สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ถ้าแท็ค เฉพาะปัญหาชีวิต หรือ สุขภาพจิต เราจะตอบอีกแบบหนึ่ง แต่คุณแท็ค ศาสนาพุทธมาด้วย เราจะพยายามช่วยคุณตามกำลังความสามารถของเรานะคะ หวังว่าจะเกิดประโยชน์ต่อคุณ (และผู้ที่มีปัญหาเดียวกันที่ได้เข้ามาอ่านบ้าง)
ก่อนอื่น … ให้คุณรู้ตรงไปตรงมา เฉพาะ สุข / ทุกข์ ในใจคุณก่อน
ตอนนี้ คุณ กำลัง “ทุกข์” ใจ ใช่ไหมคะ ?
ลองรู้ให้ละเอียดขึ้นอีก …
ทุกข์ ที่อยู่ในใจ สภาพของมัน ก็ไม่เท่าเดิมใช่ไหม ? …
เช้าๆตื่นมา หากยังไม่มีอะไรมากระทบใจ ก็ยังไม่ทุกข์ ได้ยินเสียงแม่ด่า เริ่มทุกข์ __
เมื่อคิด “อยาก” ด่าตอบ แต่ต้องอดทนไว้ … เมื่อคิด “อยาก” หนีไปให้ไกลๆ แต่ทำไม่ได้
เมื่อ “ไม่อยาก” อยู่ตรงนี้อีกแล้ว แต่ไม่เจอทางออกใดๆเลย ความจำเป็นบังคับให้ต้องอดทน แต่ “ไม่อยาก” ทน อีกต่อไปแล้ว
กระบวนการเหล่านี้ คุณไม่ต้องรีบทำค่ะ แต่ให้รู้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เหมือนเฝ้าดูเฝ้าสังเกตจิตใจตัวเอง
คุณจะเห็นชัด ว่า ความทุกข์ มันจะเกิดขึ้นได้ เมื่อ มี เหตุ
เหตุ ที่ทำให้เกิดทุกข์ คือ ความอยาก และ ไม่อยาก นี่แหละ …
ทุกข์จะทวีขึ้นตามความอยาก และจะบรรเทาลง เมื่อความอยากลดลง … ลองสังเกตดูนะคะ
สภาวะของคนที่ จำเป็นต้อง อดทน ดูแล แม่ ที่เคยทำไม่ดีกับตนมา
ตีแผ่ออกมาชัดๆ คือ สภาพ จำยอมให้กับ บุคคลที่มีสถานะเหนือกว่า … (ที่ทั้งชาตินี้ ก็ลบล้างคำว่า มารดาบังเกิดเกล้าออกไปไม่ได้)
เรื่องอดีต เคยทำกรรมกันมาอย่างไร ปัจจุบันถึงต้องมาชดใช้กันอย่างนี้ ถ้ารู้ต้นสายปลายเหตุด้วยการระลึกชาติได้ ก็ดีไป
แต่ถ้าทำไม่ได้ด้วยตนเอง ก็ยากที่จะเชื่อ เรื่องที่ตนลืมไปสิ้นแล้ว … ก็ไม่เป็นไร … มาดูปัจจุบันกันนี่แหละ
1 ความจริง ที่หลีกไม่ได้ คือ ท่านอยู่ในสถานะ มารดาผู้ให้กำเนิด
2 ความจริง ที่ไม่อยากให้เกิด คือ ท่าน สร้างบาดแผลบาดลึกทางใจไว้ให้คุณ
บุญคุณต้องตอบแทน แค้นไม่ต้องจดจำ …. ถ้าทำได้แบบนี้ คนที่ได้ประโยชน์ คือ ตัวคุณเองค่ะ
__ ดูแลท่าน ให้ดีที่สุด ในแบบที่ คุณต้องการได้รับจากคนดูแล ตอนที่คุณช่วยเหลือตัวเองลำบาก ตอนอายุ 86 ปี
และพึงมีสติระลึกไว้เสมอว่า สิ่งที่คุณกำลังทำนี้ สร้างผลดีๆ ให้ตัวเองได้เก็บเกี่ยวภายหน้าทั้งสิ้น
__ ไม่ต้องรักท่านหรอกค่ะ เมื่อรู้ว่าท่านเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่มาจองเวรกันในสถานะผู้ให้กำเนิด ยิ่งคุณเกลี่ยดเท่าไหร่ยิ่งไม่อยากเจอเท่าไหร่
คุณยิ่งต้อง “ไม่ก่อเวร” กับท่านเพิ่มอีก
หากจิตใจขุ่นเคืองขึ้นมาเมื่อใด ให้คุณใช้เป็นสัญญาณเตือน ว่านี่คือ ทุกข์ในสังสารวัฏขั้นเบา ที่คุณต้องเผชิญ
ลองอ่านข่าวทั่วโลก
มนุษย์ ทำร้ายกันและกัน โหดร้าย ป่าเถื่อนกว่านี้หลายเท่า ตายด้วยความอาฆาต จองเวร และเกิดใหม่มาเจอกันเมื่อไหร่ ก็อดไม่ไหว
ที่จะต้องลงไม้ลงมือต่อกันอีก ….
คนที่มีสติ มีปัญญาดีๆเท่านั้น จึงจะแหวก วงจรนี้ออกไปได้ชั่วคราว
คนที่มีสติปัญญา ระดับบริสุทธิ์หลุดพ้นเท่านั้น จึงจะตัดวงจรนี้ได้อย่างเด็ดขาด …
สรุป …
ทางกาย ให้คุณทำหน้าที่ลูกให้ดี / ทางใจ ให้คุณตั้งเป้าหมายไว้ว่า คุณจะไม่เกิดมาทุกข์ทนเพราะเรื่องพวกนี้อีก แล้วปฏิบัติตามมรรคปฏิปทานะคะ
ก่อนอื่น … ให้คุณรู้ตรงไปตรงมา เฉพาะ สุข / ทุกข์ ในใจคุณก่อน
ตอนนี้ คุณ กำลัง “ทุกข์” ใจ ใช่ไหมคะ ?
ลองรู้ให้ละเอียดขึ้นอีก …
ทุกข์ ที่อยู่ในใจ สภาพของมัน ก็ไม่เท่าเดิมใช่ไหม ? …
เช้าๆตื่นมา หากยังไม่มีอะไรมากระทบใจ ก็ยังไม่ทุกข์ ได้ยินเสียงแม่ด่า เริ่มทุกข์ __
เมื่อคิด “อยาก” ด่าตอบ แต่ต้องอดทนไว้ … เมื่อคิด “อยาก” หนีไปให้ไกลๆ แต่ทำไม่ได้
เมื่อ “ไม่อยาก” อยู่ตรงนี้อีกแล้ว แต่ไม่เจอทางออกใดๆเลย ความจำเป็นบังคับให้ต้องอดทน แต่ “ไม่อยาก” ทน อีกต่อไปแล้ว
กระบวนการเหล่านี้ คุณไม่ต้องรีบทำค่ะ แต่ให้รู้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เหมือนเฝ้าดูเฝ้าสังเกตจิตใจตัวเอง
คุณจะเห็นชัด ว่า ความทุกข์ มันจะเกิดขึ้นได้ เมื่อ มี เหตุ
เหตุ ที่ทำให้เกิดทุกข์ คือ ความอยาก และ ไม่อยาก นี่แหละ …
ทุกข์จะทวีขึ้นตามความอยาก และจะบรรเทาลง เมื่อความอยากลดลง … ลองสังเกตดูนะคะ
สภาวะของคนที่ จำเป็นต้อง อดทน ดูแล แม่ ที่เคยทำไม่ดีกับตนมา
ตีแผ่ออกมาชัดๆ คือ สภาพ จำยอมให้กับ บุคคลที่มีสถานะเหนือกว่า … (ที่ทั้งชาตินี้ ก็ลบล้างคำว่า มารดาบังเกิดเกล้าออกไปไม่ได้)
เรื่องอดีต เคยทำกรรมกันมาอย่างไร ปัจจุบันถึงต้องมาชดใช้กันอย่างนี้ ถ้ารู้ต้นสายปลายเหตุด้วยการระลึกชาติได้ ก็ดีไป
แต่ถ้าทำไม่ได้ด้วยตนเอง ก็ยากที่จะเชื่อ เรื่องที่ตนลืมไปสิ้นแล้ว … ก็ไม่เป็นไร … มาดูปัจจุบันกันนี่แหละ
1 ความจริง ที่หลีกไม่ได้ คือ ท่านอยู่ในสถานะ มารดาผู้ให้กำเนิด
2 ความจริง ที่ไม่อยากให้เกิด คือ ท่าน สร้างบาดแผลบาดลึกทางใจไว้ให้คุณ
บุญคุณต้องตอบแทน แค้นไม่ต้องจดจำ …. ถ้าทำได้แบบนี้ คนที่ได้ประโยชน์ คือ ตัวคุณเองค่ะ
__ ดูแลท่าน ให้ดีที่สุด ในแบบที่ คุณต้องการได้รับจากคนดูแล ตอนที่คุณช่วยเหลือตัวเองลำบาก ตอนอายุ 86 ปี
และพึงมีสติระลึกไว้เสมอว่า สิ่งที่คุณกำลังทำนี้ สร้างผลดีๆ ให้ตัวเองได้เก็บเกี่ยวภายหน้าทั้งสิ้น
__ ไม่ต้องรักท่านหรอกค่ะ เมื่อรู้ว่าท่านเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่มาจองเวรกันในสถานะผู้ให้กำเนิด ยิ่งคุณเกลี่ยดเท่าไหร่ยิ่งไม่อยากเจอเท่าไหร่
คุณยิ่งต้อง “ไม่ก่อเวร” กับท่านเพิ่มอีก
หากจิตใจขุ่นเคืองขึ้นมาเมื่อใด ให้คุณใช้เป็นสัญญาณเตือน ว่านี่คือ ทุกข์ในสังสารวัฏขั้นเบา ที่คุณต้องเผชิญ
ลองอ่านข่าวทั่วโลก
มนุษย์ ทำร้ายกันและกัน โหดร้าย ป่าเถื่อนกว่านี้หลายเท่า ตายด้วยความอาฆาต จองเวร และเกิดใหม่มาเจอกันเมื่อไหร่ ก็อดไม่ไหว
ที่จะต้องลงไม้ลงมือต่อกันอีก ….
คนที่มีสติ มีปัญญาดีๆเท่านั้น จึงจะแหวก วงจรนี้ออกไปได้ชั่วคราว
คนที่มีสติปัญญา ระดับบริสุทธิ์หลุดพ้นเท่านั้น จึงจะตัดวงจรนี้ได้อย่างเด็ดขาด …
สรุป …
ทางกาย ให้คุณทำหน้าที่ลูกให้ดี / ทางใจ ให้คุณตั้งเป้าหมายไว้ว่า คุณจะไม่เกิดมาทุกข์ทนเพราะเรื่องพวกนี้อีก แล้วปฏิบัติตามมรรคปฏิปทานะคะ
แสดงความคิดเห็น
ขอคำแนะนำการแก้ปัญหาชีวิต(ที่มองไม่เห็นทางออก)
ข้าพเจ้าใคร่ขอคำปรึกษาจากผู้รู้หรือผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับปัญหาชีวิตเช่นนี้ ดังจะได้ถ่ายทอดให้ทุกท่านได้อ่านในลำดับต่อไป และในขณะนี้ข้าพเจ้าตกอยู่ในสภาพที่หาทางออกไม่ได้เลย
โดยไม่ทราบด้วยเหตุใดแน่ชัดที่ปัจจุบันข้าพเจ้าถึงได้มีความรู้สึก ‘เกลียด’แม่ของตัวเองเป็นอย่างมาก และดูเหมือนจะมากขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่จำต้องมาดูแลท่าน(ปัจจุบันท่านอายุ 86 แล้ว) และรับรู้ได้ว่ามาจากก้นบึ้งของจิตใจตัวเองจริงๆ ไม่ใช่เป็นแค่อารมณ์ชั่วครั้งชั่วคราว จริงอยู่ที่อาจจะด้วยแม่เป็นคนใจร้อนอารมณ์ร้ายและบางครั้งก็ถึงกับลงมือลงไม้ทำร้ายคน(แม้จนทุกวันนี้) และในอดีตก็ได้สร้างความทรงจำที่ไม่ดีไว้กับข้าพเจ้าอยู่ไม่น้อย แต่วันนี้ก็ไม่นึกว่าจะฝังเป็นความเกลียดชังในใจของข้าพเจ้าได้มากถึงเพียงนี้ เพราะที่ผ่านมาก็พยายามลืมและให้อภัยท่านมาตลอด ทุกวันนี้ชีวิตข้าพเจ้าเหมือนตกนรกทั้งเป็น เพราะตกอยู่ในสภาวะของความขัดแย้งอยู่ตลอดเวลา เป็นความขัดแย้งระหว่างความเกลียดชังกับความสำนึกในเรื่องความกตัญญู และสภาวะที่ความเกลียดชังพุ่งสูงที่สุดคือ การถูกสั่งหรือถูกบังคับให้ทำเรื่องใดเรื่องหนึ่ง บางคราวเก็บกดความเกลียดชังไว้ไม่ได้ก็เผลอพูดจาไม่ดีกับท่าน และทุกครั้งก็รู้สึกผิดพร้อมกับนึกตำหนิตัวเอง
อยากหนีไปไกลๆหนีไปจากสภาพความขัดแย้งอันนี้แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ความเครียดและเบื่อหน่ายกับชีวิตมีมากจนส่งผลให้สภาพจิตใจและร่างกายย่ำแย่ลงทุกวัน และยังไม่รู้ว่าจะหาทางออกให้กับปัญหานี้อย่างไร
ถ้าเป็นคำอธิบายในศาสนาของเรา ก็คงเป็นเรื่องของวิบากกรรมที่ข้าพเจ้ากับแม่มีต่อกันแต่ชาติปางก่อน และถ้าเป็นเช่นนั้นก็สุดที่จะทำนายได้ว่าจะหมดสิ้นต่อกันเมื่อใด ที่สำคัญข้าพเจ้าจะอดทนไปได้อีกนานเพียงใด
ได้โปรดช่วยชี้แนะด้วยครับ
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง