คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 60
เมื่อก่อนไม่ค่อยมีค่านิยม ถ้าไม่สบายจากโรคระบบทางเดินหายใจ ควรจะใส่แมส
ตอนนั้นคนกลัวเรื่องใส่แผ่นอนามัยมันไม่ดี แมสกล่องนึง 50 ชิ้น มีราคา 40 ไม่เกิน ราคาใกล้กับแผ่นอนามัยห่อ 20+ ชิ้น คนจึงเลือกที่จะซื้อกางเกงในตลาดนัด เพราะเชื่อคำหมอ ราคาถูก ทิ้งง่ายไม่คิดเสียดาย
เวลาผมคุ้ยขยะขายหลังเลิกเรียน ตามพวกที่พักคนทำงานห้าง นศ นักเรียน กินอยู่ประหยัด ไม่ใช่โซนคนทำงานขายหล่อสวย หรือพวกระดับหัวหน้าคนยันผู้จัดการ ที่มีกำลังซื้อ ผมจะได้เจอพวกที่ทิ้งกางเกงในตลาดนัดมีคราบเหลืองเต็มไปหมด
มายุคโควิด แมสแบบเดิมกล่องนึง โก่งราคา ซัดไป 700-1000 บาท แล้วราคาก็ค่อยๆ ลง มาจนวันนี้ ก็มีพวกรับมาแล้วล้นคลัง รีบผลิตจนซื้อมาแกะซองออกมาก็เหม็นสี ต้องผึ่งลมก่อนใช้ ตีเป็นของคุณภาพแทบรับไม่ได้ เขาต้องขายขาดทุน เหลือกล่องละ 25 บาท
คนเริ่มสบายใจที่จะใช้แมส แม้จะไม่ป่วย หรือโรคระบาดจางไป มันทำให้ดูมีอนามัยดี ถ้ารวยหน่อยก็ซื้อแบบที่ดีกว่านี้ ซึ่ง ก็ไม่ได้แพงแล้ว อะไรที่ดูมีอนามัย ใช้แล้วทิ้ง ราคาจับต้องได้ มันก็มีความเคยชิน แผ่นอนามัยก็เริ่มกลายเป็นของยอดฮิตแบบเงียบๆ เพราะราคาแผ่นอนามัยก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก แบบว่า ทำไมต้องรับฟังคำหมอเตือน ในเมื่อทำให้กางเกงในทนทาน คุ้มราคาที่ซื้อมาแพง เวลาซักตากคนมองแล้วไม่เขิน
ดังนั้น ตอนนี้ เวลาผมไปคุ้ยขยะหารายได้เสริม ย่านเดิม คนจะแขวนชุดชั้นในมีแบรนด์ไว้ตามระเบียง หรือในบ้าน และที่กองขยะ จะมีแมส แผ่นอนามัย ผ้าอนามัย ผ้าอ้อม กล่องข้าวร้านสะดวกซื้อ บรรจุภัณฑ์ใช้แล้วทิ้ง พวกที่ใช้ห่อพัสดุ คนย่านนี้อู้ฟู่มากขึ้น กางเกงในตลาดนัดเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีคนใช้แล้ว ส่วนย่านอื่นผมไม่รู้
คือ อยากจะบอกว่า คนใช้สินค้าใช้แล้วทิ้ง ไมว่าจะเป็นแมส หรืออะไรก็ตาม เพื่อดูมีอนามัย เค้าสบายใจที่จะใช้ ก็ขอให้คิดเอาแบบนี้ เราก็จะสบายใจด้วย
ตอนนั้นคนกลัวเรื่องใส่แผ่นอนามัยมันไม่ดี แมสกล่องนึง 50 ชิ้น มีราคา 40 ไม่เกิน ราคาใกล้กับแผ่นอนามัยห่อ 20+ ชิ้น คนจึงเลือกที่จะซื้อกางเกงในตลาดนัด เพราะเชื่อคำหมอ ราคาถูก ทิ้งง่ายไม่คิดเสียดาย
เวลาผมคุ้ยขยะขายหลังเลิกเรียน ตามพวกที่พักคนทำงานห้าง นศ นักเรียน กินอยู่ประหยัด ไม่ใช่โซนคนทำงานขายหล่อสวย หรือพวกระดับหัวหน้าคนยันผู้จัดการ ที่มีกำลังซื้อ ผมจะได้เจอพวกที่ทิ้งกางเกงในตลาดนัดมีคราบเหลืองเต็มไปหมด
มายุคโควิด แมสแบบเดิมกล่องนึง โก่งราคา ซัดไป 700-1000 บาท แล้วราคาก็ค่อยๆ ลง มาจนวันนี้ ก็มีพวกรับมาแล้วล้นคลัง รีบผลิตจนซื้อมาแกะซองออกมาก็เหม็นสี ต้องผึ่งลมก่อนใช้ ตีเป็นของคุณภาพแทบรับไม่ได้ เขาต้องขายขาดทุน เหลือกล่องละ 25 บาท
คนเริ่มสบายใจที่จะใช้แมส แม้จะไม่ป่วย หรือโรคระบาดจางไป มันทำให้ดูมีอนามัยดี ถ้ารวยหน่อยก็ซื้อแบบที่ดีกว่านี้ ซึ่ง ก็ไม่ได้แพงแล้ว อะไรที่ดูมีอนามัย ใช้แล้วทิ้ง ราคาจับต้องได้ มันก็มีความเคยชิน แผ่นอนามัยก็เริ่มกลายเป็นของยอดฮิตแบบเงียบๆ เพราะราคาแผ่นอนามัยก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก แบบว่า ทำไมต้องรับฟังคำหมอเตือน ในเมื่อทำให้กางเกงในทนทาน คุ้มราคาที่ซื้อมาแพง เวลาซักตากคนมองแล้วไม่เขิน
ดังนั้น ตอนนี้ เวลาผมไปคุ้ยขยะหารายได้เสริม ย่านเดิม คนจะแขวนชุดชั้นในมีแบรนด์ไว้ตามระเบียง หรือในบ้าน และที่กองขยะ จะมีแมส แผ่นอนามัย ผ้าอนามัย ผ้าอ้อม กล่องข้าวร้านสะดวกซื้อ บรรจุภัณฑ์ใช้แล้วทิ้ง พวกที่ใช้ห่อพัสดุ คนย่านนี้อู้ฟู่มากขึ้น กางเกงในตลาดนัดเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีคนใช้แล้ว ส่วนย่านอื่นผมไม่รู้
คือ อยากจะบอกว่า คนใช้สินค้าใช้แล้วทิ้ง ไมว่าจะเป็นแมส หรืออะไรก็ตาม เพื่อดูมีอนามัย เค้าสบายใจที่จะใช้ ก็ขอให้คิดเอาแบบนี้ เราก็จะสบายใจด้วย
สุดยอดความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ทำไมในรถไฟฟ้ายังประกาศว่าแนะนำใส่แมส ตามคำแนะนำของ สธ เขายกเลิกใส่แมสนานแล้ว
สธ แนะนำจริงรึป่าว หรือเอาเขามาอ้างมั่วๆ
ฝรั่ง ชาวต่างชาติ นทท ได้ยิน จะเข้าใจผิดรึป่าว