ชีวิตพลิกผัน จากดาวสู่ดิน คิดได้เมื่อตอนสายไป.. ใครที่กำลังเจอปัญหา อย่างน้อยยังมีคนที่แย่กว่าคุณอยู่นะคะ..

สวัสดีค่ะ เรามีเรื่องมาแชร์ประสบการณ์ ปัจจุบันเราอายุ 28 ปี เริ่มทำงานขายของตั้งแต่เด็ก **ขอไม่ลงรายละเอียดในส่วนของสินค้านะคะ**
   ความทรงจำประสบการณ์ในวัยเด็กของเรา เราทำได้แต่มองเพื่อน มองญาติพี่น้องอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่างก็มีคนที่คอยซัพพอร์ตหนุนหลังอยู่เสมอ
   เราเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันเรื่องเงินทุกวัน, เงินไม่พอใช้, มีเงินไม่ถึง 100 บาทแต่อยู่กินกัน 3 ชีวิต พ่อแม่ลูก, พ่อแม่กู้เงินนอกระบบ ถูกทวงหนี้หน้าบ้าน จนต้องย้ายบ้านหนีหัวซุกหัวซุน, การเข้าโรงรับจำนำกลายเป็นเรื่องปกติ, มีเงินก็ซื้อใหม่ ไม่มีเงินก็ขายหรือเอาไปจำนำ, วนลูปแบบนี้เสมอ
    เราช่วยพ่อแม่ทำงาน เรานอนดึกตื่นเช้า นอนวันละไม่กี่ชั่วโมง ช่วยพ่อแม่ตัดภาระค่าใช้จ่ายของตัวเอง พยายามไม่ทำตัวเป็นภาระให้ครอบครัว เราเรียนด้วยทำงานด้วยสุดท้าย เราไม่ไหว เราเลยไม่ขอเรียนต่อ ม.ปลาย หรือ มหาลัย
   เราตัดสินใจย้ายมาทำงานอยู่ กทม คนเดียว (เหตุผลส่วนตัวที่เราไม่สามารถอยู่ร่วมกับครอบครัวได้ **มากคนก็มากความ) เรามีเงินติดตัวหมื่นกว่า จ่ายค่ามัดจำห้องก็เหลือเงินไม่กี่พัน
เราฝึกฝน พัฒนาตัวเอง เราโชคดีที่เจอสังคมที่ดี รู้จักรุ่นพี่ที่คอยให้คำแนะนำให้คำปรึกษา
   เราใช้เวลาไม่ถึงปี เราทำงาน ๆ ๆ คนเดียวในห้องเช่า แอบเก็บเงินไม่ให้ใครรู้  (ขอไม่ลงรายละเอียดว่าทำไมเราถึงไม่ให้พ่อแม่มารับรู้หรือยุ่งเกี่ยวกับเงินของเราเลย เรามีปม เรามีเหตุผลส่วนตัว)
   เราเริ่มมองหาธุรกิจใหม่ที่จะต่อยอดให้เงินมันงอกเงยอยู่เสมอ มีรายได้หลายทางย่อมดีกว่า
   เรามีเป้าหมายใฝ่ฝันถึงอนาคต ชีวิตที่ประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน พอได้ล้านแรกก็หวังเงินสิบล้าน พอเราได้หลายๆล้านต่อมา เราเลยตั้งเป้าหมายถึงร้อยล้าน (บ้ามากกก)
   ปี 2558 เราเริ่มมีความรัก มีแฟน (แฟนอายุมากกว่า เป็นรุ่นพ่อเราได้เลย) เราเริ่มศึกษาคบหาดูใจ พอคบกันได้ไม่นาน ธุรกิจของเราเริ่มเติบโต แฟนช่วยซัพพอร์ตให้เรายืมเงินในจังหวะที่เงินสดของเราไม่พอ ยืมมาไม่กี่วันเราก็คืนให้ทุกครั้ง เราเน้นขายไวไม่สต๊อกสินค้าให้ติดมือ
   จากนั้น ธุรกิจของแฟนเราเริ่มมีปัญหา เราก็ช่วยเหลือแฟนกลับไป ตลอดเวลาที่คบกันเราดูแลตัวเอง ใช้เงินตัวเอง ไม่ได้เป็นภาระเขา เราพิสูจน์ตัวเองทุกอย่างให้เป็นที่ยอมรับในสังคมของเขา
   ถึงเราจะอายุยังน้อย ด้วยภาระหน้าที่ เรื่องส่วนตัวในชีวิตเราก็ปวดหัวมากพอแล้ว เราเลยไม่มีการวางแผนถึงอนาคตข้างหน้าเกี่ยวกับชีวิตรักของเราเลย เรามุ่งมั่นปฏิญาณว่าจะใช้ชีวิตกับผู้ชายคนนี้เป็นคนสุดท้าย เขาคือครอบครัวทองแผ่นเดียวกัน เราจะไม่ทิ้งเขาในวันที่เขาลำบาก เราจะสู้ไปด้วยกัน เราจะยืนเคียงข้างเขาในวันที่ประสบความสำเร็จ
   เวลาทะเลาะกัน ต่างคนต่างทำผิด ต่างทำถูก ต่างคนก็ต่างให้อภัยกัน แฟนเราเป็นคนเจ้าชู้ เราจับได้เรื่องผู้หญิงหลายรอบ หรือ เรื่องการซัพพอร์ตคนอื่น ทั้งๆที่ตัวเขาเองยังติดเงินเราอยู่
   ด้วยความที่เราอายุ 20 ต้นๆ เราเป็นผู้หญิงบ้านนอกจากต่างจังหวัด เราก็ไม่อยากเลิกอ่ะเนอะ ไม่อยากเปลี่ยนแฟนบ่อย รู้สึกเสียดายเวลาที่คบกัน เราไม่อยากเริ่มต้นใหม่(เพราะเรารู้สึกว่า วันนี้เรามีเงินแล้ว มีรถหรู การที่เรามีโอกาส หรือ จะมีใครสักคนในสมัยนี้มันไม่ได้ยากเลย เราไม่อยากทิ้งเขาเหมือนคนเห็นแก่ตัวด้วย)
  แฟนติดหนี้เรามากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งเงินที่เราไปกู้ยืมจากคนอื่น เราจ่ายดอกเบี้ยแทนช่วงหลังๆมานี้ ธุรกิจงานเงินของเราก็มีปัญหาตลอด พ่อแม่เริ่มสงสัยเรา เราขายของดีแต่เงินเราหายไปไหน
    เราจับได้เรื่องผู้หญิงไม่ต่ำกว่าสิบคน เขาตกลงปลงใจ เลี้ยงดูผู้หญิงหลายคน สังคมเขาช่วยกันปิดบังเรา โกหกเรา (เราเองก็แก้แค้นคืนด้วย)
   ถึงเวลาแล้ว เราไม่ได้รักเขาเหมือนเดิม มีแฟนก็รู้สึกเหมือนไม่มี มีแล้วไม่ได้ดีขึ้น ไม่อยากมีแล้ว เราเหนื่อย เรารอให้ธุรกิจเขาดีขึ้นไม่ไหว เขาบอกเขาจะขอเราแต่งงานความหวังลมๆแล้งๆ
   พอเลิกกันจริงๆ ตอนนั้น เราเจ็บปวดเสียใจมาก ล้มทั้งยืน เขาขอผ่อนผันเงินที่เขาติดหนี้เรา เรากินไม่ได้นอนไม่หลับหลายเดือน โลกมืดแปดด้าน เราก็แค่อยากมีครอบครัวอบอุ่นเหมือนผู้หญิงทั่วๆไป
     พ่อแม่เรารู้เขาก็เสียใจมาก หลังจากนั้น ความสัมพันธ์ของเรากับพ่อแม่ก็ไม่เหมือนเดิม
   เรารู้สึกตัวคนเดียว สูญเสียครอบครัว สูญเสียความรักความไว้ใจ เราโดดเดี่ยวเคว้งคว้าง เป็นซึมเศร้าไบโพล่ารุนแรงจนต้องพบคุณหมอ
   พ่อแม่เราที่ดุด่าว่ากล่าวเรา (เราเข้าใจแหละว่าเขารู้สึกและคิดอะไร) ใช้อารมณ์ ใช้คำพูดหยาบคาย ด่าทอ สาปแช่ง เปรียบเทียบเรากับคนอื่น พูดในเรื่องเดิมๆซ้ำเป็นเวลาหลายเดือน
   เราเริ่มทนไม่ไหว หันหน้าไปหาเพื่อน ออกมาอยู่กับตัวเอง ไม่ติดต่อครอบครัว เราเริ่มเปลี่ยนไปเป็นคนไม่สนใจใคร ตั้งใจใช้ชีวิตหาความสุข สนุกไปวันๆ กินใช้เท่าที่มีแค่คนเดียว ไม่สนใจงาน ไม่สนใจอะไรเลย
    เรายอมรับค่ะว่า เราทำตัวแย่จริงๆ พ่อแม่ของเราคู่ควรที่จะได้รับมากกว่านี้ เขาคือบุคคลที่สมควรจะได้รับ
   แต่ ณ สถานการณ์ในตอนนั้น
1. เราใช้ชีวิตอยู่กับแฟน เขาอยู่เคียงข้างเรา ตั้งแต่วันที่เราเริ่มต้น แม้เราจะสร้างด้วยหนึ่งสมองสองมือของเราคนเดียว
2. เราเห็นพ่อแม่มีกันและกันมาตลอด ลำบากด้วยกัน ต้องช่วยเหลือกัน ไม่ทิ้งกัน เราเลยอยากมีคู่ชีวิตผัวเดียวเมียเดียวจนแก่
3. ถ้าธุรกิจของแฟนเราไม่มีปัญหา เราก็เชื่อว่า เขาคงจะไม่มาเบียดเบียนเงินของเรา
4.  เขาเป็นทั้งผู้มีพระคุณ และเป็นผู้ที่ทำลายโลกทั้งใบของเรา
   จนกระทั่ง เดือนพฤศจิกายน 2564 แม่ของเราร้องไห้ แล้วพูดขึ้นปลายสายว่า เขาอยากได้ลูกสาวที่น่ารักของเขากลับคืนมา กลับมาเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่เถอะนะลูก
   นั้นเป็นจุดเปลี่ยนทั้งหมด ต่างคนก็ต่างขอโทษกัน เราก็ระบายความในใจทั้งหมดออกไป ต่างฝ่ายต่างคิดว่าไม่รักกัน 😅
  เป็นช่วงที่เราแฮปปี้มาก ชีวิตสดใส หัวใจของเรากลับมาเบ่งบานอีกครั้ง เราปลดล็อคทุกอย่าง พร้อมลุยงานจริงจัง ครอบครัวสามัคคีปรองดอง
  เดือนธันวาคม 2564 เราได้เจอกับรักครั้งใหม่ พอผู้ชายคนนี้เข้ามา เขาให้ในสิ่งที่เราไม่เคยได้รับจากแฟนคนเก่า ช่วงแรกที่คบกัน เขาช่วยเหลือซัพพอร์ตเรา พาเราไปเที่ยวทานข้าว ช้อปปิ้ง ทุ่มเททุกอย่างให้เรา เข้าหาพ่อแม่เข้าหาญาติผู้ใหญ่ เขาทำทุกอย่างเพื่อชนะใจ อ่อนน้อมถ่อมตน จิตใจดี สปอร์ต ขยันตื่นเช้าทำงาน มีวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำ มีบริวารลูกน้อง เราตัดสินใจแต่งงาน ย้ายไปอยู่ด้วยกัน ต่อมา ระบบงาน ระบบเงินการคิดและการบริหารของเขามีจุดบกพร่องหลายอย่าง มีปัญหาเดิมๆเรื่อยมา.. เราให้กำลังใจ เราช่วยเขาแก้ไขปัญหา เขาทำผิดพลาดอีก (เรื่องผู้หญิงก็หลายครั้ง) เราก็ให้อภัย พูดส่งพลังบวกเสมอ ไม่เป็นไรนะ เราเริ่มต้นกันใหม่ เราคงความเชื่อมั่นความศรัทธาในตัวเขาเสมอ ผู้ชายคนนี้เป็นครอบครัวของเราแล้ว เราเป็นทองแผ่นเดียวกันเราจะร่วมต่อสู้ไปด้วยกัน
  ปัจจุบัน เราหย่าร้างแล้วนะคะ เส้นฟางสุดท้ายคือ เขาโทษโกรธด่าเราว่า เราเห็นแก่ตัวพอเงินเขาหมด เราก็ทิ้งเขา เราคบเขาเพราะผลประโยชน์
   ต้นปี 2565 เรามีทุกอย่าง (แม้ว่าเราจะมีหนี้ในระบบ ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ฯลฯ แต่เราก็มีทรัพย์สินรองรับมากกว่าหนี้สินหลายเท่า)
  ดูชีวิตเราตอนนี้ มันติดลบ มันแย่กว่าปี 2564 เรากลายมาเป็นหนี้ ทั้งในและนอกระบบ... 
   เราเสียเพื่อนและรุ่นพี่คนดีๆไป คนที่เคยช่วยเหลือซัพพอร์ตเราตั้งแต่ 7 ปีก่อน เราไม่เหลือใคร ไม่มีความน่าเชื่อถือ ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีสัจจะ ไม่มีเครดิต ไม่มีโอกาสให้เลือกเดิน ไม่มีมิตรภาพความรู้สึกดีๆต่อกันอีกแล้ว (ต่อให้วันข้างหน้า เรามีเงินล้นฟ้า เราก็ไม่สามารถซื้อความรู้สึกเหมือนเดิมของเพื่อนและรุ่นพี่กลับมาได้)
   ***ฝากตรงนี้นิดนึงนะคะ อย่าคิดว่าการมีเงินแล้วคุณจะซื้อทุกอย่างได้ อย่าคิดว่าคุณคือจุดศูนย์กลางจักรวาลของโลกใบนี้ อย่ายโส โอหัง ปีกกล้าขาแข็ง เพราะคุณไม่มีทางรู้ว่า จะถึงตาคุณเมื่อไหร่ ชีวิตมีขึ้นมีลงเสมอ!!!
   ***จงเห็นคุณค่าและรักษาคนที่เขารักและหวังดีกับคุณ!!! 
  เรารู้สึกผิดต่อตัวเอง ต่อครอบครัว ต่อเจ้าหนี้ทุกคน สิ้นหวัง ผิดหวัง สูญเสียครอบครัวสูญเสียเงินเก็บทั้งชีวิต สูญเสียเวลาที่ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจกับการทำงานมากกว่า 10 ปี และกำลังจะสูญเสียทุกอย่างเพื่อใช้หนี้
   เราลองคำนวนทรัพย์สินแล้ว หากขายทุกอย่างออกมารวมกัน (รวมกับของพ่อแม่ที่เขาแอบเก็บเล็กผสมน้อยไว้ให้เรา) เรายังใช้หนี้ไม่พอเลย ไหนจะธุรกิจที่ต้องมีกระแสเงินสดอีก
   บอกตรงๆว่า เราพิมพ์ไปก็ร้องไห้ไป .. คิดวนไปวนมา อยากผ่านมันไปให้ได้ แต่มันยากมากจริงๆค่ะ
   เรามีเวลาหาเงินเคลียร์เจ้าหนี้ 2 M. ถึงแค่เดือนพฤศจิกายนนี้ เราจะถูกฟ้องข้อหาฉ้อโกง คดีอาญา **และยังมีเจ้าหนี้อีก 2 คนที่เราไม่ได้เอาเงินมาใช้**

  เราอยากจะบอกทุกๆคน บอกถึงเด็กรุ่นใหม่ วัยรุ่นสร้างตัว #จากหัวใจเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆคนนี้ ว่า

- จงรักตัวเอง ทุ่มเทให้ตัวเอง แล้วคุณจะไม่เสียใจกับอะไรทั้งนั้น
- จงรักเงิน จงรักงาน จงรักคุณค่าของเงินที่เราหามาได้ด้วยตัวเอง อย่าให้ใครฉวยโอกาสเงินของเราไปเด็ดขาด
จงไม่เห็นแก่ตัว จงไม่เอาเปรียบกดหัวคนอื่นให้ต่ำลง จงไม่คดโกงคนอื่น
จงคิดก่อนทำ หากทำแล้วจะไม่เสียใจในภายหลัง
คนที่มีความคิด Toxic จงตัดออกจากชีวิตทันที ใช้แต่อารมณ์ ยึดความคิดตัวเองเป็นหลัก ไม่มีเหตุผล โทษทุกอย่างยกเว้นตัวเอง คนแบบนี้ไล่ไปไกลๆค่ะ
- ปฏิเสธคนให้เป็น!!!! 
- สร้างความมั่นคงให้ตัวเองและครอบครัวก่อน หากจะต้องช่วยเหลือคนอื่นจริงๆ จงช่วยแค่ 5% จากเงินของตัวเอง อย่าทำให้ตัวเองและครอบครัวต้องเดือดร้อนทีหลัง
- ปัญหาของคนอื่น ไม่ใช่ปัญหาของเราที่จะต้องไปแบกรับ คนเรามีภาระหน้าที่แตกต่างกัน คนที่มีปัญหาเรื่องเงิน แสดงว่าคนๆนั้นไม่มีความรับผิดชอบต่อชีวิตของตนเอง
- อย่าให้โอกาสใคร อย่าไว้ใจใคร เป็นครั้งที่ 2 เด็ดขาด
- อย่ากลัวการเริ่มต้นใหม่ อย่ายึดติดกับสังคมคำพูดความคิดของคนอื่น เขาจะมองยังไง เราเท่านั้นรู้ดีที่สุดว่า ปลายทางจะจบลงเช่นไร
- อย่าเสียดายเวลาที่คบกัน แต่จงเสียดายอนาคตทั้งหมดของตัวเอง
- ใช้ชีวิตของตัวเองให้มีความสุขในทุกๆวัน
- ความรักคือสิ่งที่สวยงามเสมอ ความรักไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่การเลือกและการรักคนผิด น่ากลัวและอันตรายต่ออนาคตเรามากที่สุด
- เราไม่ควรถูกด้อยค่า อย่าให้ใครมาเหยียบย่ำเราได้ ทั้งร่างกาย จิตใจ ความรู้สึก แค่1 นาทีของความทุกข์ใจ เท่ากับ เราเสียเวลาหาเงิน
- ใครที่บอกว่าเงินไม่สำคัญ แสดงว่า คนๆน้นไม่มีเงิน ทุกอย่างบนโลกใบนี้ต้องใช้เงินค่ะ
- คนที่เขารักเรา จะไม่ทำให้เราลำบาก เดือดร้อน เสียใจ เสียน้ำตา เสียความรู้สึก
- ผู้ชายที่ดี จะไม่เบียดเบียนกดดันให้เรารู้สึกผิด ไม่ยืมเงินหรือยุ่งเกี่ยวกับของๆเรา
ผู้ชายที่ดี จะไม่ทวงสิ่งที่ซื้อให้คุณกลับคืน (เพราะการที่เขาให้ก็คือให้ ไม่ใช่การให้เพื่อหว่านพืชหวังผล)
- คนที่ดี จะไม่พูดให้เรารู้สึกผิดหรือแย่ เมื่อเขาไม่ได้ดั่งใจ (ทวงบุญคุณ)
คนที่ดี จะไม่ด่าบุพการีของเราหรือของตัวเอง จงเลือกคนที่เขารักครอบครัว รู้จักกาลเทศะ ที่ต่ำที่สูง
- คนที่วุฒิภาวะอารมณ์ต่ำ เขาจะใช้คำพูดทำร้ายจิตใจเราบ่อยๆ ห่างได้ห่าง นานวันเข้าอาจทำร้ายร่างกาย บั่นทอนพลังงานชีวิต

      #สุดท้ายนี้ เราได้บทเรียนราคาแพงแสนสาหัส เราตระหนักคิดหวนคืนหลายเรื่องในอดีตชีวิตของเรา ประสบการณ์เลวร้ายมากมาย ต่อให้เราหาเงินเก่งแค่ไหนแต่ถ้าไม่ฉลาดในการใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ เราก็จะเจอแต่แบบนี้ เราขอกำลังใจให้ผ่านไปได้ด้วยนะคะ ถ้าผ่านไปได้จะมาอัพเดตให้อ่านใหม่

เราฝากบทความนี้ บอกพ่อแม่ครอบครัวของเราว่า เรารักท่านสุดหัวใจ ขอโทษและขอบคุณที่ท่านคอยอยู่เคียงข้างเราเสมอ ท่านเข้มแข็งและอดทนมากจริงๆ
ให้อภัยลูกสาวคนนี้ตลอดเลย 555 

    ปล. เราติดต่อแฟนเก่าเราตลอด แต่เขาตอบเราเพียงสั้นๆว่า เขาไม่มี ให้รอไปก่อน เขาก็ล้มละลายเหมือนกัน 😊
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่