ผมเขียนเมโลดี้แบบสำเนียงไทยๆนี่แหละ แต่ไม่ได้ใส่เนื้อและร้องนะ แล้วก็โพสโปรเจคลงไปในเว็บหนึ่ง
ผมฟังของผมแล้วมันก็โอเค แต่ก็รู้อยู่แล้วว่าคงไม่ใครมากดชอบหรือ reaction อะไรแน่ๆ เพราะสำเนียงทำนองแบบนี้มันไม่ถูกจริตฝรั่งหรือเขาอาจไม่คุ้นเคย บางทีก็เอาเพลงไทยที่ผมชอบมาแกะเป็นเพลงบรรเลงเปล่าๆแล้วโพสเล่นก็เงียบกริบ แอบอยากให้คนประเทศอื่นเข้าถึงลองเสพดู ก็เลยลองพยายามเอาคำร้องอังกฤษยัดเข้าไป ปรากฏว่ายัดไม่ได้เลย ยากๆ พอๆกับเอาคำร้องไทยยัดเข้าไปในเพลงฝรั่งเลย
เลยพยายามหาข้อแตกต่างระหว่างทำนองแต่ละประเทศ ภาษาไทยมันเป็นภาษาตระกูล tonal language, pitch เลยถูก fix เอาไว้ ขณะที่อังกฤษหรือหลายภาษาแทบยุโรปไม่ หลายประเทศในเอเชียก็ไม่ fix เยอะ อย่างภาษาเกาหลีผมชอบความอินดี้ตรงถ้าพูดไม่จบประโยคแล้วความหมายมันไม่ชัดเจน ต้องรออีกท่อนถึงจะเคลียร์ ทำให้ภาษาเกาหลีคำร้องติดกันยาวเป็นพืด แต่น่าจะเล่นพอคำได้เหมือนกัน และบางภาษาสามารถบ่นๆมาแบบไม่รู้ว่าเอ็งกำลังจะถามหรือเล่ากันแน่ หรืออาจจะบ่นเรื่อยเปื่อย เพลงภาษาอังกฤษก็ชอบเป็นแบบนี้ อย่างไทยก็พอได้บ้างแต่บางทีมันจะแปลกๆ ส่วนมากจะทำได้กันในเพลงเพื่อชีวิต
วนกลับมาที่ภาษาไทยมัน fix pitch ก่อน เพราะว่าระดับเสียงมันตายตัว มันเลยทำให้คำบางคำโดนบังคับให้สูงต่ำได้ในระยะแคบๆ ไม่กี่โทน แต่ถ้าเลือกคำดีๆก็สามารถทำได้ แต่มีให้เลือกน้อย แต่แปลกมากที่ภาษาไทยสามารถยัดเข้าไปในทำนองที่กระโดดไปมาได้หลายๆโทน กับภาษาอังกฤษก็ทำได้ แต่ไม่อิสระเท่าภาษาไทย ลองสักเกตุเวลาพวกเขาคุยกันสิ ถ้าเป็นอารมณ์ในเหตุการณ์ปกติส่วนมากจะออกโทนต่ำๆ ฮึมฮัมในลำคอ ทำให้ท่อนธรรมดาของเพลงโซนนั้นมันจะเป็นโน๊ตแบบ repeated note เวลาเคลื่อนที่จะค่อยๆเคลื่อนที่แบบ ไดอาโทนิก และโน๊ตเคลียง และไม่ค่อยกระโดดซะส่วนมาก และข้อสังเกตอีกอยากที่ผมยังไม่แน่ใจและจะลองศึกษาเพิ่มคือ เพลง inter มันไม่ค่อยนิยมค้างหรือจบบางโน๊ตหรือใช้ขั้นคู่แบบเพลงไทยๆ ขนาดโน๊ตที่ผมใช้ก็ลงจังหวะตกเป็น chord tone ส่วนใหญ่แล้วนะ แต่มันรู้สึกว่ามีอะไรที่เพลงไทยทำแต่ inter ไม่ทำ ผมกำลังสงสัยว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับ Stable และ Active tones เพลงไทยมันลง Active tones ได้ปกติและได้บ่อยๆ แต่ถ้าทำกับเพลง inter มันจะดูปล่อยแคว้งไปหน่อย ที่ผมกล่าวยกตัวอย่างอาจจะเป็นเพลงส่วนใหญ่ที่ผมฟังนะ ความจริงผมฟังหลายแนวมาก แต่เพราะเพลงมันมีหลากหลายแนว บางท่านอาจฟังแนวที่มีอิสระในการใช้ทำนองแล้วเห็นค้านกับผมก็ได้
อาจจะดูหมกมุ้นไปหมดแต่ถ้าคิดในข้อดีคือ เราอาจจะดึงข้อดีๆ ของทำนองแต่ละประเทศมาใช้ และสามารถแต่งเพลงให้เข้าถึงกลุ่มคนที่อยู่ในกระแสหลักหรือเฉพาะกลุ่มก็ได้
กำลังหาข้อแตกต่างของทำนองเพลงของแต่ละประเทศ
ผมฟังของผมแล้วมันก็โอเค แต่ก็รู้อยู่แล้วว่าคงไม่ใครมากดชอบหรือ reaction อะไรแน่ๆ เพราะสำเนียงทำนองแบบนี้มันไม่ถูกจริตฝรั่งหรือเขาอาจไม่คุ้นเคย บางทีก็เอาเพลงไทยที่ผมชอบมาแกะเป็นเพลงบรรเลงเปล่าๆแล้วโพสเล่นก็เงียบกริบ แอบอยากให้คนประเทศอื่นเข้าถึงลองเสพดู ก็เลยลองพยายามเอาคำร้องอังกฤษยัดเข้าไป ปรากฏว่ายัดไม่ได้เลย ยากๆ พอๆกับเอาคำร้องไทยยัดเข้าไปในเพลงฝรั่งเลย
เลยพยายามหาข้อแตกต่างระหว่างทำนองแต่ละประเทศ ภาษาไทยมันเป็นภาษาตระกูล tonal language, pitch เลยถูก fix เอาไว้ ขณะที่อังกฤษหรือหลายภาษาแทบยุโรปไม่ หลายประเทศในเอเชียก็ไม่ fix เยอะ อย่างภาษาเกาหลีผมชอบความอินดี้ตรงถ้าพูดไม่จบประโยคแล้วความหมายมันไม่ชัดเจน ต้องรออีกท่อนถึงจะเคลียร์ ทำให้ภาษาเกาหลีคำร้องติดกันยาวเป็นพืด แต่น่าจะเล่นพอคำได้เหมือนกัน และบางภาษาสามารถบ่นๆมาแบบไม่รู้ว่าเอ็งกำลังจะถามหรือเล่ากันแน่ หรืออาจจะบ่นเรื่อยเปื่อย เพลงภาษาอังกฤษก็ชอบเป็นแบบนี้ อย่างไทยก็พอได้บ้างแต่บางทีมันจะแปลกๆ ส่วนมากจะทำได้กันในเพลงเพื่อชีวิต
วนกลับมาที่ภาษาไทยมัน fix pitch ก่อน เพราะว่าระดับเสียงมันตายตัว มันเลยทำให้คำบางคำโดนบังคับให้สูงต่ำได้ในระยะแคบๆ ไม่กี่โทน แต่ถ้าเลือกคำดีๆก็สามารถทำได้ แต่มีให้เลือกน้อย แต่แปลกมากที่ภาษาไทยสามารถยัดเข้าไปในทำนองที่กระโดดไปมาได้หลายๆโทน กับภาษาอังกฤษก็ทำได้ แต่ไม่อิสระเท่าภาษาไทย ลองสักเกตุเวลาพวกเขาคุยกันสิ ถ้าเป็นอารมณ์ในเหตุการณ์ปกติส่วนมากจะออกโทนต่ำๆ ฮึมฮัมในลำคอ ทำให้ท่อนธรรมดาของเพลงโซนนั้นมันจะเป็นโน๊ตแบบ repeated note เวลาเคลื่อนที่จะค่อยๆเคลื่อนที่แบบ ไดอาโทนิก และโน๊ตเคลียง และไม่ค่อยกระโดดซะส่วนมาก และข้อสังเกตอีกอยากที่ผมยังไม่แน่ใจและจะลองศึกษาเพิ่มคือ เพลง inter มันไม่ค่อยนิยมค้างหรือจบบางโน๊ตหรือใช้ขั้นคู่แบบเพลงไทยๆ ขนาดโน๊ตที่ผมใช้ก็ลงจังหวะตกเป็น chord tone ส่วนใหญ่แล้วนะ แต่มันรู้สึกว่ามีอะไรที่เพลงไทยทำแต่ inter ไม่ทำ ผมกำลังสงสัยว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับ Stable และ Active tones เพลงไทยมันลง Active tones ได้ปกติและได้บ่อยๆ แต่ถ้าทำกับเพลง inter มันจะดูปล่อยแคว้งไปหน่อย ที่ผมกล่าวยกตัวอย่างอาจจะเป็นเพลงส่วนใหญ่ที่ผมฟังนะ ความจริงผมฟังหลายแนวมาก แต่เพราะเพลงมันมีหลากหลายแนว บางท่านอาจฟังแนวที่มีอิสระในการใช้ทำนองแล้วเห็นค้านกับผมก็ได้
อาจจะดูหมกมุ้นไปหมดแต่ถ้าคิดในข้อดีคือ เราอาจจะดึงข้อดีๆ ของทำนองแต่ละประเทศมาใช้ และสามารถแต่งเพลงให้เข้าถึงกลุ่มคนที่อยู่ในกระแสหลักหรือเฉพาะกลุ่มก็ได้