่นขนาดนั้น เป็นสัมผเวสีสิงกีเหรอ ถึงได้รู้ขนาดนี้
ซึ่งมันก็ไม่ได้ดีหรอก มันก็เหมือนไปเเทงเค้ากลับด้วยความหยาบคาย 
ซึ่งเราก็ต้องพยายามปรับการพูดตรงนี้เหมือนกัน  หรือไม่ก็ไม่พูดเลยดีกว่า

ใครมี ปสก อะไรมาแชร์ บ้าง มาเล่าสู่กันฟังค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่