อเมริกามีประธานาธิบดีมาแล้ว 46 คนแน่นอนนักประวัติศาสตร์ชอบและเกลียด ประชาชนชอบและเกลียดเรามาดู 10 อันดับประธานาธิบดียอดแย่ของอเมริกากันดีกว่า
10 แอนดรูว์ แจ็คสัน
เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 7 (4 มีนาคม ปี 1829 ถึง 4 มีนาคม ปี 1837) เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกจากพรรคเดโมแครต เขาเป็นเจ้าของทาส เขาเหยียดผิว เขาปฎิบัติต่อชนพื้นเมืองอย่างโหดร้ายมาก เหยียดผิวเขาไม่สนใจเลยที่ คำตัดสินของศาลสูงสุดของสหรัฐที่ตัดสินให้ ชนพื้นเมืองเผ่าโชลากี ชนะระหว่างการต่อสู้กับชนพื้นเมืองด้วยกันเอง ฝ่ายบริหารออกกฎหมาย กำจัดชนพื้นเมืองอเมริกัน หรือ Removed Indian Act แจ็คสันคัดค้านไม่ให้หนังสือพิมพ์เผยแพร่การต่อต้านระบบทาส เขาประกาศสงครามกับธนาคารแห่งชาติ และ ชนะสงครามธนาคารแห่งชาติจนเมื่อไม่มีธนาคารแห่งชาติเศรษฐกิจก็ตกต่ำ แจ็คสันเอง มีส่วนทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ ผู้คนตกงาน ธุรกิจธนาคารล้มเหลว และมีส่วนทำให้เกิดเส้นทางแห่งนํ้าตา ซึ่งทำให้ชนพื้นเมืองหลายแสนคนต้องเดินทางหลายไมล์ จนล้มตายเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่ามีส่วนทำให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์เลยก็ว่าได้ มีรองประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี เป็นคี้งแรกที่ประธานาธิบดีสหรัฐมีรองประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี
9 แซคารี เทย์เลอร์
เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 12 (4 มีนาคม ปี 1849 จนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมในวันที่ 9 กรกฎาคม ปี 1850) สังกัดพรรควิก เขาเป็นวีรบุรุษสงครามเม็กซิโกอเมริกัน เขาไม่เคยลงคะแนนเลือกตั้งเลยสักครั้งเดียว พรรควิกต้องการเขาลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่จริงเขาไม่ได้อยากจะเป็นเลย เขาชนะการเลือกตั้ง เขาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนสุดท้ายที่เป็นเจ้าของทาส ก่อนสงครามกลางเมือง เขาไร้ประสบการณ์ทางการเมืองอย่างมาก เมื่อเกิดความขัดแย้งในเรื่องทาส เขาตอบสนองมันได้ดี แต่ในเดือน กรกฎาคม เขาได้เผลอดื่ม นม และ เชอรี่ ในช่วงที่อากาศร้อน ส่งผลให้ สุขภาพของแย่ลงและ เขาเสียชีวิตด้วยโรคที่ เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร หลังการเสียชีวิตของเขา สถานการณ์ความขัดแย้งในเรื่องทาส ก็แย่ลงหลังจากนั้น
8 โจ ไบเดน
ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 (20 มกราคม ปี 2021 ถึงปัจจุบัน) สังกัดพรรคเดโมแครต เขาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐที่อายุ มากที่สุดในประวัติศาสตร์ 78 ปี และ คนแรกที่นับถือคาทอลิก เขาถอดทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถาน ซึ่งทำให้กลุ่มก่อการร้ายตาลีบันกลับมามีอำนาจ อัฟกานิสถานไม่สงบสุขเลย เศรษฐกิจฟื้นฟูได้ไม่นาน เงินเฟ้อก็สูงให้เงินช่วยเหลือแก่ยูเครนส่งผลให้สงครามรัสเซียยูเครนและ สงครามอิสราเอล กับ กลุ่มฺฮามาส ไม่มีที่สิ้นสุด วิกฤตนํ้ามัน รองประธานาธิบดีสหรัฐที่ไม่ค่อยดี ไม่ได้มีความพยายามที่จะยุติภาวะเงินเฟ้อ วิกฤตน้ำมัน ไม่ได้มีความพยายามมี่จะยุติสงครามในต่างประเทศเลย ปล่อยไก่บ่อยเพราะความจำ
7 เบนจามิน แฮร์ริสัน
เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 23 (4 มีนาคม ปี 1889 ถึง 4 มีนาคม ปี 1893) สังกัดพรรครีพับลิกัน เขาเป็นหลานชายของ วิลเลียม เฮนรี่ แฮร์ริสัน เขาเอาชนะ โกรเวอร์ คลิฟแลนด์ แม้ว่าจะแพ้คะแนนเสียงจากประชาชนแต่ชนะจากคะแนนของคณะผู้เลือกตั้ง เขาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ติดตั้งไฟฟ้าในทำเนียบขาวแต่เขาปฎิเสธที่จะใช้มันเพราะกลัวถูกไฟฟ้าช็อต เขาเป็นคนที่เก็บภาษีสูงอย่างมาก ซึ่งส่งผลร้านต่อเศรษฐกิจ การแบ่งแยกเชื้อชาติในภาคใต้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เขาตอบสนองได้น้อย เหตุการณ์สังหารหมู่ชนพื้นเมืองทั่วสหรัฐ ระหว่างการยอมรับ 6 รัฐใหม่ ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ นอกจากนี้เขายังสนับสนุนระบบอุปถัมภ์ เศรษฐกิจไม่ค่อยเฟื่องฟูระหว่างดำรงตำแหน่ง นโยบายเศรษฐกิจของเขาแน่นำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจปี 1893 ภรรยาของเขาได้เสียชีวิตช่วงท้ายวาระ และเขาแต่งงานใหม่หลังออกจากทำเนียบขาว
6 จอห์น ไทเลอร์
ขึ้นดำรงตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 9 (4 เมษายน ปี 1841 ถึง 4 มีนาคม ปี 1845) สังกัดพรรควิก และ อิสระ เขาขึ้นดำรงตำแหน่งภายหลังจากที่ วิลเลียม เฮนรี่ แฮร์ริสัน เสียชีวิต ด้วยโรคปอดบวม เขาเป็นรองประธานาธิบดีคนแรกที่สืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดี ภรรยาของเขาเสียชีวิตในระหว่างดำรงตำแหน่ง เขาจึงได้แต่งงานกับภรรยาใหม่ซึ่งมีอายุห่างกันเขาหลายปี และ เป็นประธานาธิบดีที่มีลูกเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ เขาเป็นคนที่สนับสนุนระบบทาสอย่างมาก จ้างคนมาเป็นคณะรัฐมนตรีโดยไม่แต่งตั้ง เชื่อว่าคนขาวเป็นใหญ่ เขาถูกขับออกจากพรรค คณะรัฐมนตรีลาออกเกือบหมด เกือบถูกฟ้อง กลายเป็นเป็ดง่อย เขาประกาศให้รัฐเท็กซัสที่ผนวกมาเป็นรัฐที่มีทาส เช่นเดียวกับ มลรัฐฟลอริดาที่ ยอมรับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพ ฟื้นฟูเศรษฐกิจช้าทั้งๆ ที่ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น หลังออกจากตำแหน่ง เป็นกบฏต่อชาตินั้นคือเข้าร่วมและสนับสนุนฝ่ายใต้ ช่วงสงครามกลางเมืองด้วยการลงสมัคร ส.ส. ฝ่ายใต้ และ เสียชีวิตในภายหลังดำรงตำแหน่ง
5 เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์
ป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 31 (4 มีนาคม ปี 1929 ถึง 4 มีนาคม ปี 1933) สังกัดพรรครีพับลิกัน เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ไม่เคยได้รับเลือกตั้งในตำแหน่งทางการเมืองมาก่อน และ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่เคยเป็น รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ในสมัยของ วอร์เรน จี. ฮาร์ดิง และ แคลวิน คูลิดจ์ เมื่อ อีกด้วย ฮูเวอร์ เข้ารับตำแหน่งได้ไม่ถึงปี ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐล่ม สหรัฐเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ เขาเนรเทศชาวเม็กซิกันด้วยให้เหตุผลว่า เป็นต้นเหตุของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ฮูเวอร์เองตอบสนองมันหลายวิธีที่ซึ่งไม่เป็นผล ซึ่งฮูเวอร์ลงนามในกฎหมาย Smoot–Hawley Tariff Act ซึงเป็นกฏหมายขึ้นภาษีเงินได้แต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำนั้นเลวร้ายลงไปอีกหลายปี เพราะรัฐบาลมีการขึ้นภาษีการค้าระหว่างประเทศซึ่งมันไม่ได้ข่วยอะไรนอกจากการทำลายธุรกิจ ผู้คนตกงานและตัดสินใจฆ่าตัวตาย ประชาชนจนหนัก หนี้ของประเทศสูงอย่างมาก ทหารผ่านศึกหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ประท้วงโบนัส ฝ่ายบริหารของฮูเวอร์ปราบปรามพวกเขาด้วยความรุนแรง และปัญหาก็อาชญากรรมสูงอย่างมากในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกครั้งใหญ่
4 แฟรงคลิน เพียร์ซ
เป็นประธานาธิบดี สหรัฐคนที่ 14 (4 มีนาคม ปี 1853 ถึง 4 มีนาคม ปี 1857)
ก่อนหน้าที่เพียร์ซจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ลูกของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถไฟชน เมื่อได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ฝ่ายบริหารของเขาออกฎหมาย Kansas Nebraska Act ซึ่งเป็นกฎหมายที่ขยายระบบทาสไปสู่รัฐในดินแดนใหม่ๆ เพียร์ซ ก็ยอมลงนามในกฎหมายดังกล่าว สุดท้ายเกิดการนองเลือดที่แคนซัส โดยกลุ่มที่สนับสนุนการเลิกทาส และ กลุ่มที่สนับสนุนการมีทาส ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก โดยคนที่ลงมือคือ จอห์น บราวน์ ก่อเหตุการสังหารหมู่ผู้นิยมการมีทาส เป็นสงครามกองโจร เป็นความรุนแรงในแคนซัส เป็นข่าวใหญ่ระดับชาติ ซึ่งกฎหมาย Kansas Nebraska Act นั้นเป็นกฎหมายที่เลวร้ายที่สุด เพราะเป็นกฎหมายที่เพิ่มความขัดแย้งในเรื่องทาสให้บานปลายเป็นสงครามกลางเมืองในเวลาต่อมา เขาไม่สามารถ ปรับปรุงความสัมพันธ์กับสหราชอาณาจักรได้ ล้มเหลวในการซื้อดินแดนคิวบา มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับรัฐสภา
3 แอนดรูว์ จอห์นสัน
ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 17 (15 เมษายน ปี 1865 ถึง 4 มีนาคม ปี 1869) สังกัด พรรคเดียวหลังจากประธานาธิบดีคนก่อน ซึ่งก็คือ อับราฮัม ลินคอล์น ถูกลอบสังหาร ในโรงละคร ก่อนที่ จอห์นสัน จะได้เป็น ประธานาธิบดี จอห์นสัน เป็นสมาชิก พรรคเดโมแครตจากภาคใต้ รัฐเทนเนสซี แต่ ลินคอล์น เลือก จอห์นสัน เป็นรองประธานาธิบดี เพื่อให้ทุกคนมองว่าสหรัฐกำลังจะรวมกันเป็นหนึ่งอันเดียวกัน พอหลังสงครามกลางเมืองสิ้นสุดลง มีการเลิกทาส ทาสกลายเป็นเสรีชน นำไปสู่สมัยบูรณะประเทศหลังสงครามกลางเมือง เมื่อจอห์นสัน เป็นประธานาธิบดีเขาคัดค้านร่างกฎหมายสิทธิพลเมืองให้กับทาสที่เป็นเสรชน สนับสนุน กฎหมาย Jim Crow Laws เพื่อแบ่งแยกเชื้อชาติในภาคใต้ของสหรัฐ ส่งผลให้เกิดกลุ่ม ก่อการร้าย Klu Klux Klan กลุ่มก่อการร้ายที่มีอคติทางเชื้อชาติ เหตุการณ์จลาจลทางเชื้อชาติในปี 1866 มีการสังหารหมู่ทาสที่เป็นเสรีชนแล้งหลังสงครามกลางเมือง และ พยายามไล่รัฐมนตรีกลาโหมออกไป รวมไปถึงอภัยโทษให้กับ นักการเมืองทางใต้ ซึ่งเป็นอดีตพวกของฝ่ายใต้ในช่วงสงครามกลางเมือง จนทำให้เขาถูกฟ้องโดนถอดถอน แต่ไม่ออกจากตำแหน่งเพราะขาดไปหนึ่งเสียง
2 เจมส์ บูคานัน
เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 15
(4 มีนาคม ปี 1857 ถึง 4 มีนาคม ปี 1861) สังกัดพรรคเดโมแครตเคยเป็นทูตอเมริกาประจำสหราชอาณาจักรในสมัยของ แฟรงคลิน เพียร์ซ เขาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ไม่แต่งงาน บูคานัน ลงแข็งเป็นตัวแทนของพรรคแลกได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรค และชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 1856 เมื่อได้รับตำแหน่งประธานาธิบดี เจอกรณี เดรด สก็อต ทาสที่ขึ้นเหนือเป็นเสรีชนถูกส่งกลับไปเป็นทาส เมื่อเจ้าของทาสเสียชีวิต ก็ถูกขายต่อ คำตัดสินของศาลคือ เดรด สก็อต ไม่ได้เป็นพลเมือง และไม่มี สิทธิฟ้องซึ่งเป็นคำตัดสิน หลังถูกนายทาส ส่งกลับไปที่ภาคใต้ของสหรั บูคานัน เองพยายามให้ ฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ กลับมาเป็นหนึ่งอันเดียวกันให้ได้ แต่สุดท้ายก็แตกกันมากขึ้นจนไม่สามารถควบคุใได้ เขาคัดค้านการควบคุมมลรัฐในดินแดนใหม่ว่าจะเป็นรัฐทาสหรือรัฐเสรีส่งผลให้ความขัดแย้งบานปลายเป็นสงครามกลางเมือง ฝ่ายบริหารส่งปืนหลายกระบอกไปในภาคใต้ซึ่งจุดชนวนสงครามกลางเมือง
1 วูดโรว์ วิลสัน
เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 28
(4 มีนาคม ปี 1913 ถึง 4 มีนาคม ปี 1921) และเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่เคยเป็นนักวิชาการมาก่อน สังกัดพรรคเดโมแครต วิลสัน ชนะ ทัฟท์ และ ธีโอดอร์ รูสเวลต์ ได้เพราะ รูสเวลต์ ลงสมัครในนามพรรคทางเลือกที่ 3 เมื่อวิลสันได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีวิลสันให้อำนาจรัฐบาลจัดเก็บภาษีเงินได้ของประชาชน ก่อตั้งระบบธนาคารกลางเพื่อเป็นระบบเงินสำรองของรัฐบาลกลางดูแลระบบการเงินอย่างกว้างขวางรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ แต่รับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจำได้ไม่ดี วิลสันสนับสนุนการแบ่งแยกเชื้อชาติในภารัฐ และ สนับสนุน กฎหมาย Jim Crow Laws เพื่อแบ่งแยกเชื้อชาติในภาคใต้ของสหรัฐ ฉาย หนัง The Birth Of Nation ในทำเนียบขาว ซึ่งแสดงที่วีรกรรมของ กลุ่มก่อการร้ายที่มีอคติทางเชื้อชาติ Klu Klux Klan ส่งผลให้กลุ่มก่อการร้ายที่มีอคติทางเชื้อชาติ Klu Klux Klan กลับมามีบทบาทจนถึงปัจจุบัน สนับสนุนการแทรกแซงอเมริกาใต้อย่างไร้เหตุไร้ผล โกหกว่าจะไม่เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ในการหาเสียงเลือกตั้งสมัยที่ 2 สุดท้ายเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ฝ่ายบริหารออกฎหมาย Espionage Act และ Sedition Act เพื่อไม่ให้คนวิพากษ์วิจารณ์สงครามโลกที่ 1 และ รัฐบาลกลาง ต่อต้านเสรีภาพในการพูดและเสรีภาพพลเมือง อย่างรุนแรง เจรจาข้อเสนอ 14 คะแนน นำไปสู่สนธิสัญญาแวร์ซายส์ และ การตั้งองค์การสันนิบาตชาติ แต่รัฐสภาสหรัฐไม่สามารถเข้าร่วมองค์การสันนิบาตชาติได้ นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 สถาบันกษัตริย์ในยุโรปถูกทำลาย ไม่ตอบสนองเหตุการณ์จลาจลทางเชื้อชาติในปี 1919 มีการสังหารหมู่คนผิวสีหลายร้อยคนทั่วสหรัฐในภาคใต้และบางส่วนของภาคเหนือของประเทศ เศรษฐกิจตกต่ำหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เกลียดสิทธิสตรีส่งผลให้ผู้หญิงมีสิทธิเลือกตั้งล่าช้าอย่างมาก
10 อันดับ ประธานาธิบดียอดแย่ของอเมริกาความคิดเห็นส่วนตัวผม
10 แอนดรูว์ แจ็คสัน
เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 7 (4 มีนาคม ปี 1829 ถึง 4 มีนาคม ปี 1837) เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกจากพรรคเดโมแครต เขาเป็นเจ้าของทาส เขาเหยียดผิว เขาปฎิบัติต่อชนพื้นเมืองอย่างโหดร้ายมาก เหยียดผิวเขาไม่สนใจเลยที่ คำตัดสินของศาลสูงสุดของสหรัฐที่ตัดสินให้ ชนพื้นเมืองเผ่าโชลากี ชนะระหว่างการต่อสู้กับชนพื้นเมืองด้วยกันเอง ฝ่ายบริหารออกกฎหมาย กำจัดชนพื้นเมืองอเมริกัน หรือ Removed Indian Act แจ็คสันคัดค้านไม่ให้หนังสือพิมพ์เผยแพร่การต่อต้านระบบทาส เขาประกาศสงครามกับธนาคารแห่งชาติ และ ชนะสงครามธนาคารแห่งชาติจนเมื่อไม่มีธนาคารแห่งชาติเศรษฐกิจก็ตกต่ำ แจ็คสันเอง มีส่วนทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ ผู้คนตกงาน ธุรกิจธนาคารล้มเหลว และมีส่วนทำให้เกิดเส้นทางแห่งนํ้าตา ซึ่งทำให้ชนพื้นเมืองหลายแสนคนต้องเดินทางหลายไมล์ จนล้มตายเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่ามีส่วนทำให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์เลยก็ว่าได้ มีรองประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี เป็นคี้งแรกที่ประธานาธิบดีสหรัฐมีรองประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี
9 แซคารี เทย์เลอร์
เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 12 (4 มีนาคม ปี 1849 จนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมในวันที่ 9 กรกฎาคม ปี 1850) สังกัดพรรควิก เขาเป็นวีรบุรุษสงครามเม็กซิโกอเมริกัน เขาไม่เคยลงคะแนนเลือกตั้งเลยสักครั้งเดียว พรรควิกต้องการเขาลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่จริงเขาไม่ได้อยากจะเป็นเลย เขาชนะการเลือกตั้ง เขาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนสุดท้ายที่เป็นเจ้าของทาส ก่อนสงครามกลางเมือง เขาไร้ประสบการณ์ทางการเมืองอย่างมาก เมื่อเกิดความขัดแย้งในเรื่องทาส เขาตอบสนองมันได้ดี แต่ในเดือน กรกฎาคม เขาได้เผลอดื่ม นม และ เชอรี่ ในช่วงที่อากาศร้อน ส่งผลให้ สุขภาพของแย่ลงและ เขาเสียชีวิตด้วยโรคที่ เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร หลังการเสียชีวิตของเขา สถานการณ์ความขัดแย้งในเรื่องทาส ก็แย่ลงหลังจากนั้น
8 โจ ไบเดน
ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 (20 มกราคม ปี 2021 ถึงปัจจุบัน) สังกัดพรรคเดโมแครต เขาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐที่อายุ มากที่สุดในประวัติศาสตร์ 78 ปี และ คนแรกที่นับถือคาทอลิก เขาถอดทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถาน ซึ่งทำให้กลุ่มก่อการร้ายตาลีบันกลับมามีอำนาจ อัฟกานิสถานไม่สงบสุขเลย เศรษฐกิจฟื้นฟูได้ไม่นาน เงินเฟ้อก็สูงให้เงินช่วยเหลือแก่ยูเครนส่งผลให้สงครามรัสเซียยูเครนและ สงครามอิสราเอล กับ กลุ่มฺฮามาส ไม่มีที่สิ้นสุด วิกฤตนํ้ามัน รองประธานาธิบดีสหรัฐที่ไม่ค่อยดี ไม่ได้มีความพยายามที่จะยุติภาวะเงินเฟ้อ วิกฤตน้ำมัน ไม่ได้มีความพยายามมี่จะยุติสงครามในต่างประเทศเลย ปล่อยไก่บ่อยเพราะความจำ
7 เบนจามิน แฮร์ริสัน
เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 23 (4 มีนาคม ปี 1889 ถึง 4 มีนาคม ปี 1893) สังกัดพรรครีพับลิกัน เขาเป็นหลานชายของ วิลเลียม เฮนรี่ แฮร์ริสัน เขาเอาชนะ โกรเวอร์ คลิฟแลนด์ แม้ว่าจะแพ้คะแนนเสียงจากประชาชนแต่ชนะจากคะแนนของคณะผู้เลือกตั้ง เขาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ติดตั้งไฟฟ้าในทำเนียบขาวแต่เขาปฎิเสธที่จะใช้มันเพราะกลัวถูกไฟฟ้าช็อต เขาเป็นคนที่เก็บภาษีสูงอย่างมาก ซึ่งส่งผลร้านต่อเศรษฐกิจ การแบ่งแยกเชื้อชาติในภาคใต้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เขาตอบสนองได้น้อย เหตุการณ์สังหารหมู่ชนพื้นเมืองทั่วสหรัฐ ระหว่างการยอมรับ 6 รัฐใหม่ ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ นอกจากนี้เขายังสนับสนุนระบบอุปถัมภ์ เศรษฐกิจไม่ค่อยเฟื่องฟูระหว่างดำรงตำแหน่ง นโยบายเศรษฐกิจของเขาแน่นำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจปี 1893 ภรรยาของเขาได้เสียชีวิตช่วงท้ายวาระ และเขาแต่งงานใหม่หลังออกจากทำเนียบขาว
6 จอห์น ไทเลอร์
ขึ้นดำรงตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 9 (4 เมษายน ปี 1841 ถึง 4 มีนาคม ปี 1845) สังกัดพรรควิก และ อิสระ เขาขึ้นดำรงตำแหน่งภายหลังจากที่ วิลเลียม เฮนรี่ แฮร์ริสัน เสียชีวิต ด้วยโรคปอดบวม เขาเป็นรองประธานาธิบดีคนแรกที่สืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดี ภรรยาของเขาเสียชีวิตในระหว่างดำรงตำแหน่ง เขาจึงได้แต่งงานกับภรรยาใหม่ซึ่งมีอายุห่างกันเขาหลายปี และ เป็นประธานาธิบดีที่มีลูกเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ เขาเป็นคนที่สนับสนุนระบบทาสอย่างมาก จ้างคนมาเป็นคณะรัฐมนตรีโดยไม่แต่งตั้ง เชื่อว่าคนขาวเป็นใหญ่ เขาถูกขับออกจากพรรค คณะรัฐมนตรีลาออกเกือบหมด เกือบถูกฟ้อง กลายเป็นเป็ดง่อย เขาประกาศให้รัฐเท็กซัสที่ผนวกมาเป็นรัฐที่มีทาส เช่นเดียวกับ มลรัฐฟลอริดาที่ ยอมรับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพ ฟื้นฟูเศรษฐกิจช้าทั้งๆ ที่ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น หลังออกจากตำแหน่ง เป็นกบฏต่อชาตินั้นคือเข้าร่วมและสนับสนุนฝ่ายใต้ ช่วงสงครามกลางเมืองด้วยการลงสมัคร ส.ส. ฝ่ายใต้ และ เสียชีวิตในภายหลังดำรงตำแหน่ง
5 เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์
ป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 31 (4 มีนาคม ปี 1929 ถึง 4 มีนาคม ปี 1933) สังกัดพรรครีพับลิกัน เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ไม่เคยได้รับเลือกตั้งในตำแหน่งทางการเมืองมาก่อน และ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่เคยเป็น รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ในสมัยของ วอร์เรน จี. ฮาร์ดิง และ แคลวิน คูลิดจ์ เมื่อ อีกด้วย ฮูเวอร์ เข้ารับตำแหน่งได้ไม่ถึงปี ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐล่ม สหรัฐเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ เขาเนรเทศชาวเม็กซิกันด้วยให้เหตุผลว่า เป็นต้นเหตุของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ฮูเวอร์เองตอบสนองมันหลายวิธีที่ซึ่งไม่เป็นผล ซึ่งฮูเวอร์ลงนามในกฎหมาย Smoot–Hawley Tariff Act ซึงเป็นกฏหมายขึ้นภาษีเงินได้แต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำนั้นเลวร้ายลงไปอีกหลายปี เพราะรัฐบาลมีการขึ้นภาษีการค้าระหว่างประเทศซึ่งมันไม่ได้ข่วยอะไรนอกจากการทำลายธุรกิจ ผู้คนตกงานและตัดสินใจฆ่าตัวตาย ประชาชนจนหนัก หนี้ของประเทศสูงอย่างมาก ทหารผ่านศึกหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ประท้วงโบนัส ฝ่ายบริหารของฮูเวอร์ปราบปรามพวกเขาด้วยความรุนแรง และปัญหาก็อาชญากรรมสูงอย่างมากในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกครั้งใหญ่
4 แฟรงคลิน เพียร์ซ
เป็นประธานาธิบดี สหรัฐคนที่ 14 (4 มีนาคม ปี 1853 ถึง 4 มีนาคม ปี 1857)
ก่อนหน้าที่เพียร์ซจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ลูกของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถไฟชน เมื่อได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ฝ่ายบริหารของเขาออกฎหมาย Kansas Nebraska Act ซึ่งเป็นกฎหมายที่ขยายระบบทาสไปสู่รัฐในดินแดนใหม่ๆ เพียร์ซ ก็ยอมลงนามในกฎหมายดังกล่าว สุดท้ายเกิดการนองเลือดที่แคนซัส โดยกลุ่มที่สนับสนุนการเลิกทาส และ กลุ่มที่สนับสนุนการมีทาส ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก โดยคนที่ลงมือคือ จอห์น บราวน์ ก่อเหตุการสังหารหมู่ผู้นิยมการมีทาส เป็นสงครามกองโจร เป็นความรุนแรงในแคนซัส เป็นข่าวใหญ่ระดับชาติ ซึ่งกฎหมาย Kansas Nebraska Act นั้นเป็นกฎหมายที่เลวร้ายที่สุด เพราะเป็นกฎหมายที่เพิ่มความขัดแย้งในเรื่องทาสให้บานปลายเป็นสงครามกลางเมืองในเวลาต่อมา เขาไม่สามารถ ปรับปรุงความสัมพันธ์กับสหราชอาณาจักรได้ ล้มเหลวในการซื้อดินแดนคิวบา มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับรัฐสภา
3 แอนดรูว์ จอห์นสัน
ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 17 (15 เมษายน ปี 1865 ถึง 4 มีนาคม ปี 1869) สังกัด พรรคเดียวหลังจากประธานาธิบดีคนก่อน ซึ่งก็คือ อับราฮัม ลินคอล์น ถูกลอบสังหาร ในโรงละคร ก่อนที่ จอห์นสัน จะได้เป็น ประธานาธิบดี จอห์นสัน เป็นสมาชิก พรรคเดโมแครตจากภาคใต้ รัฐเทนเนสซี แต่ ลินคอล์น เลือก จอห์นสัน เป็นรองประธานาธิบดี เพื่อให้ทุกคนมองว่าสหรัฐกำลังจะรวมกันเป็นหนึ่งอันเดียวกัน พอหลังสงครามกลางเมืองสิ้นสุดลง มีการเลิกทาส ทาสกลายเป็นเสรีชน นำไปสู่สมัยบูรณะประเทศหลังสงครามกลางเมือง เมื่อจอห์นสัน เป็นประธานาธิบดีเขาคัดค้านร่างกฎหมายสิทธิพลเมืองให้กับทาสที่เป็นเสรชน สนับสนุน กฎหมาย Jim Crow Laws เพื่อแบ่งแยกเชื้อชาติในภาคใต้ของสหรัฐ ส่งผลให้เกิดกลุ่ม ก่อการร้าย Klu Klux Klan กลุ่มก่อการร้ายที่มีอคติทางเชื้อชาติ เหตุการณ์จลาจลทางเชื้อชาติในปี 1866 มีการสังหารหมู่ทาสที่เป็นเสรีชนแล้งหลังสงครามกลางเมือง และ พยายามไล่รัฐมนตรีกลาโหมออกไป รวมไปถึงอภัยโทษให้กับ นักการเมืองทางใต้ ซึ่งเป็นอดีตพวกของฝ่ายใต้ในช่วงสงครามกลางเมือง จนทำให้เขาถูกฟ้องโดนถอดถอน แต่ไม่ออกจากตำแหน่งเพราะขาดไปหนึ่งเสียง
2 เจมส์ บูคานัน
เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 15
(4 มีนาคม ปี 1857 ถึง 4 มีนาคม ปี 1861) สังกัดพรรคเดโมแครตเคยเป็นทูตอเมริกาประจำสหราชอาณาจักรในสมัยของ แฟรงคลิน เพียร์ซ เขาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ไม่แต่งงาน บูคานัน ลงแข็งเป็นตัวแทนของพรรคแลกได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรค และชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 1856 เมื่อได้รับตำแหน่งประธานาธิบดี เจอกรณี เดรด สก็อต ทาสที่ขึ้นเหนือเป็นเสรีชนถูกส่งกลับไปเป็นทาส เมื่อเจ้าของทาสเสียชีวิต ก็ถูกขายต่อ คำตัดสินของศาลคือ เดรด สก็อต ไม่ได้เป็นพลเมือง และไม่มี สิทธิฟ้องซึ่งเป็นคำตัดสิน หลังถูกนายทาส ส่งกลับไปที่ภาคใต้ของสหรั บูคานัน เองพยายามให้ ฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ กลับมาเป็นหนึ่งอันเดียวกันให้ได้ แต่สุดท้ายก็แตกกันมากขึ้นจนไม่สามารถควบคุใได้ เขาคัดค้านการควบคุมมลรัฐในดินแดนใหม่ว่าจะเป็นรัฐทาสหรือรัฐเสรีส่งผลให้ความขัดแย้งบานปลายเป็นสงครามกลางเมือง ฝ่ายบริหารส่งปืนหลายกระบอกไปในภาคใต้ซึ่งจุดชนวนสงครามกลางเมือง
1 วูดโรว์ วิลสัน
เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 28
(4 มีนาคม ปี 1913 ถึง 4 มีนาคม ปี 1921) และเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่เคยเป็นนักวิชาการมาก่อน สังกัดพรรคเดโมแครต วิลสัน ชนะ ทัฟท์ และ ธีโอดอร์ รูสเวลต์ ได้เพราะ รูสเวลต์ ลงสมัครในนามพรรคทางเลือกที่ 3 เมื่อวิลสันได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีวิลสันให้อำนาจรัฐบาลจัดเก็บภาษีเงินได้ของประชาชน ก่อตั้งระบบธนาคารกลางเพื่อเป็นระบบเงินสำรองของรัฐบาลกลางดูแลระบบการเงินอย่างกว้างขวางรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ แต่รับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจำได้ไม่ดี วิลสันสนับสนุนการแบ่งแยกเชื้อชาติในภารัฐ และ สนับสนุน กฎหมาย Jim Crow Laws เพื่อแบ่งแยกเชื้อชาติในภาคใต้ของสหรัฐ ฉาย หนัง The Birth Of Nation ในทำเนียบขาว ซึ่งแสดงที่วีรกรรมของ กลุ่มก่อการร้ายที่มีอคติทางเชื้อชาติ Klu Klux Klan ส่งผลให้กลุ่มก่อการร้ายที่มีอคติทางเชื้อชาติ Klu Klux Klan กลับมามีบทบาทจนถึงปัจจุบัน สนับสนุนการแทรกแซงอเมริกาใต้อย่างไร้เหตุไร้ผล โกหกว่าจะไม่เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ในการหาเสียงเลือกตั้งสมัยที่ 2 สุดท้ายเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ฝ่ายบริหารออกฎหมาย Espionage Act และ Sedition Act เพื่อไม่ให้คนวิพากษ์วิจารณ์สงครามโลกที่ 1 และ รัฐบาลกลาง ต่อต้านเสรีภาพในการพูดและเสรีภาพพลเมือง อย่างรุนแรง เจรจาข้อเสนอ 14 คะแนน นำไปสู่สนธิสัญญาแวร์ซายส์ และ การตั้งองค์การสันนิบาตชาติ แต่รัฐสภาสหรัฐไม่สามารถเข้าร่วมองค์การสันนิบาตชาติได้ นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 สถาบันกษัตริย์ในยุโรปถูกทำลาย ไม่ตอบสนองเหตุการณ์จลาจลทางเชื้อชาติในปี 1919 มีการสังหารหมู่คนผิวสีหลายร้อยคนทั่วสหรัฐในภาคใต้และบางส่วนของภาคเหนือของประเทศ เศรษฐกิจตกต่ำหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เกลียดสิทธิสตรีส่งผลให้ผู้หญิงมีสิทธิเลือกตั้งล่าช้าอย่างมาก