1. วันที่ 19/7/2566 เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ได้ตรวจสอบยอดเงินในแอพ แจ้งว่ายอดเงินที่ไม่สามารถใช้ได้ 1000 บาท เลยโทรสอบถามทางธนาคาร ที่เบอร์ 02-888-8888 รอนานมาก กว่าจะได้คุย หลังจากนั้นพนักงานแจ้งว่า เราเป็นมิจฉาชีพ เราก็บอกว่าเราไม่ได้เป็น พนักงานแจ้งว่าคุณอาจเป็นมิจฉาชีพคนที่ 2 หลังจากนั้นเราขอข้อมูลว่ายอดไหนที่ว่าเราเป็นมิจฉาชีพ และจากใคร พนักงานบอกสักครู่ แล้วกลับมาบอกว่า เจ้าหน้าที่ทำงานในเวลาทำงานของธนาคารเท่านั้น พรุ่งนี้เที่ยงจะโทรแจ้งเราถามว่าทำไมต้องเที่ยง พนักงานบอกเค้าเข้างานเวลานั้น เราบอกว่าเรื่องนี้เร่งด่วน ช่วยแจ้งหัวหน้าคุณไว้ว่าให้ติดต่อกลับช่วงเช้า พนักงงานขอต่อเป็นก่อน 10 โมง
2. วันที่ 20/7/2566 10 โมงกว่า พนักงานโทรมาและแจ้งว่า เราคือ ต่อที่ 4 ที่รับเงินมา เป็นยอด 1000 บาทวันที่ 11/7/66 หลังจากนนั้นเรารวบรวมข้อมูลรายชื่อลูกค้าที่ซื้อสินค้าคนนั้นไปโรงพัก เพื่อทำการลงบันทึกประจำวัน
3. วันที่ 20/7/2566 11 โมงกว่า บัญชีแม่เราถูกอายัดเพราะเราโอนเงินให้แม่ทุกวัน แม่เป็น ต่อที่ 5 แต่บัญชีแม่โดนอายัดทั้งบัญชี ไม่ได้เฉพาะยอดเงินเท่านั้น
4. หลังจากนั้นเราเดินทางไปแจ้งความ แจ้งชื่อลูกค้าและสินค้ายอด 1000 บาท ตามที่ธนาคารแจ้ง
5. วันที่ 20/7/2566 บ่าย 2 โมงกว่า ธนาคารโทรกลับมาแจ้งว่า ยอดที่ส่งสัยคือยอด 3900 ซึ่งพนักงานของธนาคารแจ้งข้อมูลไม่ตรงกัน สอบถามที่มาที่ไปหลักฐานการแจ้งอายัดอะไรไม่ได้เลย คำตอบเดี่ยวคือ ทำตาม พ.ร.ก.ป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ ให้รอไป
คำถามคือ
1. คุณอายัดเงิน และไม่มีการแจ้งเจ้าของเงินเลย ต้องรอให้เข้าไปดูเอง ได้เหรอ?
2. การตอบคำถามไม่ชัดเจนว่า คุณจะอายัดบัญชีใคร ด้วยเหตุผลอะไรบ้าง เพราะถ้า 4 ต่อนี้คือมันเหตุผลเพียงพอเหรอ เพราะโอนต่อกันมา
3. เราทำงานขายของออนไลน์ ลูกค้าสั่งซื้อสินค้ามา เราจะรู้ไหม ว่า 3 คนก่อนหน้าคือมิจฉาชีพ
4. เพราะฉะนั้นคือทางที่ปลอดภัยที่สุดคือรับซื้อสินค้าด้วยเงินสดเท่านั้น รับ QR CODE ก็อาจโดนอายัดได้ ใช่ไหม
5. ทางธนาคารไม่สามารถตอบได้ว่า มีปัจจัยอะไรบ้างที่คุณแยกระหว่างธุรกรรมทางธุรกิจหรือธุรกรรมของมิจฉาชีพ ได้ คุณนึกอยากอายัดบัญชีไหนๆก็สามารถทำได้ เพียงเพราะเราฝากเงินไว้ที่คุณ ซึ่งมันไม่ใช่เงินของคุณ
และสุดท้าย เราต้องรอ 7 วัน และหลังจากนั้นต้องไปขึ้นศาลเพื่อชี้แจงอีก
โดนธนาคารกสิกรไทยแจ้งอายัดบัญชี เพราะแจ้งว่าเราเป็นบัญชีมิจฉาชีพ
2. วันที่ 20/7/2566 10 โมงกว่า พนักงานโทรมาและแจ้งว่า เราคือ ต่อที่ 4 ที่รับเงินมา เป็นยอด 1000 บาทวันที่ 11/7/66 หลังจากนนั้นเรารวบรวมข้อมูลรายชื่อลูกค้าที่ซื้อสินค้าคนนั้นไปโรงพัก เพื่อทำการลงบันทึกประจำวัน
3. วันที่ 20/7/2566 11 โมงกว่า บัญชีแม่เราถูกอายัดเพราะเราโอนเงินให้แม่ทุกวัน แม่เป็น ต่อที่ 5 แต่บัญชีแม่โดนอายัดทั้งบัญชี ไม่ได้เฉพาะยอดเงินเท่านั้น
4. หลังจากนั้นเราเดินทางไปแจ้งความ แจ้งชื่อลูกค้าและสินค้ายอด 1000 บาท ตามที่ธนาคารแจ้ง
5. วันที่ 20/7/2566 บ่าย 2 โมงกว่า ธนาคารโทรกลับมาแจ้งว่า ยอดที่ส่งสัยคือยอด 3900 ซึ่งพนักงานของธนาคารแจ้งข้อมูลไม่ตรงกัน สอบถามที่มาที่ไปหลักฐานการแจ้งอายัดอะไรไม่ได้เลย คำตอบเดี่ยวคือ ทำตาม พ.ร.ก.ป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ ให้รอไป
คำถามคือ
1. คุณอายัดเงิน และไม่มีการแจ้งเจ้าของเงินเลย ต้องรอให้เข้าไปดูเอง ได้เหรอ?
2. การตอบคำถามไม่ชัดเจนว่า คุณจะอายัดบัญชีใคร ด้วยเหตุผลอะไรบ้าง เพราะถ้า 4 ต่อนี้คือมันเหตุผลเพียงพอเหรอ เพราะโอนต่อกันมา
3. เราทำงานขายของออนไลน์ ลูกค้าสั่งซื้อสินค้ามา เราจะรู้ไหม ว่า 3 คนก่อนหน้าคือมิจฉาชีพ
4. เพราะฉะนั้นคือทางที่ปลอดภัยที่สุดคือรับซื้อสินค้าด้วยเงินสดเท่านั้น รับ QR CODE ก็อาจโดนอายัดได้ ใช่ไหม
5. ทางธนาคารไม่สามารถตอบได้ว่า มีปัจจัยอะไรบ้างที่คุณแยกระหว่างธุรกรรมทางธุรกิจหรือธุรกรรมของมิจฉาชีพ ได้ คุณนึกอยากอายัดบัญชีไหนๆก็สามารถทำได้ เพียงเพราะเราฝากเงินไว้ที่คุณ ซึ่งมันไม่ใช่เงินของคุณ
และสุดท้าย เราต้องรอ 7 วัน และหลังจากนั้นต้องไปขึ้นศาลเพื่อชี้แจงอีก