ใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ สำหรับวันหยุดระยะสั้น หรือวันหยุดสุดสัปดาห์หละก็ "อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน"

ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สามารถขับรถมาเที่ยวกันได้ จะมากางเต้นท์ ชมทะเลหมอก ดูพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตกก็สวยงาม

เราเดินทางกัน 2 คน และช่วงเวลาที่เรามากันคือปลายปีค่ะ อากาศกำลังเย็นสบายเลยค่ะ (24-25 ธค. 2564)

ระหว่างทางตุนอาหารให้เต็มท้องกันก่อน เราฝากท้องกันที่ร้านคุ้นลิ้น ปากอ่าว เพชรบุรีค่ะ

จากนั้นก็แวะชม "ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงเรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง" กันก่อน ตอนเรามานี่หงอยเหงาสักหน่อยเพราะเรามาในช่วงบ่าย

เค้าจะปิดแล้ว ควรมาช่วงสายๆ เพราะเค้าจะมีกิจกรรมให้อาหารสัตว์ พาสัตว์มาเดินให้เด็กๆ ได้ชมอย่างใกล้ชิด

ขับต่อมาอีกไม่นานเราก็มีถึงหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานแล้ว ที่นี่กว้างใหญ่มาก เป็นอุทยานที่ใหญ่ที่สุดให้ประเทศไทยเลย

พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าเขา หน้าหนาวอากาศบริสุทธิ์และมีทะเลหมอกด้วย ไม่ต้องขึ้นดอยไปไกลๆ เราก็สามารถมาชมทะเลหมอกกันได้นะ

เราแวะถ่ายรูปกันที่สะพานแขวนกันก่อน อยู่ใกล้ๆ อุทยานนี่แหละ ถ่ายภาพชมความงามยามเย็นกับบรรยากาศเย็นๆ ได้เลย

หรือจะเดินข้ามสพานไปอีกฝั่งก็ได้นะ อาจจะมีหวาดเสียวเล็กน้อย

แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว เราต้องหาที่นอนสำหรับคืนนี้กันก่อน เราจองที่พักแบบเต้นโดมไว้ที่ บ้านวิวเขา แก่งกระจานค่ะ

ที่พักน่ารักพร้อมอาหารเย็น มีแบบกางเต้นท์ แบบเป็นหลัง และเป็นเต้นท์โดมใสด้วยนะ มีจุดถ่ายภาพสวยๆ หลายจุดเลย

เรานอนที่นี่ 1 คืน และจะขึ้นไปยังเขาพะเนินทุ่งในรุ่งเช้า การเดินทางขึ้นเขาพะเนินทุ่ง จะต้องติดต่อกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานฯ

อย่างน้อย 1 วัน และรอรับใบอนุญาตในการเดินทาง และเราสามารถขับรถขึ้นเขาพะเนินทุ่งได้ด้วยตัวเองค่ะ
แต่แนะนำให้เดินทางด้วยรถยนต์ที่ขับเคลื่อน 4 ล้อและมีสมรรถนะที่ดี เพราะทางค่อนข้างชันพอสมควร ส่วนใครที่ไม่อยากเอารถขึ้นไปเอง
ก็สามารถติดต่อกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เพื่อใช้บริการรถรับจ้างพาขึ้นไป โดยทางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจะอนุญาตให้นำรถขึ้นไปได้

2 ช่วงเวลาคือ 05.30-07.30 น. และ 13.00-15.00 น. และขาลงอีก 2 ช่วงเวลาคือ 09.00-10.00 น. และ 16.00-17.00 น. ค่ะ

เราเลือกใช้บริการรถรับจ้างหรือการเหมารถขึ้นไปนะคะ เพื่อความสะดวกเรื่องการเดินทาง แต่เอาจริงๆ ก็เกือบไม่ได้ไปนะ เพราะ
ไม่มีรถไปไม่ได้จองล่วงหน้า คิดเลยว่าต้องมาใหม่แน่ๆ ระหว่างกินข้าวเย็นเราได้ติดต่อในเพจ “พะเนินทุ่งที่รัก” ทางเฟสบุ๊คเพื่อขอจอยกรุ๊ปด้วย

เพราะว่าการเหมารถต่อคันนั้นต้องมีสมาชิกอย่างน้อย 5 คนขึ้นไป จะได้หารค่ารถได้ด้วย เราทิ้งข้อความไว้เผื่อมีผู้ร่วมชะตากรรม

และรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ แต่ก็เงียบกริบไม่มีการตอบกลับใดๆ เกือบรุ่งสาง (ตี 4) ตื่นขึ้นมาด้วยความกังวล

เพราะอยากรู้ว่าจะมีใครให้เราร่วมแจมไหม และเปิดดูข้อความที่ได้โพสทิ้งไว้ ปรากฎว่ามีเจ้าหน้าที่ตอบกลับมาหาเราทางและให้เรารีบติดต่อ

กับคนที่เค้าจองรถไว้โดยด่วน เพื่อถามว่ารถยังว่างอยู่หรือไม่ เราจึงรีบโทรไปหาคนที่จองรถ เพื่อขอไปกะเค้าด้วย โชคดีที่ยังมีที่เหลือให้เราสองคน

ดีใจสุดๆ ได้ไปแบบหวุดหวิดเลยอะ เพราะเป็นเวลาเกือบรถออกแล้ว (เกือบตี 5)

รีบล้างหน้าและมุ่งหน้าไปยังจุดนัดหมายบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวทันที (โดยไม่อาบน้ำ) 555+

จากจุดขึ้นรถใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. นั่งต้านลมจนหน้าชาเพราะอากาศหนาวมากในตอนเช้า

พอมาถึงก็ต้องเดินต่อไปหน่อย สำหรับจุดชมวิวทะเลหมอก ที่นี่มีห้องน้ำ ร้านอาหารด้วย

และมาม่าคัพร้อนๆ เหมาะสมกับสภาพอากาศเช่นนี้เป็นอย่างมากค่ะ

เราถ่ายรูปชมวิวกันอยู่พักใหญ่ แต่มุมมหาชนก็ต้องรอกันนานหน่อย โชคดีที่ฟ้าเปิดให้เห็นหมอกขาวนวลหนาแน่นเต็มพื้นที่

สวยงามโดยไม่ต้องเดินทางไกลไปถึงยอดดอย

เมื่อชมความงามจนเพลินอุราแล้วเราก็ลงจากเขา พร้อมชมธรรมชาติระหว่างทาง เพราะขาขึ้นมามืดจนมองอะไรไม่เห็นเลย

ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ เรามาแวะกินกาแฟร้านเพื่อนสามีสักเล็กน้อย..อยู่แถวๆ อัมพวาค่ะ ร้านเล็กๆ น่ารักๆ

และยังเป็นศูนย์อนุรักษ์แมวไทยที่หาชมได้ยากด้วยนะที่นี่คือ “บ้านแมวไทย” เป็นสถานที่อนุรักษ์พันธุ์แมวไทยโบราณค่ะ

บางพันธุ์ขอบอกว่าหายากมากๆ เกือบสูญพันธุ์ไปแล้วก็ว่าได้ คนรักแมวรับรองว่าต้องถูกใจแน่ถ้ามาเที่ยวที่นี่ เพราะเจ้าเหมียวทั้งหลายนั้น

เป็นสายพันธุ์โบราณที่ยังมีเพาะพันธุ์อยู่ที่นี่เท่านั้นด้วย นอกจากนี้ยังมีข้อมูลของแมวไทยพันธุ์ต่างๆ ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ไว้ให้ศึกษาอีกด้วย

ภายในบ้านแมวไทยโบราณมีเรือนเพาะเลี้ยงแมวไทย แบ่งเป็นกรงเลี้ยงแมวไทยประเภทต่างๆ

โดยสมุดข่อยโบราณได้กล่าวถึงแมวไทยไว้ทั้งหมด 23 สายพันธุ์ ได้แก่ แมวให้คุณ 17 ชนิด และแมวร้ายให้โทษอีก 6 ชนิด

แต่ปัจจุบันเหลือสายพันธุ์แมวไทยโบราณให้ชมเพียง 5 สายพันธุ์ คือ แมววิเชียรมาศ, แมวสีสวาด, แมวศุภลักษณ์, แมวโกนจา และแมวขาวมณี 

ชมแมวแล้วก็เข้ามาชิมรสชาติกาแฟกันบ้าง พี่จอร์นเจ้าของร้าน เลือดเขียวเหลืองศิษย์เก่าเทพศิรินทร์ ที่รักในกลิ่นกาแฟ

จึงมาเปิดร้านกาแฟที่บ้านเกิดตัวเอง นอกจากกาแฟสด ก็ยังมีกาแฟดริปสายพันธ์ต่างๆ ที่พี่เค้าแนะนำ และดริปให้ชิมกันจนเมากันไปเลยหละ

และถ้าใครหิว ที่นี่ก็มีอาหารด้วยนะ เช่น พิซซ่า, ซีซาร์ สลัด, ผักโขมอบชีส, สปาเก็ตตี้ และอีกหลายเมนูให้เลือกชิม มีความเป็นฟิวชั่นมากๆ 

ลองชิมแล้วอร่อยจริง...ไม่ได้อวยจ๊ะ

จบทริปวันหยุดใกล้กรุงแล้ว เที่ยวกันแบบชิลล์ๆ เสาร์อาทิตย์ 1 คืนก็สามารถชมความงามทะเลหมอกได้ที่ "เขาพะเนินทุ่ง" ค่ะ