มาแชร์ประสบการณ์แย่ๆของคนสัมภาษณ์งาน
ก่อนจะมาสัมฯที่นี่คือผ่านงานมาหลายที่ แต่ละที่คือไม่ตรงสายที่จบมาเลย และเราก็ทำออกมาได้ดีตลอด เราชอบตัวเลขมาก เพราะกิจการที่บ้านก็อยู่กับเงินๆทองๆ เราจะช่วยทำบัญชีให้ที่บ้านทุกเดือน
เราลาออกจากงานล่าสุดที่ทำมา4 ปี เราลาออกล่วงหน้าตั้ง3 เดือนแนะ เพราะหน้าที่ ที่เรารับผิดชอบค่อนข้างเยอะ เลยให้เวลาบริษัทหาคนมาเรียนรู้งานต่อ
ตอนลาออก บริษัทก็รั้ง จะปรับเงิน ย้ายตำแหน่งงานให้นะ (เราเคยเลื่อนมา1ตำแหน่งแล้ว) แต่เหมือนเราถึงจุดอิ่ม เราอยากออก เพราะไม่มีเวลาพักผ่อน เราก็เสียดายงานที่ล่าสุดมากๆ สังคมดี งานดี เงินดี ด้วยค่ะ แต่เราอยากออกมาเติบโต
เราผ่านการสอนงานคนมาเยอะมากๆ เราจะเข้าใจดีมาก กับการที่เป็นคนใหม่ เราชวนคนใหม่ กินข้าวตลอด ระหว่างทำงาน ก็ชวนคุยเล่นให้ไม่เครียดงานมากเกินไป ไม่เคยทำตัวแย่ๆกับใครก่อน และก่อนมาสัมฯที่นี่ ก็สัมฯ ทำข้อสอบ มาหลายที่
ประสบการณ์ทำงานเราในหลายๆที่รวมกัน 10 ปีกว่า
ล่าสุดไปสัมฯการเงิน (ไม่ได้สมัครไปในappต่างๆ บริษัทเห็นเรซูเม่เรา ก็เลยโทรมา
(เราเคยทำบัญชี-การเงิน ให้บริษัท นำเข้า-ส่งออกแห่งนึงอยู่ประมาน2ปี)
*เข้าเรื่องเลยนะคะ
-เบอร์โทรมาไม่ได้รับสาย เราเห็นเบอร์ค้างเลยรีบโทรกลับไป (ห่างกัน11 นาที) ปลายสายเป็นป้าแก่ๆเหวี่ยงๆหน่อย ก็ไม่ได้สนใจ เพราะโฟกัสที่หางาน และเจอคนมาค่อนข้างเยอะมากๆ และเข้าใจว่านิสัยแต่ละคนแตกต่างกัน เรา”อัลโหล เห็นเบอร์โทรมาไม่ได้รับค่ะ” ป้า “เปิดเลยไปแหละ ชื่ออะไร” เราก็บอกชื่อ ….. และก็คงย้อนเรซูเม่กลับไปหาเจอ
-และก็มีการคุยเรื่องงานกับคร่าวๆ บอกเราไม่ต้องทำ บช เพราะเค้ามีให้คนทำอยู่ เราก็คุยเรื่องงานกัน ในตำแหน่งงานของการเงิน นางก็พูดลักษณะงานต่างๆมา เราก็บอกเคยทำค่ะ ป้าก็ถามเงินเดือนเรียกเท่าไร่ละ เราบอก 17,000-19,000 เค้าก็บอกโอเคอยู่ในเรท และก็นัดไปสัมฯ วันพรุ่งนี้ โดยนางจะส่งMail มานัด และนางก็พูดว่า ตอบกลับ Mail ด้วยนะ จะได้รู้จะมาหรือไม่มา
-หลังจากวางสาย เราก็ค้นหาข้อมูลบริษัทค่ะ เราจะทำแบบนี้ทุกครั้งเพื่อดูว่าบริษัททำเกี่ยวกับอะไร เปิดมากี่ปี มีเจ้าของกี่คน ทุนจดทะเบียนเท่าไร่
-เป็นบริษัทเล็กๆ ทุนจด 5 ล้าน (ถ้าเทียบกับที่เราทำงานมา) ถือว่าเล็ก เราเคยผ่านบริษัทกลาง-ใหญ่มาค่ะ และคนที่โทรมาให้เราไปสัมฯคือเจ้าของ ตอนนั้นก็แอบดีใจนะคะ ว่าเจ้าของโทรมาเองเลย
*เข้าเนื้อๆ
-เราไปถึงก่อนเวลานัด 20 นาที ก็มีคนเดินออกมา เราแจ้งว่าสัมฯ งานค่ะ พี่เค้าก็พาเดินเข้าไปในห้องและเอาใบสมัคร ข้อสอบการจัดการ(ข้อสอบพี่เค้าบอกว่าตอบตามความเข้าใจตัวเองนะ) เรากรอกใบสมัครไปจนเสร็จ และทำข้อสอบจนเสร็จ ประมาน 30-35 นาที และก็แจ้งพี่เค้าเสร็จแล้ว ให้รอแปปนะ พี่คนสัมฯกำลังทานข้าว เราตอบด้วยหน้าตายิ้มแย้ม รอได้ค่ะ
-พอคนที่สัมฯเดินเข้ามา เราก็ยกมือสวัสดี แต่หน้าตึง และดึงมาก (ใช่ค่ะ นั้นคือป้าแก่ๆที่โทรไปหาเราค่ะ) คำแรกที่พูด มาเร็วจัง (ไม่ยิ้มหน้าตึงแบบฉีดโบมา) เราบอกว่ารถมันติดค่ะ เค้าสวนกลับไม่เห็นติดเลย เราเลยไม่ตอบอะไรต่อ คิดในใจ(วันนั้นถนนบางนาตราดรถคว่ำ ชน หน้า ซอยเข้า บริษัทตัวเองเค้าไม่รู้หรอ) เราเลยรีบมาเพราะกลัวรถจะติด
-และบ่นลายมือเราต่อค่ะ ว่าอ่านยาก (คือเหมือนไปทานรังแตนมา) และไม่ดูใบสมัครเราเลย ตั้งใจมาดูข้อสอบเรามากกว่า 2 ข้อนั้นที่เราทำไม่ได้ (นอกนั้นเราตอบได้หมด) เราก็ยอมรับว่า เราไม่เข้าใจ และเค้าก็สอน แต่ท่าทางบุคลิคคือใส่อารมณ์เสียงดังมาเต็ม เราตกใจมากค่ะ เรียกมาสัมฯ หรือเรียกมาด่า มารองรับอารมณ์ จนเราไม่ไหว เราร้องไห้ ตรงเอาข้อสอบข้อนั้นมาเปรียบเทียบกับแม่เรา (ซึ่งตอนนั้นแม่เราป่วยอยู่) เราค่อนข้างอ่อนแอมาก เรื่องครอบครัว เรากลั้นไม่ไหวเลยน้ำตาไหลออกมา เค้าบอกจบมาได้ไง คืองงมากค่ะ บอกเราไม่มีความคิด แค่ข้อสอบง่ายๆยังทำไม่ได้ ที่นี่ต้องการคนมีสมอง(ประมานนั้น) ถามเรามาเราตอบไปไม่ถูกใจสักอย่าง บอกเราตอบแบบไม่คิด คืออึ้งมากตอนนั้น พูดๆบ่นๆ จนเราไม่มีช่องว่างที่จะพูด พูดเยอะมากๆค่ะ(อยากได้กล้องวงจรปิดในห้องนั่นมาก) จนทนฟังต่อไม่ไหว และนางเอาเอกสารคืนเราบอกไม่สัมฯต่อแล้ว เราก็ลุกออกมาเลย
คือระดับเจ้าของ มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ต่ำ นิสัยท่าทางต้องขนาดนี้เลยหรือค่ะ นี่ขนาดยังไม่เป็น พนง ยังใส่มาขนาดนี้ ยอมรับว่าตกใจมากๆ เพราะไม่เคยเจอคนนิสัยแย่ๆขนาดนี้
-กลับถึงบ้านตั้งสติค่ะ (ทั้งที่มีสมัครต่ออีกที่ เลยนัดไปพรุ่งนี้) ตอนแรกพูดกับแฟนถ้าได้ที่นี่ ก็ไม่ไปสมัครอีกที่ค่ะ เพราะใกล้บ้าน (อีกทีเป็นบริษัทปานกลางทุนจด30ล้าน)
สัมภาษณ์งานที่แย่ที่สุด (ในชีวิต) ก็ว่าได้
ก่อนจะมาสัมฯที่นี่คือผ่านงานมาหลายที่ แต่ละที่คือไม่ตรงสายที่จบมาเลย และเราก็ทำออกมาได้ดีตลอด เราชอบตัวเลขมาก เพราะกิจการที่บ้านก็อยู่กับเงินๆทองๆ เราจะช่วยทำบัญชีให้ที่บ้านทุกเดือน
เราลาออกจากงานล่าสุดที่ทำมา4 ปี เราลาออกล่วงหน้าตั้ง3 เดือนแนะ เพราะหน้าที่ ที่เรารับผิดชอบค่อนข้างเยอะ เลยให้เวลาบริษัทหาคนมาเรียนรู้งานต่อ
ตอนลาออก บริษัทก็รั้ง จะปรับเงิน ย้ายตำแหน่งงานให้นะ (เราเคยเลื่อนมา1ตำแหน่งแล้ว) แต่เหมือนเราถึงจุดอิ่ม เราอยากออก เพราะไม่มีเวลาพักผ่อน เราก็เสียดายงานที่ล่าสุดมากๆ สังคมดี งานดี เงินดี ด้วยค่ะ แต่เราอยากออกมาเติบโต
เราผ่านการสอนงานคนมาเยอะมากๆ เราจะเข้าใจดีมาก กับการที่เป็นคนใหม่ เราชวนคนใหม่ กินข้าวตลอด ระหว่างทำงาน ก็ชวนคุยเล่นให้ไม่เครียดงานมากเกินไป ไม่เคยทำตัวแย่ๆกับใครก่อน และก่อนมาสัมฯที่นี่ ก็สัมฯ ทำข้อสอบ มาหลายที่
ประสบการณ์ทำงานเราในหลายๆที่รวมกัน 10 ปีกว่า
ล่าสุดไปสัมฯการเงิน (ไม่ได้สมัครไปในappต่างๆ บริษัทเห็นเรซูเม่เรา ก็เลยโทรมา
(เราเคยทำบัญชี-การเงิน ให้บริษัท นำเข้า-ส่งออกแห่งนึงอยู่ประมาน2ปี)
*เข้าเรื่องเลยนะคะ
-เบอร์โทรมาไม่ได้รับสาย เราเห็นเบอร์ค้างเลยรีบโทรกลับไป (ห่างกัน11 นาที) ปลายสายเป็นป้าแก่ๆเหวี่ยงๆหน่อย ก็ไม่ได้สนใจ เพราะโฟกัสที่หางาน และเจอคนมาค่อนข้างเยอะมากๆ และเข้าใจว่านิสัยแต่ละคนแตกต่างกัน เรา”อัลโหล เห็นเบอร์โทรมาไม่ได้รับค่ะ” ป้า “เปิดเลยไปแหละ ชื่ออะไร” เราก็บอกชื่อ ….. และก็คงย้อนเรซูเม่กลับไปหาเจอ
-และก็มีการคุยเรื่องงานกับคร่าวๆ บอกเราไม่ต้องทำ บช เพราะเค้ามีให้คนทำอยู่ เราก็คุยเรื่องงานกัน ในตำแหน่งงานของการเงิน นางก็พูดลักษณะงานต่างๆมา เราก็บอกเคยทำค่ะ ป้าก็ถามเงินเดือนเรียกเท่าไร่ละ เราบอก 17,000-19,000 เค้าก็บอกโอเคอยู่ในเรท และก็นัดไปสัมฯ วันพรุ่งนี้ โดยนางจะส่งMail มานัด และนางก็พูดว่า ตอบกลับ Mail ด้วยนะ จะได้รู้จะมาหรือไม่มา
-หลังจากวางสาย เราก็ค้นหาข้อมูลบริษัทค่ะ เราจะทำแบบนี้ทุกครั้งเพื่อดูว่าบริษัททำเกี่ยวกับอะไร เปิดมากี่ปี มีเจ้าของกี่คน ทุนจดทะเบียนเท่าไร่
-เป็นบริษัทเล็กๆ ทุนจด 5 ล้าน (ถ้าเทียบกับที่เราทำงานมา) ถือว่าเล็ก เราเคยผ่านบริษัทกลาง-ใหญ่มาค่ะ และคนที่โทรมาให้เราไปสัมฯคือเจ้าของ ตอนนั้นก็แอบดีใจนะคะ ว่าเจ้าของโทรมาเองเลย
*เข้าเนื้อๆ
-เราไปถึงก่อนเวลานัด 20 นาที ก็มีคนเดินออกมา เราแจ้งว่าสัมฯ งานค่ะ พี่เค้าก็พาเดินเข้าไปในห้องและเอาใบสมัคร ข้อสอบการจัดการ(ข้อสอบพี่เค้าบอกว่าตอบตามความเข้าใจตัวเองนะ) เรากรอกใบสมัครไปจนเสร็จ และทำข้อสอบจนเสร็จ ประมาน 30-35 นาที และก็แจ้งพี่เค้าเสร็จแล้ว ให้รอแปปนะ พี่คนสัมฯกำลังทานข้าว เราตอบด้วยหน้าตายิ้มแย้ม รอได้ค่ะ
-พอคนที่สัมฯเดินเข้ามา เราก็ยกมือสวัสดี แต่หน้าตึง และดึงมาก (ใช่ค่ะ นั้นคือป้าแก่ๆที่โทรไปหาเราค่ะ) คำแรกที่พูด มาเร็วจัง (ไม่ยิ้มหน้าตึงแบบฉีดโบมา) เราบอกว่ารถมันติดค่ะ เค้าสวนกลับไม่เห็นติดเลย เราเลยไม่ตอบอะไรต่อ คิดในใจ(วันนั้นถนนบางนาตราดรถคว่ำ ชน หน้า ซอยเข้า บริษัทตัวเองเค้าไม่รู้หรอ) เราเลยรีบมาเพราะกลัวรถจะติด
-และบ่นลายมือเราต่อค่ะ ว่าอ่านยาก (คือเหมือนไปทานรังแตนมา) และไม่ดูใบสมัครเราเลย ตั้งใจมาดูข้อสอบเรามากกว่า 2 ข้อนั้นที่เราทำไม่ได้ (นอกนั้นเราตอบได้หมด) เราก็ยอมรับว่า เราไม่เข้าใจ และเค้าก็สอน แต่ท่าทางบุคลิคคือใส่อารมณ์เสียงดังมาเต็ม เราตกใจมากค่ะ เรียกมาสัมฯ หรือเรียกมาด่า มารองรับอารมณ์ จนเราไม่ไหว เราร้องไห้ ตรงเอาข้อสอบข้อนั้นมาเปรียบเทียบกับแม่เรา (ซึ่งตอนนั้นแม่เราป่วยอยู่) เราค่อนข้างอ่อนแอมาก เรื่องครอบครัว เรากลั้นไม่ไหวเลยน้ำตาไหลออกมา เค้าบอกจบมาได้ไง คืองงมากค่ะ บอกเราไม่มีความคิด แค่ข้อสอบง่ายๆยังทำไม่ได้ ที่นี่ต้องการคนมีสมอง(ประมานนั้น) ถามเรามาเราตอบไปไม่ถูกใจสักอย่าง บอกเราตอบแบบไม่คิด คืออึ้งมากตอนนั้น พูดๆบ่นๆ จนเราไม่มีช่องว่างที่จะพูด พูดเยอะมากๆค่ะ(อยากได้กล้องวงจรปิดในห้องนั่นมาก) จนทนฟังต่อไม่ไหว และนางเอาเอกสารคืนเราบอกไม่สัมฯต่อแล้ว เราก็ลุกออกมาเลย
คือระดับเจ้าของ มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ต่ำ นิสัยท่าทางต้องขนาดนี้เลยหรือค่ะ นี่ขนาดยังไม่เป็น พนง ยังใส่มาขนาดนี้ ยอมรับว่าตกใจมากๆ เพราะไม่เคยเจอคนนิสัยแย่ๆขนาดนี้
-กลับถึงบ้านตั้งสติค่ะ (ทั้งที่มีสมัครต่ออีกที่ เลยนัดไปพรุ่งนี้) ตอนแรกพูดกับแฟนถ้าได้ที่นี่ ก็ไม่ไปสมัครอีกที่ค่ะ เพราะใกล้บ้าน (อีกทีเป็นบริษัทปานกลางทุนจด30ล้าน)